ข่าว

วิจารณ์ "หมุดคณะราษฎร" หาย "รัฐธรรมนูญ" คุ้มครอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาล ชี้ ข้อความบนเฟซบุ๊ก เป็นการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการโดยสุจริต ในการทำงาน จนท.รัฐ ติดตาม "หมุดคณะราษฎร" เป็นเสรีภาพ รัฐธรรมนูญคุ้มครอง

 

               14 ธ.ค. 61 ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.3158/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวัฒนา หรือ ไก่ เมืองสุข อายุ 60 ปี อดีต รมว.พาณิชย์ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14

 

 

 

               กรณีเมื่อวันที่ 17 เม.ย. - 30 พ.ค. 60 จำเลยได้โพสต์เฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อ Watana Muangsook เรื่องหมุดที่หายไปสมบัติของชาติ ทำนองว่า รู้สึกสังเวชใจในพฤติกรรมของ รอง ผบ.ตร. ท่านหนึ่ง ที่ออกมาถามนิสิตนักศึกษาที่ไปแจ้งความกับ สน.ดุสิต เพื่อให้ติดตาม "หมุดคณะราษฎร" ที่หายไปว่า เป็นผู้เสียหายหรือไม่ ผมขอตอบแทนว่า "หมุดคณะราษฎร" เป็นสังหาริมทรัพย์ เป็นของโบราณที่ประดิษฐ์ขึ้นเป็นประโยชน์ในทางประวัติศาสตร์ เป็นสัญลักษณ์ของการอภิวัฒน์สยามเมื่อปี พ.ศ. 2475 ถือเป็นโบราณวัตถุตามมาตรา 4 พ.ร.บ.โบราณสถานฯ พ.ศ. 2504 หมุดดังกล่าวจึงเป็นสมบัติของชาติ การที่หมุดคณะราษฎรดังกล่าวสูญหายไป ผู้ที่เก็บหรือเบียดบังเอาเป็นของตนเองหรือผู้อื่น มีความผิดตามมาตรา 31 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 700,000 บาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงควรจะขอบคุณนิสิตนักศึกษาที่ใส่ใจติดตามเอาสมบัติของชาติคืนมา ส่วนรัฐบาลที่กินเงินเดือนภาษีอากรของประชาชนต่างหากที่สมควรถูกประณาม แต่กลับไม่มีปัญญารักษาไว้ แบบนี้โบราณเรียก เลี้ยงไว้เสียข้าวสุก และข้อความอื่นๆ

               โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และต่อสู้คดีมาโดยตลอด ซึ่ง "ศาล" พิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยโพสต์ข้อความเป็นการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการด้านกฎหมายเท่านั้น จึงไม่เป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ รวมทั้งจำเลยได้ตำหนิติชมการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐลักษณะการวิพากษ์วิจารณ์เปรียบเปรยการบริหารราชการแผ่นดินอย่างตรงไปตรงมาโดยสุจริตตามที่จำเลยแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเสรีภาพของบุคคลที่ย่อมแสดงความคิดเห็นตามระบอบการปกครองประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจำเลยได้ยุยง ปลุกปั่นชักชวนให้ประชาชนตื่นตระหนกออกมาชุมนุมก่อความวุ่นวายกระทบหรือกระด้างกระเดื่องต่อความมั่นคงของรัฐ

 

 

 

               ดังนั้น การกระทำของจำเลย จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นตามเสรีภาพ ทางวิชาการ และเป็นการติชมการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐโดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 34 วรรคสอง จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ