ข่าว

"กกต."ตั้งเป้าใช้สิทธิเกิน 80 เปอร์เซ็นต์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"กกต."-"ธรรมศาสตร์"เสวนาเลือกตั้ง 3 อิน 1"ยังตั้งเป้าปชช.ใช้สิทธิเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ เตือนระวังข่าวปลอม ทำให้ตกเป็นเหยื่อจากผู้หวังผลทางการเมือง 

 

                         6 มีนาคม 2562  ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนาวิชาการ 

 

                         ในหัวข้อ "การเลือกตั้งแบบ 3 อิน 1 กับผลทางการเมืองและการใช้สิทธิของประชาชน" โดยมีผศ.ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการณะกรรมการการเลือกตั้ง ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิจัยสถาบันพระปกเกล้า และผศ.ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกันเสวนา

 

"กกต."ตั้งเป้าใช้สิทธิเกิน 80 เปอร์เซ็นต์

 

                         นายปริญญา กล่าวว่า ผู้ที่ออกแบบระบบเลือกตั้งมีความตั้งใจอย่างไร จากเดิมที่การเลือกตั้งมีการแยกคะแนนได้แบบคู่ขนาน เหตุใดจึงต้องมาเลือกแบบบัตรใบเดียว เพราะเมื่อเหลือบัตรใบเดียวประชาชนจะตัดสินใจได้ยาก ตนเชื่อว่ายังมีประชาชนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใครในโค้งสุดท้าย และจะพิจารณาให้ใครมาเป็นนายกฯ และเรื่องของบัตรเลือกตั้งใบเดียวที่เลือกได้ถึง 3 อย่าง ถ้าไม่ประชาสัมพันธ์ให้ดี ตนเชื่อว่าจะมีบัตรเสียเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้ กกต. ประชาสัมพันธ์กับประชาชนเพิ่มเติม  ส่วนเรื่องของโซเชียลมีเดียที่มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้ง ตนห่วงเรื่องข่าวปลอมที่หวังผลทางการเมืองว่าจะมีมาอีก ที่ต้องทำให้ประชาชนเท่าทันสื่อ โดยหลักการคืออย่าเพิ่งเชื่อ อย่าเพิ่งแชร์ เพราะเราจะตกเป็นเหยื่อของผู้ปล่อยข่าวได้ 

 

                         นายกฤช กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ กกต.ได้ร่วมกับธรรมศาสตร์จัดขึ้น เพื่อทำวิจัยและวิเคราะห์ผล จากปัญหาการบริหารจัดการเลือกตั้ว่ามีอุปสรรคอย่างไร กับวิธีปฏิบัติที่แตกต่างไปจากเดิม และพฤติกรรมลงคะแนนของประชาชน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้แปลกไปจากการเลือกตั้งทั้ง 27 ครั้งที่ผ่านมา เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไปมาก จากการที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้ออกแบบบัตรเลือกตั้ง 3 อิน 1 ขึ้นมา

  "กกต."ตั้งเป้าใช้สิทธิเกิน 80 เปอร์เซ็นต์

 

                         รวมถึงเรื่องของระยะเวลาการประกาศผลสรุปภายใน 150 วัน ว่าจะต้องจัดเลือกตั้งอย่างเดียวหรือนับประกาศผลด้วย ที่ยังไม่ใครให้คำตอบได้ เพราะหากมีการประกาศผลเลือกตั้งภายหลัง แล้วศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะก็จะวุ่นวายอีก กกต.จึงได้จัดให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบ 150 วัน โดยกกต. ได้ตั้งเป้าว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ 80 เปอร์เซ็นต์ และมีบัตรเสียไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ และการเลือกตั้งต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพราะหากไม่เป็นที่ยอมรับผลการเลือกตั้งก็ไม่จบ บ้านเมืองก็เดินต่อไปไม่ได้                        

 

"กกต."ตั้งเป้าใช้สิทธิเกิน 80 เปอร์เซ็นต์

 

                         นายสติธร กล่าวว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 ที่ได้สำรวจประชาชนนั้นมีผลสำรวจคล้ายกับปี 2554 โดยประชาชนดูจากนโยบาย ผู้สมัคร ชื่อพรรค และแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งคำตอบที่ได้จากการสำรวจหลังจากวันที่ 8 ก.พ. ที่มีการสมัคร ส.ส.ไปแล้ว พบว่า ประชาชนให้คำตอบว่าจะเลือกส.ส.เขตจากผู้สมัคร นโยบาย พรรคการเมือง และชื่อนายกฯ แต่จากนี้อีก 18 วันก่อนการเลือกตั้งต้องดูว่าจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ได้สำรวจถึงการเลือกตั้งโดยใช้บัตรใบเดียวจากประชาชนว่าจะจดจำจากอะไร พบว่า ประชาชนนั้นจดจำจากชื่อและสกุลของผู้สมัคร แต่บัตรเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีชื่อและสกุล ซึ่งอาจทำให้ประชาชนกาผิดได้ และเกิดความสับสนได้ จึงอยากฝากพรรคการเมือง และทางกกต.ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ถูกจุด เพื่อให้ประชาชนจดจำสิ่งที่มีอยู่ในบัตรเลือกตั้งได้ถูกต้อง 

 

"กกต."ตั้งเป้าใช้สิทธิเกิน 80 เปอร์เซ็นต์

 

                         ส่วนกรณีพรรคไทยรักษาชาติพบว่ามีฐานคะแนนอยู่ที่ 3.5 ล้านคะแนน มาจากผู้สนับสนุนและเสียงมาจากกระแส ขณะที่เขตทับซ้อนกับเพื่อไทยมี 75 เขต ซึ่งคะแนนจะไม่ไปไหนแต่จะกลับรวมไปที่เดิม แต่พื้นที่เขตที่ไทยรักษาชาติไม่ทับกับพรรคเพื่อไทยมีประมาณ 100 เขตโดยในเขตที่เชื่อว่าพรรคไทยรักษาชาติ จะมีโอกาสชนะ อาทิ ที่แพร่ 3 เขต นายสติธร กล่าว


 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ