"สนธิรัตน์ ลั่น "รัฐประหาร" ต้องแก้ที่ "การเมือง"

          20 ก.พ.62-ที่อาคาร FYI Center ถนนพระราม4 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความนิยมของพรรคในเวลานี้ว่า เรื่องของผลโพลยังมีความไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่พรรคมีความมั่นใจเพราะกระแสนิยมดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งช่วงโค้งสุดท้าย จะเป็นการต่อสู้กันหลายๆพรรค ส่วนพปชร.มีจุดยืนชัดเจนทำให้ประเทศเดินต่อไปให้ได้ สังเกตได้ว่าพรรคไม่ปราถนาความขัดแย้งกับใคร และไม่มีการตอบโต้ประเด็นความขัดแย้งกับใคร ตรงนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนให้กับสนับสนุน เพราะทุกคนต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง 

 

          เมื่อถามว่า มั่นใจนโยบาย Bangkok 5.0  แค่ไหน ที่จะทำให้คนกทม.เลือกส.ส.ของพรรค นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคและผู้สมัครของพรรคทุ่มเทเต็มความสามารถ ตนอยากให้พปชร.ที่เป็นพรรคใหม่รับใช้ชาวกทม. ส่วนจะได้เท่าไหร่นั้น อยู่ที่ความไว้วางใจของคนกทม. และกระแสของพรรคในกทม.ดีวันดีคืน แม้จะเป็นพรรคใหม่ และ 24 มี.ค.62 จะทราบว่าประชาชนให้ความไว้วางใจเราแค่ไหน

 

             

          เมื่อถามว่า หลายพรรคมีนโยบายความมั่นคง โดยเฉพาะการปฏิรูปกองทัพ พปชร.มีหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เรื่องปฏิรูปกองทัพที่พูดกันไปเป็นกรอบความคิด ตนมองว่ากองทัพก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องปฏิรูปกองทัพ เพราะนโยบายนายกฯ คนปัจจุบัน เน้นปฏิรูปทุกรูปแบบอยู่แล้ว ไม่ได้เลือกปฏิรูปด้านใดด้านหนึ่ง และกองทัพก็มีการปฏิรูปตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ที่พูดกันตอนนี้เป็นเรื่องงบประมาณมากกว่า ไม่ได้พูดถึงการปฏิรูประบบ แต่หยิบเรื่องตัดงบมาพูดกัน หรือการยกเลิกเกณฑ์ทหาร สิ่งเหล่านี้ต้องดูความเป็นจริงประกอบกัน ศึกษาเรื่องเหล่านี้ไว้ แต่ต้องไม่ใช่แค่การปฏิรูปกองทัพ ต้องปฏิรูปทั้งหมด เชื่อว่าตอนนี้กองทัพก็ปฏิรูปอยู่

          "แต่ไม่อยากให้เอาประเด็นเหล่านี้ที่ไม่ใช่การปฏิรูปในทิศทางที่แท้จริง แต่เป็นทิศทางทางการเมืองมากกว่า เป็นการสร้างที่ต้องการทำให้เห็นว่า กองทัพต้องรับผิดชอบการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากกว่า ซึ่งไม่ใช่หัวใจการปฏิรูปที่แท้จริง วันนี้เรื่องการปฏิรูปกองทัพ ยังไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน กองทัพมีการปฏิรูปและพัฒนาของเขาอยู่แล้ว ผมอยากให้เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองจะดีกว่า เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาที่จำเป็นเร่งด่วนดีกว่า กองทัพเองก็รับฟังความคิดเห็นต่างๆ และยังมีเวลาไปพูดคุยสิ่งเหล่านี้ อย่าหยิบเอาประเด็นกองทัพมาเป็นประเด็นการเมือง จริงๆแล้วกองทัพไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และอย่าไปดึงกองทัพมาเกี่ยวข้องกับการเมือง กองทัพมีหน้าที่ดูแลความมั่นคง ดูแลความสงบของประเทศ นั่นคือหน้าที่กองทัพ ส่วนกองทัพจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร ยังมีเวลาอยู่ ไม่ใช่จะมาพูดกันในช่วงเลือกตั้ง"

          เมื่อถามว่า ที่ผ่านมากองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองและรัฐประหาร การเสนอปฏิรูปกองทัพก็เพื่อต้องการป้องกันการรัฐประหาร พปชร.มีแนวทางอย่างไร นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า "รัฐประหารทุกครั้งเกิดจากนักการเมือง ไม่ได้เกิดจากกองทัพ การบอกว่าให้ไปแก้ที่กองทัพเพื่อป้องกันรัฐประหาร เป็นการแก้ที่ไม่ใช่สาเหตุของปัญหา ทุกครั้งที่รัฐประหารล้วนเกิดจากความล้มเหลวของการเมือง เกิดจากฝ่ายการเมืองไม่สามารถดำเนินการตามปกติได้ เกิดจากปัญหาการเมืองทั้งสิ้น แม้กระทั่งสิ่งที่ตนพูดเสมอว่า การรัฐประหารเมื่อปี57 ไม่ได้เป็นการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากประชาชน แต่เป็นการรัฐประหารในช่วงเวลาที่ไม่มีรัฐบาล หรือเป็นรัฐบาลรักษาการ ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ เลือกตั้งไม่ได้ รัฐบาลบริหารต่อไปไม่ได้ เกิดการบาดเจ็บล้มตายผู้คนสูญเสีย ทำให้กองทัพต้องเข้ามาแก้ไขปัญหา ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการรัฐประหารทุกครั้ง ไม่ได้เกิดจากกองทัพ เกิดจากฝ่ายเพราะการเมืองเอง พปชร.อาสาเข้ามาทำหน้าที่หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายการเมือง ที่จะพาการเมืองเดินไปข้างหน้า ไม่ก่อเกิดปัญหาทางการเมืองเหมือนในอดีต ตรงนั้นคือสาเหตุที่แท้จริงในการแก้รัฐประหาร

          เมื่อถามว่า หลายพรรคเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พปชร. ร่วมเวทีดีเบตนั้น เลขาฯพรรค กล่าวว่า ต้องดูข้อกฎหมาย และทางพรรคได้ดูอย่างละเอียด แม้พรรคจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ แต่โดยสถานะที่เป็นนายกฯ อยู่ ไม่เหมาะที่จะลงมาดีเบต และไม่จำเป็นต้องดีเบต ท่านทำงานของท่านไป มีการแสดงวิสัยทัศน์ต่อเนื่องอยู่แล้ว พปชร.เชิญพล.อ.ประยุทธ์ เพราะความเป็นตัวตนของท่าน ส่วนหน้าที่ดีเบตเรื่องนโยบาย พรรคทำต่อเนื่องอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น โดยกฎหมายไม่อนุญาติให้มาดีเบต เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ต้องแยกให้ชัดเจน

          เมื่อถามว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถร่วมดีเบตได้ทำให้พรรคเสียโอกาสหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะมีโอกาสมาดีเบตหรือไม่ คิดว่าคนไทยรู้จักท่านดี และท่านทำหน้าที่ของท่านเต็มความสามารถในฐานะนายกฯ ส่วนพรรคก็ทำหน้าที่ของพรรค และพรรคมีจุดยืนชัดเจนคือทำหน้าที่เต็มที่ นายกฯ ก็ทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบเต็มที่ เพียงแต่พรรคเห็นว่าเหมาะสมเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง 

          เมื่อถามว่า พปชร.เตรียมข้อมูลอะไรไว้ชี้แจงกรณีถูกร้องยุบพรรค นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคไม่ต้องเตรียมอะไร เตรียมแค่ความจริง ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร การเมืองมักจะสร้างประเด็น แต่บางทีบางประเด็นอาจไม่อยู่ในข้อเท็จจริง ดังนั้น เราจึงเตรียมแค่ข้อเท็จจริง และมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ หรือผิดเงื่อนไข ฝ่ายกฎหมายต้องทำหน้าที่ต่อไป