ข่าว

"พปชร." ตั้งเป้า "ส.ส. กทม." 5 - 6 ที่นั่ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คนรุ่นใหม่ "พปชร." หวังดันแนวคิดเป็นนโยบายพรรค "ณัฏฐพล" เผย ยุทธศาสตร์เจาะฐาน "กทม.รอบนอก" ยึดคืนจาก "พท." ตั้งเป้า 5 - 6 ที่นั่ง เป็นที่พอใจ

 

               เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 61 เวลา 09.00 น. ที่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเผยว่า การที่คนรุ่นใหม่เข้ามาสมัครสมาชิกพรรคในวันนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่ให้ความสนใจเข้ามาทำงานการเมือง โดยบางส่วนแสดงเจตจำนงที่จะลงสมัคร ส.ส. ในพื้นที่ กทม. จากนี้ทางพรรคจะดำเนินการคัดเลือกผู้สมัครตามขั้นตอนต่อไป โดยจะดูความเหมาะสมของตัวบุคคลและพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ กทม. มีการแข่งขันกันสูงจากเจ้าของพื้นที่เดิม ดังนั้น พปชร. จึงต้องทำงานหนัก ทั้งการลงพื้นที่พบปะประชาชน ซึ่งตนมั่นใจในคุณภาพของคนกลุ่มนี้

 

 

 

               นายณัฏฐพล กล่าวว่า ทางพรรคต้องวิเคราะห์แต่ละพื้นที่ของ กทม. ว่ามีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร ตนอยู่ กทม. มานานก็พอทราบว่าพื้นที่ไหนมีความเข้มข้นในการแข่งขัน โดยการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ ทางพรรคตั้งเป้าในพื้นที่รอบนอกของ กทม. โดยเฉพาะเขตลาดกระบัง หนองจอก คลองสามวา คลองเตย ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ หลักสี่ ห้วยขวาง วังทองหลาง ส่วนพื้นที่ กทม. ชั้นใน พรรคอาจพิจารณาส่งคนรุ่นใหม่ลงสมัคร ซึ่งจะมีผู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองคอยให้คำแนะนำและช่วยสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ ทั้งนี้ อดีต ส.ก. ที่เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์จะมาร่วมงานกับ พปชร. เพิ่มเติมหรือไม่นั้น ขณะนี้มีหลายคนที่มาแล้ว ส่วนจะมีใครมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ตนยังไม่สามารถตอบได้

               “ผมตั้งเป้าตัวเลข ส.ส. กทม. แต่ไม่ท้าท้ายผู้สมัครเดิมที่เป็นเจ้าถิ่น ถ้าได้ 5 - 6 ที่นั่ง ก็พอใจ แต่ถ้าได้ 15 ที่นั่ง ก็จะดีกว่า ยอมรับว่ากังวลในพื้นที่ชั้นใน เพราะประชาธิปัตย์มีฐานเสียงที่แข็งมาก ชนะในสัดส่วนที่สูงด้วยคะแนน 2 - 3 หมื่นคะแนน ดังนั้น พื้นที่ที่เหมาะสมที่จะต่อสู้ของพลังประชารัฐ คือพื้นที่ กทม. ชั้นนอก เราได้คนที่เคยอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาร่วมงาน รวมถึงคนที่เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งทำงานเกาะติดกับพื้นที่มาโดยตลอด” นายณัฏฐพล กล่าว

               นายณัฏฐพล กล่าวอีกว่า เบื้องต้น ตน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค แสดงเจตนารมณ์จะลงสมัคร ส.ส. ในเขตเดิมที่เคยได้รับเลือก แต่ต้องพิจารณาตัวผู้สมัครของคู่แข่งว่าจะเป็นใคร และต้องรอให้พรรคพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง หากไม่ได้ลงสมัครก็จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ผู้สมัครในนามพรรคต่อไป ส่วนนายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. จะไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. เขตในนามพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และติดการปฏิบัติหน้าที่รองผู้ว่าฯ กทม.

 

 

 

"พปชร." ตั้งเป้า "ส.ส. กทม." 5 - 6 ที่นั่ง

 

 

 

               นายพุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และกรรมการบริหาร ให้สัมภาษณ์ถึงคนรุ่นใหม่ที่เดินทางมาสมัครสมาชิก ว่า คนรุ่นใหม่ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคมาจากหลายอาชีพกว่า 30 คน จากทั้งหมดกว่า 80 คน เป็นคนที่มีประสบการณ์ทำงาน เป็นผู้บริหาร มีความตั้งใจและอุดมการณ์ที่ชัดเจนที่จะทำงานการเมือง และบางส่วนสนใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยคนกลุ่มนี้ได้พูดคุยเรื่องนโยบายมานาน ก่อนตัดสินใจว่าจะสังกัดพรรคการเมืองใด มีการระดมสมองและมีแนวคิดหลายเรื่องที่จะนำเสนอให้พรรคการเมืองเพื่อนำไปทำเป็นนโยบาย ซึ่งตรงกับแนวคิดของพรรค พปชร. ที่มีนโยบายเปิดพื้นที่และให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้ทำงานและนำเสนอความคิดทางการเมืองมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติและเสนอประชาชนต่อไป จึงเข้ามาอยู่กับ พปชร. เพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างพรรคทำงานร่วมกัน

 

 

 

               ผู้สื่อข่าวถามว่า มองความแตกต่างของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำกิจกรรมและงานทางการเมืองของแต่ละพรรคการเมืองอย่างไร นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกพรรคการเมืองต้องขายความเป็นคนรุ่นใหม่ เพราะความหวังของประชาชนอยากได้การเมืองแบบใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ได้นักการเมืองใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ มาแก้ปัญหาของประเทศ และการจะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่มีสองเรื่องที่จำเป็น คือ ต้องมีพื้นที่ให้นักการเมืองเข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งระดับพื้นที่และระดับนโยบาย ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเปิดโอกาสให้กับคนเหล่านั้น

               และการนำเสนอในมิติใหม่ที่เป็นเรื่องไม่ง่ายในการจะให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการร่างนโยบายหรือกำหนดแนวทางการทำงานการเมือง แต่หลายพรรคการเมืองที่ก่อตั้งมานานแล้วมีระบบและขั้นตอน คนรุ่นใหม่จะเข้าไปแนะนำความคิดและเสนอตัว จึงไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งคนรุ่นใหม่มีหลายแบบ บางส่วนต้องการเข้ามาเพื่อเป็นผู้แทนในระยะเวลาอันสั้น ในขณะที่การเมืองต้องใช้เวลา ใช้ความอดทนพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นตั้งใจจริง ตนจึงย้ำกับคนรุ่นใหม่เสมอว่า ต้องมีความอดทน ตั้งใจจริง ไม่เช่นนั้นอุดมการณ์และความคิดจะไม่สามารถไปสู่เป้าหมายได้ เพราะต้องผ่านขวากหนามอีกเยอะ คนรุ่นใหม่ที่มาทำงานกับพรรคตระหนักดีว่าการทำงานการเมืองต้องมีใจมุ่งมั่น และมีความพร้อมพิสูจน์ว่าใครที่ตั้งใจจริง

 

 

 

               เมื่อถามว่า คนรุ่นใหม่ที่มาสมัครเป็นสมาชิกมีแนวคิดใดที่ต้องการผลักดันให้เป็นจริง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ทุกคิดว่าประเทศไทยต้องเดินหน้าด้วยการปฏิรูป กล้าเปลี่ยนแปลงในเรื่องที่เป็นปัญหา เปิดโอกาสให้แนวคิดของคนรุ่นใหม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติ และการเลือกตั้งในอนาคตจะมีเรื่องของระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะขณะนี้ทางการตลาดและการสื่อสารกับประชาชนมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องหมดแล้ว เมื่อเราจะส่งไม้ต่อให้คนกลุ่มนี้ เพื่อให้ทำงานในอนาคตต่อ เมื่อถึงจุดหนึ่งต้องเปลี่ยนถ่ายจากคนรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่งอยู่แล้ว จึงต้องคอยดูต่อไปว่าจะมีผู้ใหญ่คนใดที่ให้โอกาสคนรุ่นนี้ได้เข้ามาทำงานการเมืองได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง

               ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดทางให้พรรคการเมืองเข้ามาพูดคุยหากต้องการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ พร้อมเข้าไปพูดคุยหรือยัง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า พรรค พปชร. เป็นพรรคใหม่ ต้องคอยเวลาให้ผู้บริหารและสมาชิกของพรรคได้เริ่มทำงานและพูดคุยกันก่อนว่าแนวทางการเมืองจะเป็นแบบใด และใครเหมาะสมนำพาประเทศไปในอนาคต ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหารพรรค สมาชิก และเป็นมติพรรค

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ