"อภิสิทธิ์"ปราศรัยใหญ่ ไม่สนับสนุน"บิ๊กตู่"- ไม่ร่วมงาน พท.

      เย็นวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จัดปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โซนตะวันออก ที่บริเวณศูนย์การค้า คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร โดยมีแกนนำคนสำคัญของพรรค นำโดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมกับ ประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รวมถึงผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร โซนตะวันออกทั้ง 8 เขต ประกอบด้วย เขตลาดกระบัง // เขตหนองจอก // เขตมีนบุรี - คันนายาว // เขตคลองสามวา // เขตสะพานสูง - ประเวศ // เขตลาดพร้าว - วังทองหลาง // เขตบึงกุ่ม - คันนายาว และ เขตบางกะปิ - วังทองหลาง ในส่วนของบรรยากาศก็เป็นไปอย่างคึกคัก มีพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังปราศรัยกว่า 800 คน

         โดยไฮไลท์สำคัญ อยู่ที่การขึ้นเวทีปราศรัยของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัว พร้อมแนะนำผู้สมัคร ส.ส. บนเวทีทุกคน และตามมาด้วยการปราศรัย โดยบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์รับฟังปัญหาซึ่งกันและกัน 27 ปีที่แล้ว ที่ส่วนตัวเลือกประชาธิปัตย์ เพราะทุกคนมีส่วนร่วม นี่คือประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย มีเจ้าของที่สามารถกำหนดทิศทางได้ และนโยบายของพรรคฯ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาโดยตรง คิดนโยบายหลายเรื่อง เพื่อตอบโจทย์ในทุกด้าน ยกตัวอย่าง เรื่องขายของทางเท้า พรรคฯไม่ได้ออกนโยบายแบบสุดโต่ง เพื่อเอาใจใคร ต้องมีการจัดระบบระเบียบให้เหมาะสม นี่คือตัวอย่างที่คิดมาเพื่อหาทางออก เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าประชาธิปัตย์ก็ทำได้ ไม่ว่าจะเรื่องนโยบายของการศึกษา ,ยาเสพติด ที่สำคัญเรื่องของการปราบปรามการทุกจริต 5 ปีที่ขึ้นเวทีเสวนากับเวทีต่างๆ ส่วนตัวยืนยัน มีเพียงคนเดียวที่ตอบได้ ส่วนพรรคฯอื่นตอบไม่ได้ โยนไปให้ถามนายใหญ่ ส่วนบางพรรคการเมือง วันนี้ไปฟังผู้แทนจากพรรคพลังประชารัฐ เหมือนว่าฟังแล้วนโยบายที่เสนอ คือ “ใครเสนออะไร ตัวเองก็เสนอบ้าง” ย้ำทุกอย่างต้องอยู่กับความเป็นจริง

          ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ ย้ำ ถึงนโยบายของพรรคฯ ว่านโยบายที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรอยู่ได้ ไม่เหมือนรัฐบาลนี้ เกษตรกรอยู่ไม่ได้ ในวันนี้พรรคเพื่อไทย ยอมแล้วว่าจำนำข้าวทำไม่ได้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่ยอมรับ ยังกล้าเสนอนโยบายค่าครองชีพขึ้นอีก บัตรสวัสดิการในอนาคตมันต้องมีการกระจาย ไม่ใช่การเอามากำหนดแข่งขัน พรรคฯมองถึงอนาคต ว่าเศรษฐกิจจะต้องดำเนินงานอย่างไร มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่เก็บเงินได้ ทุกยุคทุกสมัย พรรคฯสามารถทำโครงการได้หลายอย่าง นโยบายเศรษฐกิจของพรรคฯ พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาอย่างแน่นอน

           นายอภิสิทธิ์ บอกต่อถึงประเด็นทางการเมืองว่า ฝ่ายหนึ่งสูญเสียอำนาจไป เพราะคิดที่จะไปออกกฏหมายนิรโทษกรรม เพราะเหตุการลุกล้ำไป วันนี้เกิดการรัฐประหาร กำหนดเองว่าพรรคฯตนเป็นประชาธิปไตย ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ “พอประกาศว่าส่วนตัวไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เขาเดือดร้อน เพราะเขากลัว” บางพรรคฯพยามมาจี้ ต้องปฏิเสธพรรคพลังประชารัฐด้วย ส่วนตัวเคยกำหนดไปแล้วว่าพรรคที่จะร่วมงานด้วย คือพรรคที่มีอุมดมการณ์เดียวกัน “ย้ำพรรคฯไม่สามารถร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้” พรรคฯไม่เคยขัดขวางการทำงานของ คสช. นายกฯหลังจากเลือกตั้ง คอยดูจะมาครอบนักข่าวไม่ได้ เดินเข้าสภาเจอแน่ เพราะฉะนั้นมั่นใจ ว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตย ถ้าส่วนตัวมีโอกาสอีกครั้ง ถ้าพลาดอีก ก็คงไม่มีโอกาสแก้ตัว ส่วนตัวมีเจตรมณ์ชัดเจนว่าจะทำให้ประเทศดีขึ้น บางอย่างยังไม่มีโอกาสได้ทำ พร้อมย้ำลงท้ายคำเดิม “หมดเวลาเกรงใจแล้ว” พร้อมหยอดคำหวานขอให้เลือกประชาธิปัตย์ด้วย

       สำหรับกำหนดการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย ของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้ จะจัดขึ้นที่ลานคนเมือง ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม ที่จะถึงนี้