ข่าว

ศาลรวมคดีชุมนุมไล่รัฐบาลมาร์ค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"13 แกนนำ นปช."ปฏิเสธฟ้องอัยการ พร้อมสู้คดี ขณะที่พยานเอกสาร-พยานบุคคล 2 ฝ่ายมีมาก จำเลยขอเวลาตรวจสอบก่อน ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้ง 27 พ.ค.ปีหน้า


              19 พฤศจิกายน 2561  ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก คดีชุมนุม นปช.ขับไล่รัฐบาลยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี 2552  รวม 4 สำนวน คดีหมายเลขดำ อ.968/2561  

 

 

              พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 70 ปี อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 53 ปี ประธาน นปช. , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 43 ปี แกนนำ นปช. กับพวกซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วมฯ รวม 10 คน เป็นจำเลยที่ 1-10 , นายอดิศร เพียงเกษ อายุ 66 ปี อดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคไทยรักไทย จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1262/2561 , นายพีระ พริ้งกลาง จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.2499/2561 และนายเมธี อมรวุฒิกุล อายุ 47 ปี อดีตดาราแนวร่วม นปช. จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.2179/2561

 

              ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 3 ข้อหา โดยอัยการยื่นฟ้องตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.61

 

ศาลรวมคดีชุมนุมไล่รัฐบาลมาร์ค

 

              จากกรณีกลุ่ม นปช.จัดการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยปราศรัยปลุกระดมยุยง ณ เวทีบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ข้างทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ, ยึดและเผารถโดยสารประจำทางในพื้นที่ กทม. และนำรถบรรทุกแก๊สไปจอดไว้กลางถนนเพื่อข่มขู่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และประชาชนเดือดร้อนเสียหาย โดยกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เหตุเกิดที่แขวง-เขตดุสิต, แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี, แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร และแขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-14 เม.ย.52

 

             โดยวันนี้จำเลยทั้ง 13 รายที่ได้ประกันตัว ก็เดินทางมาศาลตามนัด ซึ่งการตรวจหลักฐานครั้งนี้ ก็ต่อเนื่องจากการตรวจพยานหลักฐานเมื่อวันที่ 31 ก.ค.61 ที่ผ่านมา ซึ่ง "อัยการโจทก์" เสนอพยานเอกสารและพยานบุคคล รวม 420 ปาก แต่อัยการเพิ่งยื่นฟ้องนายเมธี เข้ามาเป็นจำเลยในฐานความผิดเดียวกัน และมีการยื่นคำร้องขอรวมคดีไว้ด้วย  ขณะที่ฝ่ายจำเลย เสนอบัญชีพยานบุคคลที่จะนำสืบรวม 173 ปาก โดยทนายความจำเลยขอใช้เวลาในตรวจสอบบัญชีพยานเอกสารและพยานบุคคลของอัยการโจทก์ว่าจะมีพยานบุคคลใดสามารถรับกันได้บ้าง จึงขอเลื่อนการตรวจพยานหลักฐานมาในวันนี้  

 

ศาลรวมคดีชุมนุมไล่รัฐบาลมาร์ค

 

             ขณะที่เมื่อถึงเวลานัดวันนี้ "อัยการโจทก์" ได้เสนอบัญชีพยานวัตถุและบัญชีพยานเพิ่มเติม พร้อมแถลงขอรวมคดี อ.1262/2561 , คดี อ.2499/2561 ,คดี อ.2179/2561 เข้ากับคดีนี้ เนื่องจากมีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน หากรวมพิจารณาด้วยกันแล้วจะสะดวกต่อการดำเนินกระบวนพิจารณา   

 

              ซึ่ง "ศาล" พิเคราะห์แล้วก็อนุญาตให้รวมพิจารณาคดีทั้ง 4 สำนวนเป็นคดีเดียวกัน โดยให้คดีหมายเลขดำ อ.968/2561 เป็นคดีหลัก ขณะที่ศาลสอบคำให้การจำเลยแล้ว จำเลยที่ 1-13 ทั้งหมดให้การปฏิเสธ พร้อมต่อสู้คดี

 

             โดยฝ่ายจำเลย แถลงว่า เนื่องจากทั้งอัยการโจทก์และจำเลยก็มีพยานบุคคล , พยานเอกสาร และพยานวัตถุจำนวนมาก จึงขอเลื่อนระยะเวลาไปตรวจสอบว่า มีความจำเป็นจะต้องสืบพยานใดบ้าง ซึ่งศาลสอบถามอัยการโจทก์แล้วก็ไม่คัดค้าน

 

              "ศาล" เห็นว่ามีเหตุอันควร จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อนัดตรวจพยานหลักฐาน และกำหนัดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 27 พ.ค.62 เวลา 09.00 น.

 

             ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้อัยการได้แยกข้อหาฟ้องจำเลยแต่ละคนดังนี้ นายวีระกานต์ อายุ 70 ปี อดีตประธาน นปช.จำเลยที่ 1, นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 53 ปี ประธาน นปช. จำเลยที่ 2 และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 43 ปี แกนนำ นปช. จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันชุมนุม ณ ที่ใดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

 

             นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 67 ปี แกนนำ นปช. จำเลยที่ 4, นายสิระ หรือสรวิชญ์ พิมพ์กลาง อายุ 59 ปี แกนนำคนเสื้อแดง จ.สกลนคร จำเลยที่ 5, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อายุ 67 ปี แกนนำ นปช. จำเลยที่ 7, นายพิพัฒน์ชัย หรือสมชาย ไพบูลย์ อายุ 49 ปี แนวร่วม นปช. จำเลยที่ 8 และนายพายัพ ปั้นเกตุ อายุ 59 ปี แนวร่วม นปช. จำเลยที่ 9 ถูกยื่นฟ้อง 3 ข้อหา ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

 

ศาลรวมคดีชุมนุมไล่รัฐบาลมาร์ค

 

              ส่วนนายณรงศักดิ์ มณี อายุ 52 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ จำเลยที่ 6 ถูกยื่นฟ้องข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และนายพงศ์พิเชษฐ์ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง อายุ 60 ปี แนวร่วม นปช.จำเลยที่ 10 ถูกยื่นฟ้อง 2 ข้อหา ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215

 

              นายอดิศร เพียงเกษ จำเลยที่ 11 ถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันชุมนุม ณ ที่ใดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

 

              นายพีระ พริ้งกลาง จำเลยที่ 12 ถูกฟ้องในความผิดฐาน มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 

 

              ส่วนนายเมธี อมรวุฒิกุล จำเลยที่ 13 ถูกฟ้องในความผิดฐาน มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ