ข่าว

"จ่านิว - พวก" ให้การสู้คดีจัดชุมนุม 10 ก.พ.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อัยการขอรวมสำนวนชุมนุมราชดำเนิน "คนอยากเลือกตั้ง RDN 50" โจมตี "ประวิตร" กดดัน คสช. เลือกตั้ง พิจารณาพร้อมคดีฟ้อง "โรม รังสิมันต์"

 

               19 พ.ย. 61 ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.00 น. ศาลได้ประชุมคดีเพื่อสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน คดีชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง หมายเลขดำ อ.2893/2561 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ยื่นฟ้อง นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ฉายา จ่านิว อายุ 25 ปี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง จบการศึกษารัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ , นายอานนท์ นำภา อายุ 33 ปี อาชีพ ทนายความ , น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 25 ปี , นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ อายุ 24 ปี นักกิจกรรม อดีตนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ , น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ อายุ 39 ปี วิทยากรอิสระ และนายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ อายุ 25 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ชุด RDN50

 

 

 

               ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และร่วมกันมั่วสุมชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ในที่สาธารณะ ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 สืบเนื่องเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 61 ได้ร่วมกันจัดการชุมนุม หยุดยื้ออำนาจ หยุดยื้อเลือกตั้ง : หมดเวลา คสช. ถึงเวลาประชาชน กล่าวโจมตี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน

               โดยอัยการยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 61 ขณะที่ศาลพิจารณาแล้วก็อนุญาตให้ประกันตัวจำเลยทั้ง 6 ราย ไปโดยไม่จำต้องใช้หลักทรัพย์วางศาล แต่กำหนดว่าหากจำเลยทำผิดเงื่อนไขสัญญาประกัน ก็ให้ปรับจำเลยคนละ 200,000 บาท

               ซึ่งวันนี้จำเลยทั้งหกมาศาลตามนัด พร้อมทนายความ โดยอัยการโจทก์ ก็ได้ยื่นคำร้องขอรวมสำนวนคดีนี้ พิจารณาเป็นคดีเดียวกับคดีหมายเลขดำ อ.1197/2561 (ยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม อายุ 25 ปี นักเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง และนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

               ขณะที่ศาลได้สอบคำให้การจำเลย โดยอ่านสรุปคำฟ้องโจทก์ให้จำเลยฟังว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 61 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งหกกับนายรังสิมันต์ โรม จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ 1197/2561 ของศาลนี้ กับพวกอีก 42 คน ที่แยกไปดำเนินคดียังศาลแขวงดุสิต ได้ร่วมกันมั่วสุมและชุมนุมทางการเมือง และกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ และวิธีอื่นใด โดยจำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้รถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงเวทีด้านข้างของตัวรถยนต์ได้ติดป้ายโจมตี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล แล้วจำเลยกับพวกได้ร่วมกันปราศรัยโจมตีการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวปราศรัย และร่วมกันปลุกระดมมวลชนปลุกปั่นให้เกิดการชุมนุมขับไล่รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภายในสิ้นเดือน พ.ย. 2561

 

 

 

               พร้อมกับชูนิ้วสามนิ้ว (นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง) บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถนนราชดำเนิน อันเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ในทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ในขณะนั้น อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และเพื่อให้ประชาชนที่พบเห็นเข้าใจว่ารัฐบาลและทหารจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งก่อให้เกิดภาพลักษณ์ในเชิงลบกับรัฐบาลและเป็นการยุยง ปลุกปั่น สร้างความแตกแยกระหว่างประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาล ซึ่งเป็นการร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือผู้ได้รับมอบหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

               โดยจำเลยทั้งหก ยืนยันให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่ออัยการ โจทก์ ก็ยื่นคำร้องขอรวมพิจารณาคดีระบุเหตุผลว่ามูลคดีเกี่ยวพันกัน วัน - เวลาเกิดขึ้นต่อเนื่องช่วงเดียวกัน พยานหลักฐานที่จะนำสืบก็ชุดเดียวกัน ส่วนที่ยื่นฟ้องแยกสำนวนกันครั้งแรกเนื่องจากได้ทยอยส่งตัวจำเลยให้อัยการช่วงเวลาต่างกัน ดังนั้น จึงให้นัดพร้อมคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 14 ม.ค. 62 เวลา 09.30 น. ที่โจทก์ - จำเลยมีวันว่างตรงกันเพื่อฟังคำสั่งการขอรวมคดีพร้อมตรวจพยานหลักฐาน

               และที่จำเลยบางคนขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีลับหลังจำเลยในวันดังกล่าวเนื่องจากจำเลยติดสอบประจำภาคการศึกษานั้น ศาลเห็นว่าจำเลยก็ได้แต่งตั้งทนายความไว้แก้ต่างคดีแล้ว จึงอนุญาตให้ดำเนินกระบวนพิจารณาจำเลยบางคนได้ และกำชับให้จำเลยที่เหลือมาศาลตามนัดในวัน - เวลาโดยพร้อมเพรียงด้วย

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ