ข่าว

กกต.ไม่สอบ ! แจกเงินคนจนเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กกต.เรียกประชุมผอ.กกต.จว. เตรียมจัดเลือกตั้งใน 70 วัน เลขาฯ เผยรัฐแจกเงินคนจนเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐ ไม่ใช่ทุจริตเลือกตั้ง อยู่นอกอำนาจกกต.ตรวจสอบ

 

 

             13 ธันวาคม 2561 นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ กกต. เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งมีผอ.กกต.จังหวัดจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุม. 


 

 

 

             พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อให้ผอ.กกต.จังหวัดมีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง โดยขณะนี้มีจำนวนมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 51 ล้านคน มีหน่วยเลือกตั้งประมาณ 96,000 หน่วย ภารกิจแรกที่แต่ละจังหวัดต้องจัดเตรียมคือ ในจังหวัดจะมีหน่วยเลือกตั้งกี่หน่วย ที่ตั้งของหน่วยเลือกตั้งจะอยู่ในตำแหน่งใดบ้าง เพื่อให้แต่ละหน่วยรองรับผู้มีสิทธิประมาณ 1,000 ราย  

 

             นอกจากนี้ยังต้องเตรียมจัดทำป้ายไวนิลแนะนำตัวผู้สมัคร แผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่จะให้ผู้สมัครแต่ละคนนำป้ายขนาด A3 มาติดประกาศแนะนำตัว โดยผอ.กกต.จังหวัดต้องกำหนดสถานที่ให้ชัดเจน เช่น หน้าที่ว่าการอำเภอ หน้าศาลากลางจังหวัด รวมถึงนับจำนวนแผ่นป้ายของผู้สมัคร นอกจากนี้ยังต้องจัดพิมพ์เอกสารแนะนำตัวผู้สมัครในเขตเลือกตั้ง นโยบายพรรค และพรรคเสนอชื่อบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี นำมาเย็บเล่มเพื่อส่งให้ถึงทุกครัวเรือนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นผอ.กกต.จังหวัดต้องเตรียมความพร้อม เพราะหากกกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. 62 ก็จะเหลือเวลาอีก 70 วัน

 
             พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวถึงการพิจารณารูปแบบบัตรเลือกตั้งว่า ขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน คาดว่าจะเสนอให้กกต.พิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ไม่ว่ากกต.จะมีมติเลือกใช้รูปแบบใด สำนักงานก็ต้องบริหารจัดการให้ได้ อาจจะให้โรงพิมพ์หลายแห่งเข้ามาพูดคุยถึงศักยภาพในการพิมพ์บัตร และการรักษาความปลอดภัยของบัตรเลือกตั้ง โดยจะให้ความสำคัญสูงสุดกับประเด็นความปลอดภัยของบัตร ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ใช้พรรคเดียวเบอร์เดียวนั้น หากต้องการให้แก้กฎหมายคงต้องใช้เวลา ในส่วนของกกต.ต้องทำให้ดีที่สุดตามกฎหมายที่มีอยู่ ส่วนข้อเสนอที่ให้ใช้ม.44 แก้กฎหมาย ไม่ใช่อำนาจของกกต.จึงเป็นประเด็นที่ไกลเกินไปที่จะคิด

 
             ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ พรรคการเมืองและประชาชนมีความกังวลต่อการทำงานของกกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ยืนยันได้ว่ากกต.ไม่มีการทุจริต เลือกตั้งเสร็จก็นับคะแนนที่หน่วยไม่เหมือนอดีตที่จะมีการยกหีบบัตรลงคะแนนไปนับในสถานที่นับคะแนน ดังนั้นผู้สังเกตการณ์จากทุกพรรคการเมือง และประชาชนก็สามารถตรวจสอบได้ที่หน่วยเลือกตั้ง อีกทั้งมีการรายงานผลจากหน่วยมายังส่วนกลางเลย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงผลคะแนน

 

 

              ส่วนการสังเกตการณ์ของผู้สังเกตการต่างประเทศ กกต.มีโครงการไว้อยู่แล้วตามที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.ได้เคยให้สัมภาษณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการขอมา ซึ่งปกติเวลากกต.ได้รับเชิญให้ไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ เราก็จะไปดูว่ามีการลงคะแนน และการหาเสียงอย่างไร แต่จะไม่เข้าไปแทรกแทรงกิจการภายในประเทศของเขา ซึ่งนี่คือกรอบของเราในการสังเกตการณ์

 
             ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองร้องขอให้กกต.ตรวจสอบนโยบายบัตรสวัสดิการคนจนของรัฐบาลที่เอื้อต่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในการหาเสียงหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมาย ส่วนตัวคิดว่าบัตรสวัสดิการคนจนเป็นแนวนโยบายของรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีขึ้นทุกปี. ไม่ใช่การทุจริตการเลือกตั้งที่กกต.ต้องเข้าไปตรวจสอบ เชื่อว่าประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือแนวนโยบายแห่งรัฐ


              ส่วนเมื่อมีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกมาแล้วพรรคพลังประชารัฐประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ กกต.จะต้องเข้าไปควบคุมการอนุมัติโครงการของรัฐบาลหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ต้องขอดูข้อกฎหมายก่อน แต่ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เหมือนรัฐบาลรักษาการหลังการยุบสภาฯ แต่เป็นรัฐบาลในภาวะไม่ปกติและเป็นรัฐบาลในวาระเริ่มแรก แต่หากนำเงินของผู้สมัครไปแจกเพื่อให้มีผลต่อการเลือกตั้ง กกต.ก็จะถือว่าเป็นความผิด

 
              พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กกต.ได้เสนอร่างพ.ร.ฎ.เลือกตั้งให้มีการเลือกตั้งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งหากโปรดเกล้าฯในวันที่ 2 ม.ค.62 ตามที่เสนอก็จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 และหลังพ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลใช้บังคับแล้ว กกต.ก็จะกำหนดวันสมัครและวันเลือกตั้ง จากนั้นการหาเสียงของพรรคการเมืองและผู้สมัครก็จะต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งในการประชุมระหว่าง กกต.กับพรรคการเมืองในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ นอกจาก กกต.จะแจ้งว่าจะสนับสนุนอะไรได้บ้างแล้วก็จะหารือเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้สมัครพรรคการเมืองควรเป็นเท่าใด จากเดิม 1.5 ล้านบาท จะขยับเป็น 2 ล้าน หรือ 2.5 ล้านบาท รวมถึงยังมีการหารือเรื่องการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียด้วย
 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ