ข่าว

3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ จุดเปลี่ยนการเมืองหลัง 8 กุมภาฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น วิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ทางการเมืองหลังวันที่ 8 กุมภาฯ กรณีหมิ่นเบื้องสูงจะทำให้ ทษช. ถูกยุบหรือไม่? และทักษิณจะเดินหน้าต่ออย่างไร?

          เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 18.00 น. นายสมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nation Group นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนายบากบั่น บุญเลิศ บรรณาธิการอำนวยการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ได้จัดรายการ ผ่านทาง Facebook Live ที่แฟนเพจ คมชัดลึก ได้วิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ทางการเมืองหลังวันที่ 8 กุมภาฯ ว่าจะมีจุดเปลี่ยนอย่างไร?การเมืองไทยจะเดินไปในทิศทางใด? กรณีหมิ่นเบื้องสูงจะทำให้ ทษช. ถูกยุบหรือไม่? และทักษิณจะเดินหน้าต่ออย่างไร?

      3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ได้ทุบโต๊ะประเด็นแรกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญทางการเมือง และสูตรต่างๆที่ได้เคยคำนวณไว้ว่าใครจะจับมือกับใคร และพรรคไหนจะได้ส.ส.เท่าไหร่นั้น ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 กุมภาฯขึ้น เสมือนว่าเป็นวันที่ประเทศไทยชีพจรหยุดไปชั่วครู่ และมีสถานการณ์ที่ทำให้ตื่นเต้นได้ตั้งแต่เช้ายันดึก

         โดยเหตุการณ์สำคัญวันที่ 8 กุมภาฯ ได้เริ่มขึ้นเมื่อตอนเวลา 09.04 น. ที่ตัวแทนจากพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ได้เดินทางเข้าไปยื่นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และได้ยื่นถึงมือ กกต. ตอนเวลา 09.10 น. โดยได้เสนอพระนามของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพียงพระองค์เดียวในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ

       และในวันเดียวกันเวลา 13.30 น. ทางพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ได้ยื่นเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคเพียงคนเดียวเช่นกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.15 น.ในวันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ส่งสารจากนายกฯถึงสื่อมวลชน กรณีตอบรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่ไปยื่นจริงๆตอนเวลา 13.30 น. และต่อมาเมื่อถึงเวลา 22.50 น. ก็ได้มีพระราชโองการประกาศออกมาว่าทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ต้องอยู่เหนือการเมือง 

3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ จุดเปลี่ยนการเมืองหลัง 8 กุมภาฯ

       ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น ทางพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ก็ได้เงียบหายไปถึง 3 วัน และเมื่อถึงวันที่ 4 คือวันที่ 12 กุมภาฯ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค ทษช.ก็ได้ปรากฎตัวขึ้นที่ ที่ทำการพรรคไทยรักษาชาติ ถ.แจ้งวัฒนะ พร้อมทั้งได้กล่าวกับทางสื่อมวลชนว่า “ ขอเรียนว่ากรรมการบริหารพรรค และสมาชิก ขอน้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมด้วยความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์ทุกพระองค์ หลังจากที่มีมติ กกต. ที่ไม่ประกาศรายชื่อแคนดิเดต นายกฯ พรรคไทยรักษาชาติ ถือเป็นข้อยุติ เราเองไม่มีข้อโต้แย้งใด หลังจากนี้เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง วันนี้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อที่วางแผนและกำหนดท่าทีในการเดิน เรายังมีหน้าที่สำคัญต่อพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรค เดินหน้าสื่อสารนโยบาย เรียกว่า เราดำเนินการทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ และมีความตั้งใจ อยากเห็นบ้านเมืองไปในทางที่ดี ส่วนเรื่องการยุบพรรค ไม่ได้กังวล เราทำตามระเบียบ ขั้นตอน ข้อบังคับ ส่วน กกต.มีหน้าที่ของท่าน ถ้าเห็นว่าอะไรน่าสงสัย ก็คงถามมา พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ส่วนกรรมการบริหารพรรคที่ลาออก เป็นปัญหาส่วนตัว สมาชิกยังมีกำลังใจ ”

     โดยจากสถานการณ์ข้างต้น ก็ได้ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนขึ้น กับสมการทางการเมืองที่ได้เคยวิเคราะห์ไว้ก่อนวันที่ 8 กุมภาฯ จากเดิมที่เคยวิเคราะห์ว่าแต่ละขั้วได้คาดหวังจำนวนที่นั่งส.ส.ไว้ คือ ขั้วของทักษิณหวังจะได้ส.ส. 200 คนขึ้นไป ส่วนขั้วของประชาธิปัตย์ก็หวังได้ส.ส. 120 คน และขั้วของพลังประชารัฐก็หวังไว้ที่ 126 คน ทั้งได้วิเคราะห์ไว้ด้วยว่าใครจะจับมือกับใคร ออกมาเป็น 3 สูตรด้วยกัน คือ 

     สูตรแรก 1+2 พรรคเพื่อไทย (พท.) จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นไปได้ ถ้าให้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ

      สูตรสอง 1+3 พรรคพท. จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นไปไม่ได้เลย เพราะ ทั้งสองฝ่ายต่างประกาศชัดเจนว่า ไม่มีทางรวมกันแน่นอน 

       สูตรสาม 2+3 พรรคปชป. จับมือกับพรรคพปชร. ซึ่งอันนี้เป็นไปได้มากที่สุด โดยที่ใครได้ที่นั่งมากกว่า คนนั้นก็เป็นนายกรัฐมนตรี

3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ จุดเปลี่ยนการเมืองหลัง 8 กุมภาฯ      

      ซึ่งสูตรแรกนี้ใช้ไม่ได้แล้วในปัจจุบัน เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้สูตรแรกนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะ ทางพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ไปจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคทางขั้วทักษิณอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะยื่นข้อเสนอให้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เหมือนที่เคยได้วิเคราะห์ไว้ก็ตาม แต่สูตรสองและสูตรสามนั้นยังใช้ได้เหมือนเดิม 

       จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในวันนี้นายกฯจะแข่งกันเพียงแค่ 2 คน ก็คือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และหากคุณหญิงสุดารัตน์ อยากได้ตำแหน่งนายกฯ จะต้องได้แลนด์สไลด์มากถึง 300 กว่าเสียงเท่านั้น ซึ่งการเมืองนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่โอกาสที่คุณหญิงสุดารัตน์จะได้เป็นนายกฯค่อนข้างน้อยหน่อย

       คาดการณ์จำนวน ส.ส. ที่เปลี่ยนไปหลังเหตุการณ์ 8 กุมภาฯ

     นายสมชาย ได้อธิบายว่า หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เดิมเรามองว่า ขั้วของทักษิณจะได้ส.ส. 200 คนขึ้นไปหรือต่ำกว่านั้น แต่หลังจากเหตุการณ์วันที่ 8 มองว่าขั้วของทักษิณจะได้ส.ส. ต่ำกว่า 200 คน จากเรื่องที่เกิดขึ้นกับพรรคไทยรักษาชาติ 

3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ จุดเปลี่ยนการเมืองหลัง 8 กุมภาฯ    

        ด้านนายวีระศักดิ์  ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า โดยยุทธศาสตร์ที่นักวิเคราะห์ได้ประเมินกัน มองว่าทางเพื่อไทยจะเน้นส.ส.เขต ส่วนทางไทยรักษาชาติจะเน้นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ นี่คือสูตรที่นักวิเคราะห์ได้คาดเดาเอาไว้ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เสมือนว่าขั้วทักษิณนั้น แขนหายไปข้างหนึ่ง

      นายสมชาย อธิบายต่อว่า ส่วนทางขั้วประชาธิปัตย์ หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จำนวนส.ส. ยังคงอยู่ที่ 100 คนขึ้นไปหรือต่ำกว่านั้น เพราะเหตุการณ์วันที่ 8 กุมภาฯ ไม่ได้ส่งผลกระทบหรืออานิสงส์ใดต่อพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งยังถูกมองข้ามไปด้วยซ้ำ แต่ทางพรรคพลังประชารัฐกลับได้ผลประโยชน์เต็มๆ จากที่เคยประเมินว่าทางพรรคพลังประชารัฐจะได้ส.ส.อยู่ที่ 100 คนขึ้นไปหรือต่ำกว่านั้น แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พรรคพลังประชารัฐนั้นมีแนวโน้มว่าจะได้ส.ส. 100 คนขึ้นไปมากขึ้น จากที่เคยมีโอกาสว่าจะต่ำกว่า 100 คน ส่วนพรรคอื่นๆ ก็ยังคงอยู่ที่ 100 คนเท่าเดิม เพราะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ นอกจากทางพรรคไทยรักษาชาติจะโดนยุบพรรค และทำให้คะแนนกระจายไปสู่เพื่อชาติและอนาคตใหม่

 

    ทั้งนี้ได้กล่าวถึง “กรณีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ” ด้วยว่า  วันนี้ทาง กกต. ได้มีมติแล้วว่า การกระทำของพรรคไทยรักษาชาติเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในวันนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาแล้วว่าสมควรยุบพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่? โดยขั้นตอนต่อไปพรุ่งนี้ต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาคดีหรือไม่? ซึ่งในส่วนนี้โดยหลักการและธรรมเนียมปฏิบัติ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีสิทธิ์ไม่รับพิจารณา เนื่องจาก ถ้าเป็นองค์กรอิสระ คณะรัฐมนตรี หรือสภาส่งมา ศาลรัฐธรรมนูญต้องรับไว้ เพราะถือว่าเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญส่งมา และกกต.ก็เป็นองค์กรอิสระ จึงต้องรับไว้พิจารณา

3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ จุดเปลี่ยนการเมืองหลัง 8 กุมภาฯ

     โดยนายบากบั่น ได้ตั้งคำถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาไว้แล้ว จะต้องมีการวินิจฉัยออกมาช้าเร็วแค่ไหน?

      นายสมชาย ตอบว่า การที่จะเร็วแค่ไหน ก็ต้องไปดูด้วยว่าการเลือกตั้งนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งวันที่ 24 มีนาคม 2562 จะมีการเลือกตั้ง การวินิจฉัยจึงควรออกมาก่อนการเลือกตั้ง เพราะถ้าในการเลือกตั้งประชาชนไปลงคะแนนให้พรรคไทยรักษาชาติ จะกลายเป็นว่าคะแนนเสียงของประชาชนนั้นถูกทิ้งตกน้ำ หากพรรคถูกยุบ ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่กรอบของเวลาเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความชัดเจนของเรื่องนี้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าชัด เพราะว่า มีเอกสาร มีคำให้สัมภาษณ์ต่างๆว่านี่เป็นมติพรรค และไม่ใช่มติลอยๆ เนื่องจากวันที่ไปยื่นเรื่องบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ ทางกรรมการบริหารของพรรคไทยรักษาชาติต่างก็ไปยื่นเรื่องกันหมดทั้ง 14 คน 

3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ จุดเปลี่ยนการเมืองหลัง 8 กุมภาฯ      

     และในกรณีของ ศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ กรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ที่ได้ยืนยันว่าตนลาออกจากกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ  โดยระบุว่าได้ยื่นใบลาออกต่อพรรคฯไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น จะต้องดูว่าในวันที่ทางพรรคมีมติเรื่องบัญชีรายชื่อนายกฯออกมามานั้น ศ.ดร.รุ่งเรือง มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่? อย่างไร? และหากทั้ง 14 คน โดนโทษยุบพรรค ก็จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรง ซึ่งมีทั้ง 5 ปี 10 ปี หรือตลอดชีวิต ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ใช่แค่เรื่องของการยุบพรรคฯอย่างเดียว ต้องดูด้วยว่ามีความผิดทางอาญาหรือไม่? ซึ่งขณะนี้ที่ดูไว้ก็มีอยู่ 2 มาตราที่อาจผิดทางอาญา ก็คือ มาตรา 112 และมาตรา 116 

3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ จุดเปลี่ยนการเมืองหลัง 8 กุมภาฯ 3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ จุดเปลี่ยนการเมืองหลัง 8 กุมภาฯ

 

เมื่อเกิดสึนามิทางการเมืองเมื่อวันที่ 8 กุมภาฯ แล้ว ทักษิณจะเดินหน้าต่ออย่างไร ?

3 บก.ใหญ่เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ จุดเปลี่ยนการเมืองหลัง 8 กุมภาฯ

      ซึ่งอย่าคิดว่าคุณทักษิณจะไม่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เพราะทั้ง 14 คนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ คงไม่มีความสามารถพอที่จะทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มาเป็นนายกฯของพรรคได้ ซึ่งก่อนที่จะไปดูว่าคุณทักษิณจะเดินหน้าต่ออย่างไร ให้ไปดูก่อนว่า หลังจากเหตุการณ์วันที่ 8 กุมภาฯ พอถึงวันที่ 10 ก็มีข่าวออกมาว่าจะมีการรัฐประหารซ้อน จากการที่มีคนเห็นรถถังออกมาวิ่ง ซึ่งแท้จริงนั้นเป็นเพียงการซ้อมรบ พอรุ่งขึ้นวันที่ 11 ก็มีการปลอม ม.44 ย้าย ผบ.เหล่าทัพถึง 3 คนเกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด และกำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งภายในพรรคไทยรักษาชาติก็ได้มีการปล่อยข่าวเกิดขึ้นในพรรคกันเองว่าวันที่ 24 มีนาฯ จะไม่มีการเลือกตั้ง โดยตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงก็มีความกังวลว่าจะมีการป่วนบ้านป่วนเมืองเกิดขึ้น อันจะเป็นเหตุให้ไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น จึงได้มีคำสั่งให้ฝ่ายความมั่นคงจับตาดูอยู่ ซึ่งเมื่อเกมส์นี้จบ ก็ต้องดูกันต่อไปว่าคุณทักษิณจะมีเกมส์ใหม่อะไรออกมา เพราะคุณทักษิณนั้นยึดหลักว่าคนคิดเกมส์คือผู้ชนะ ดังนั้นจึงต้องจับตาดูกันไปก่อนหลังจากนี้

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ