ข่าว

"ปชป." จัดขุนศึกขึ้นปราศรัยครั้งสุดท้าย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"มาร์ค" ขอแหวกประเทศไทยออกจากวงจรอุบาทว์ "รัฐประหาร-ขัดแย้ง" ย้ำไม่เป็นปฏิปักษ์ "ลุงตู่" เตือน "ประยุทธ์" ถอยออกมา ก่อนนองเลือด ยกสืบทอดอำนาจ 3 ครั้ง ก่อวิกฤติ

 

               วันที่ 22 มี.ค.2562 เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ลานคนเมือง ศาลากรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดปราศรัยใหญ่เวทีสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่จะถึงวันที่ 24 มี.ค. 2562 ภายใต้แนวคิด ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต เศรษฐกิจเข้มแข็ง เลือกประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล มีประชาชนสนับสนุนเดินทางมาร่วมรับฟังจนเต็มพื้นที่จัดเตรียมไว้ โดยก่อนที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค คุณชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค จะขึ้นเวทีปราศัย มีแกนนำคนสำคัญหมุนเวียนขึ้นเวที

 

 

 

               นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวถึงอนาคตประเทศจะเดินไปทิศทางไหนว่า  มีพรรคการเมือง ที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล 3 ขั้วการเมือง คือ 1. ขั้วพรรคไทยรักไทยเดิม 2.พลังประชารัฐ 3.ประชาธิปัตย์ ซึ่งทั้ง 2 ขั้วการเมืองมีความแตกต่างสิ้นเชิง ทั้ง คนเป็นนายกรัฐมนตรี  ผลงานที่ผ่านมา และจุดยืนทางการเมือง

               แน่ชัดว่าเลือกพรรคพลังประชารัฐ ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะ พรรคเพื่อไทย ยังไม่ทราบว่า 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ใครจะได้เป็น ต้องไปเลือกครั้ง ส่วน ประชาธิปัตย์ คือ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

 

 

"ปชป." จัดขุนศึกขึ้นปราศรัยครั้งสุดท้าย

 

 

               นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนผลงานการบริหารราชการแผ่นดินของพรรคเพื่อไทยทำประเทศเกิดความเสียหาย เช่น โครงการจำนำข้าว และมีอดีตนายกรัฐมนตรี 2 ท่าน หลบหนีคดีไปต่างประเทศ และถูกรัฐประหาร 2 รอบ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ 5 ปีที่ผ่านมา ลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์)ได้พิสูจน์ผลงานให้เห็นแล้วว่า สามารถทำให้ประเทศสงบ แต่ ลุงตู่สอบตกเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศไทยเกิดสภาวะ รวยกระจุก จนกระจาย เศรษฐกิจเงียบสนิท หรือภาษาอีสานเรียกว่า มิดจีลี (เงียบสนิท)

               สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ เราพิสูจย์มาแล้วพาประเทศพ้นวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ใช้หนีไอเอ็มเอฟ สมัยรัฐบาลคุณชวน หลีกภัย วิกฤติแฮมเบอเกอร์ สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำเศรษฐกิจโต 12% จากติดลบ นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคทุกคนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีมลทินทุจริต

 

 

"ปชป." จัดขุนศึกขึ้นปราศรัยครั้งสุดท้าย

 

 

               ส่วนจุดยืนทางการเมืองของ พลังประชารัฐขายความสงบ ขณะเพื่อไทยขาย ประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ แต่ไม่เคยวิจารณ์เผด็จการในสภา และตั้งตนเป็นเจ้าของ ประชาธิปไตย ขณะ ปชป.มีจุดยืนชัดเจนว่า เราเป็นประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่ใช่ประชาธิปไตยระบบประธานาธิบดี นอกจากนี้ ประชาธิปไตยของ ปชป. จะไม่วิปริส ผิดเพี้ยน หรือ ทุจริต  หาก ปชป.ได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ประเทศไทยพ้นจากการยึดอำนาจ ความขัดแย้ง

               นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ของพรรค กล่าวว่า ปชป.เป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ และเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงาน ตนใช้เวลา 1 ปีศึกษาพรรคนี้ จนทราบว่า ปชป.พร้อมจะเปลี่ยนแปลงมาก และที่ผ่านมาตนโดนข้อครหาลอกเลียนแบบและเดินตามรอยคนบางคน (นายอภิสิทธิ์) แต่มีสิ่งเรื่องหนึ่งที่ตนไม่ได้ลอกเลียนแบบ คือ ตนเป็นผู้เสนอแนวคิด ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ หากนายกรัฐมนตรียังเป็นคนเดิม เป็นการสืบทอดอำนาจ จะทำเกิดความขัดแย้ง ความสงบไม่เกิด ส่วนโนยบายเลิกเกณฑ์ทหา ปรับลดกำลังพล ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายกองทัพ แต่จะทำมห้กองทัพแข็งแรง เล็กแต่แจ๋ว

 

 

"ปชป." จัดขุนศึกขึ้นปราศรัยครั้งสุดท้าย

 

 

 

               จากนั้นคุณชวน หลีกภัย ประธานประธานที่ปรึกษาพรรค บอกว่า ในห้วงเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ได้สำรวจความเป็นอยู่ของประชาชนทั้ง 77 จังหวัด พบว่า รายได้ลด หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น และได้ทำหนังสือและนำรายงานดังกล่าว ส่งให้กับรัฐบาลชุดปัจจุบันตั้งแต่ปีแรก แต่ไม่ได้คำตอบกลับมา จากนั้นตนได้ทำวิจัยไปเรื่อยๆ พบว่า รายได้ประชาชนทั่วประเทศ ลดลงตลอด 

               นอกจากนี้ คุณชวน ยังพูดถึงผลงานการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประสบความสำเร็จในยุคที่ พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แต่ปัญหากลับมารุนแรงที่เกิดการบริหารงานผิดพลาดในยุค นายทักษิณ ชินวัตร จนมาถึงปัจจุบันนี้ รวมถึงปัญหาโยกย้ายนายทหารในกองทัพ คนทำงานกลับถูกย้ายออกไปจากพื้นที่

               ในช่วงสุดท้าย คุณชวน กล่าวว่า มีหลายคนบอกว่า ปชป.จะได้ ส.ส.ภาคใต้ ไม่เท่าเดิม ซึ่งเราก็ไม่ประมาท เพราะขณะนี้ ส.ส.ในพื้นที่เดิมหายไป 3 คน แต่ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ให้ได้ ส.ส.ในพื้นที่เท่าเดิม เพื่อให้การบริหารงานประเทศเกิดความต่อเนื่อง เลือกคนดีมาปกครองบ้านเมือง อย่าให้คนไม่ดีมาปกครอง

 

 

"ปชป." จัดขุนศึกขึ้นปราศรัยครั้งสุดท้าย

 

 

               นายอภิสิทธ์ ขึ้นปราศรัยเวลา 20.50 นาที ว่า มีความสำคัญที่เราเป็นนักการเมืองที่มาจากประชาชน ที่มาอยู่ได้เพราะบุญคุณของประชาชน ทุกรอยยิ้ม ตนไม่เคยลืม จากการเดินทางไปปราศัยสัมผัสได้ว่า ประชาชนเดือนร้อน และคาดหวังว่า ในวันที่ 24 มี.ค. หลังเข้าคูหาเลือกตั้งชีวิตจะดีขึ้น โดย 5 ปีที่ผ่านมา ปชป.เข้าหาประชาชน เพื่อรับรู้ปัญหาประชาชน แม้จะโดนข้อความทำกิจกรรมทางการเมือง เพราะทุกข์ประชาชนเว้นวรรคไม่ได้ ปชป.มีความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาเต็มที่  และจะเติมเงิน เติมรายได้ให้กับประชาชน เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน รวมทั้งแผนแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทั้ง ยางพารา ข้าว ปาล์ม ซึ่งแนวทางของเราไม่สร้างปัญหาเหมือนของรัฐบาลที่ผ่านมา เช่น โครงการรับจำนำข้าว ที่เข้ามาแทนที่ประกันราคาข้าว ของ ปชป. ส่วนรัฐบาลปัจจุบัน เรียนรู้ที่จะยกเลิกจำนำข้าว แต่ 5 ปีผ่านมา ไม่เรียนรู้จะแก้ไขปัญหาเกษตรกรอย่างไร ส่วนนโยบายขึ้นค่าแรงของพรรคการเมืองต่าง ซึ่งไม่เรียนรู้จากบทเรียนครั้งที่ผ่านมา ที่ขยับเป็น 300 บาท ค่าครองชีพแพงขึ้น ทั้งนี้ ปชป.จะไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่จะทำให้ดีขึ้น รวบสิทธิ์ต่างๆไว้ด้วยกัน ทำให้กระจายรายได้ ไม่ให้กองอยู่ที่ใดที่หนึ่งเหมือนที่เป็นอยู่

               นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ามรดกที่รับจากปัจจุบันแก้ไขปัญหาได้ แน่นอนแล้วจะแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว มีพรรคการเมือง มองประชาชนเป็นหมากในกระดานเล่นสงครามและบังคับให้ประชาชนเลือกและอยู่บนความกลัวและความเกลียด 24 มี.ค.เราจะเลือกอนาคตประเทศ เราอย่าไปตกหลุมการเมืองที่เอาความกลัว ความเกลียดมาคลอบงำ โดยอาศัยความไม่พอใจประชาชนมีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากเลือกตั้ง เช่น ตัดงบกองทัพ ชูนโยบายขึ้นมาเพื่อสร้างความขัดแย้ง ให้ประชาชนทะเลาะกับกองทัพ หากย้อนกลับไปดูสมัยที่เป็นรัฐบาล ทำไมได้ แต่สมัย ปชป.ตัดงบกองทัพ แต่ทำในสัดส่วนที่สมควร มาครั้งนี้ เราไม่ตัดงบกองทัพ แต่ตัดงบกลางแทน

               นายอภิสิทธ์ ย้ำว่า อย่าสร้างวาทะกรรมขัดแย้งเช่นนี้ ทำทุกอย่สงเสมอภาคกัน ประชาธิปไตยจึงต้องสุจริต ตั้งแต่เริ่มต้น จนไปถึงเลือกตั้ง ปชป.เป็นพรรคที่เดินตรงไปตรงมา ไม่มีพรรคสาขาหรือพรรคนอมินี ไม่มีอามิสสินจ้าง นอกจากนี้ ปชป.เป็นพรรคไม่มีเจ้าของและเป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตย แบบไม่ผูกขาดเหมือนบางพรรคการเมือง ที่อยู่บนทางความคิดที่คับแคบ

               ทั้งนี้ตนยืนยันหากมา หากพรรคพลังประชารัฐ ไม่อยู่ใน 2 เงื่อนไข คือ การสืบทอดอำนาจ และการทุจริต ก็สามารถร่วมงานกันได้ ตนไม่ได้กั๊ก หรือ หมกเม็ด อย่างที่ถูกพรรคอื่นกล่าวหา และสิ่งสำคัญ อยากจะบอกประชาชน อย่าเอาความเกลียดเผด็จการและกระโจนไปหาคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย รวมถึงความกลัวที่ว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะกลับมา หรือ กลัวบ้านเมืองไม่สงบ ต้องเลือกตัวเขาเท่านั้น

 

 

"ปชป." จัดขุนศึกขึ้นปราศรัยครั้งสุดท้าย

 

 

               "คนที่ คสช.บอกเป็นคนไม่ดี ทุจริต คนเหล่านั้นไปอยู่พรรคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จึงกลายเป็นคนดีไปแล้ว  เอาความเลวไปต่อสู้ความเลว คือ แพ้แล้ว คือ คุณยอมเลว" นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า

               ส่วนความกลัวที่สอง คือ ถ้าไม่มีเขา บ้านเมืองไม่สงบ และนำมาขยายโจมตีตน ซึ่งก็ยอมรับว่าสมัยตนเป็นนาบกรัฐมนตา ก็วุ่นวายตั้งแต่วันแรก แต่เป็นเงื่อนไขที่สะสมมาจากความขัดแย้งหลายปี โดยเฉพาะปี 2553 ขณะนั้นตนมี รองนายกรัฐมนตรี นั้น ชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กห. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ตนไม่เคยตำหนิใคร ทั้งๆวันแรกตนเป็นนายกฯ เขาเหล่านั้นบอกไม่ต้องห่วง เรื่องความมั่นคงจะดูแลเอง ให้ไปดูเรื่องเศรษฐกิจ

               แต่หากวันนี้จะตำหนิว่า ตนเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วทำให้บ้านเมืองไม่เรียยร้อย ขอรับผิดชอบ คนเดียว แต่เสียใจว่า วันนี้เล่นการเมืองกันอย่างไรไม่ทราบ เหตุการณ์หน้ามหาดไทย ตนโดนทุบรถ และอยู่ในรถ แต่ขณะนี้ขึ้นเวทีสรรเสริญคนทุบรถ แต่มาด่าคนที่อยู่ในรถที่ถูกทุบ 

               นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทันทีที่มีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ เราจะเข้าสู่สถานการณ์ใหม่  เพราะขณะนี้มีพรรคการเมืองหนึ่งตั้งตัวขัดแย้ง กับการสืบทอดอำนาจ วันที่ตนพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีปัญหาอะไรส่วนตัวเลย และต้องขอบคุณท่านที่เคยทำงานให้ตน แม้ในห้วง 5 ปีที่ผ่านมา ตนไม่เห็นด้วยในหลายเรื่อง แต่ไม่เคยคิดจะเป็นปฏิปักษ์ และดีใจที่ประชาชนมีความพอใจกับความสงบ

               แต่หลังจากการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ลงสมัครนายกรัฐมนตรี และตลอดเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าเป็นผู้สมัครนายกรัฐมนตรีที่ไม่เหมือนคนอื่น และเพิ่งขึ้นเวทีปราศรัยวันนี้ ร้องเพลงด้วย ปราศรัยไม่กี่คำก็ลงเวทีไป แต่ทุกเวทีที่จัดดีเบต ที่มีการถกเถียงกัน พล.อ.ประยุทธ์ และ พลังประชารัฐ ไม่ไป แล้วถ้าเดินเข้ารัฐสภาเป็นอย่างไร

 

 

"ปชป." จัดขุนศึกขึ้นปราศรัยครั้งสุดท้าย

 

 

               นายอภิสิทธิ์ ย้ำว่า ในชีวิตตนมีการสืบทอดอำนาจ 3 ครั้ง 1. จอมพลถนอม แต่ทนไม่ไหว สุดท้ายก็มีการปฏิวัติตนเอง แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ทนพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ 2. พลอากาศเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนายกรัฐมนตรี  แต่สู้วิกฤติราคาน้ำมันไม่ไหว 3. พฤษภาทมิน มีนายกรัฐมนตรีถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ แต่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ชอบธรรม เกิดการนองเลือด 

               แล้วจะให้สืบทอดอำนาจบางครั้งที่ 4 หรือไม่ ตนไม่ได้มีอะไรเป็นการส่วนตัว หากท่านถอยไปจะเป็นการที่ดีและเป็นความปรารถนาดีที่ตนจะมอบให้  

               นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครคิดจะก่อเหตุอีก แต่เชื่อว่าสังคมไทยเรียนรู้และมีวิวัฒนาการ ยุคนี้สมัยนี้การปลุกระดมคนให้มาประท้วงไม่ง่ายเหมือนเก่า อย่าสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง และยุคนี้คนที่เป็น ผบ.เหล่าทัพ ตำรวจ ที่เป็นฝ่ายความมั่นคง โดยแยกจาก การเมือง คสช. เป็นมืออาชีพที่จะต้องช่วยนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งเพราะนายกรัฐมนตรีไม่มี ม.44 และตนตั้งใจจะแหวกประเทศไทยออกจากวงจรอุบาทว์ให้ได้

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ