วงเสวนาอนาคตประเทศไทย ไม่เอารัฐประหาร

 

          วันที่ 16 พ.ย. 61 - ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ จัดงานเสวนาหัวข้อ "อนาคตประเทศไทย วิสัยทัศน์และทิศทางนโยบาย" โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งคือการให้ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ ได้กำหนดอนาคตของชาติ สิ่งที่ควรเป็นตัวตั้งในการทำนโยบาย คือเอาปัญหาประชาชนเป็นหลัก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ รายได้ของประชาชนลดลง มีความเหลื่อมล้ำ รวมถึงโครงสร้างการบริหารของประเทศที่ข้าราชการเป็นใหญ่ แล้วมีการใช้อำนาจโดยมิชอบ เรื่องต่างๆเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไข

 

          นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เราจะสานต่อนโยบายโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลนี้ได้ทำเอาไว้ แต่ว่าต้องถามความต้องการของประชาชนด้วย ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าการเมืองไทยไม่หลุดพ้นจากวงจรที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นแสงสว่างให้หลุดพ้นจากวจรเหล่านี้ เรามีอุดมการณ์สืบทอดมาในเรื่องความซื่อสัตย์ เกือบ 80 ปี และนี่ก็คือสิ่งที่ พรรคประชาธิปัตย์จะตอบโจทย์ หลังการเลือกตั้งที่จะถึงนี้

 

 

          ด้านนายจักษ์ พันธ์ชูเพชร แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวว่า การเมืองที่ผ่านมาวนอยู่กับการเลือกตั้ง แล้วได้นักธุรกิจเข้าไปหาประโยชน์ จนประชาชนหมดความศรัทธา นำไปสู่การเมืองบนถนน ทำให้ทหารเข้ามา แล้วเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีเงื่อนไขที่ทำให้ทหารออกมารัฐประหารได้ จึงเล็งเห็นว่าถ้ายังย่ำอยู่แบบเดิม เราก็จะปฏิรูปไม่ได้ ที่ผ่านมาเสียงของประชาชนไม่เคยไปถึงสภา เพราะทุกพรรคการเมือง มีเจ้าของ มีนายทุน ส.ส. ที่สังกัดพรรคเหล่านั้น ก็คือบริษัทภายใต้พรรคการเมือง เราต้องเปลี่ยนใหม่ เรายืนยันว่า รปช. เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง โครงสร้างของพรรคเราออกแบบให้สมาชิกเป็น เจ้าของพรรค เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรค รวมถึงการเลือกไพรมารีโหวตให้ได้ ส.ส. ที่จะลงเลือกตั้งด้วย 

 

          คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราเชื่อว่าศักยภาพคนไทยไม่ว่าคนนั้นจะเป็นตัวเล็ก เป็นเกษตรกร หรือใครก็ตามเราเชื่อในศักยภาพ พรรคเพื่อไทยเราเอาเรื่องคนเป็นเซ็นเตอร์ ตามสโลแกนหัวใจคือประชาชน ซึ่งอนาคตของประเทศจำเป็นต้องเริ่มจากพัฒนาคนก่อน ไม่ใช่พัฒนาการศึกษาก่อน และนโยบายพรรคเพื่อไทย เราจะนำทรัพย์สินของโลกยุคใหม่มาเป็นโอกาสให้คนไทยทุกคนเพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ รวมถึงพรรคจะขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรค เช่น กฎหมาย หรือความคิดในการทำธุรกิจ เพราะวันนี้เรื่องปากท้องสำคัญแต่ถ้าความคิดปิดกั้นไม่เป็นประชาธิปไตย ก็จะไม่สามารถเดินหน้าไปสู้โอกาสได้

 

          ทั้งนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า ทุกวันนี้พรรคการเมืองทุกพรรค ต่างพูดนโยบายคล้ายๆกันหมด ทั้งเรื่องปฏิรูป การกระจายอำนาจ เป็นต้น แค่พรรคเราคิดต่างจากพรรคอื่นๆอยู่ในเรื่องหนึ่ง ว่าช่วงเวลานี้ไม่ใช่การนำเสนอเรื่องของนโยบาย แต่เป็นการขจัดปัญหาของการเมืองไทยที่ต้นตอ นั่นคือการแทรกแซงการเมืองโดยทหาร และกลุ่มทุนที่ผูกขาดในประเทศ ที่สร้างอำนาจกดทับประชาชน และแอบอิงกับการรัฐประหาร ทำให้ประเทศไม่เดินหน้าต่อไป ลองดูอย่างสปอนเซอร์ที่สนับสนุน อาร์มียูไนเต็ด หรือโครงการประชารัฐต่างๆ นั่นแหล่ะคือกลุ่มทุนที่สนับสนุนทหาร ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ ก็ไม่สามารถพัฒนาเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งสิ่งที่ที่สังคมไทยต้องการมากกว่านี้ก็คือ เจตจำนงค์ใหม่ ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไร ก็สามารถมาร่วมกันปรับโครงสร้างการเมืองไทยใหม่ได้

 

 

          ในช่วงถามตอบ ในคำถามที่ว่าทิศทางพัฒนาการเมืองให้คนรุ่นใหม่ได้รับการพัฒนามากที่สุดนั้น นายภราดร ปริศนานันทกุล ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย กล่าว่า การพัฒนาทิศทางการเมืองไม่จำเป็นให้คนรุ่นใหม่ได้รับประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่การเมืองเป็นเรื่องคนทุกคน เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองทุกพรรคช่วยกันรับฟังความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เพื่อนำมาทำเป็นนโยบายแล้วเสนอต่อประชาชน เมื่อการเลือกตั้งมาถึงเป็นอำนาจประชาชนตัดสินว่าอยากเห็นพรรคการเมืองไหนเข้ามาปกครองประเทศ ฉะนั้นอำนาจนอกเหนือรัฐธรรมนูญ กติกานอกจากระบอบประชาธิปไตย อำนาจเหล่านี้เราต้องกำจัดให้หมดไปจากสังคม เพื่อให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไปได้

          ในส่วนพรรคของท่านมีวิกฤติศรัทธาต่อระบอบประขาธิปไตยอย่างไรนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีการปฏิวัติมากที่สุดและยุติการพัฒนาประชาธิปไตย เราไม่เคยปล่อยให้ประชาธิปไตยล้มลุกคลุกคลานด้วยตัวเอง แต่จะมีคนดี ที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นมาทำรัฐประหาร และจัดให้ประเทศดีขึ้น ฉะนั้นเราจะหยุดกระบวนการอุบาทว์รัฐประหาร คือการที่พรรคการเมือง จะต้องปกป้องระบบประชาธิปไตยให้มีการพัฒนา โดยต้องเริ่มจากตัวพรรคการเมือง และนักการเมือง ที่จะต้องปรับปรุงตัวเอง อะไรที่เป็นปัญหา เป็นวงจรไม่เคารพเสียงประชาชน  เราต้องจบ  

 

          ขณะที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเรื่องการเลื่อนเลือกตั้ง ว่า การพยายามให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกำหนดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นของประเทศ ประชาชนรอคอยการเลือกตั้ง เป้าหมายจึงควรรักษากรอบเวลานี้ วันนี้ กกต. บอกว่าพร้อม และเร่งเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง และ คสช.ผู้ออกคำสั่งที่เป็นอุปสรรค ควรจะแก้ไขคำสั่งที่เป็นอุปสรรคทั้งหมดให้สามารถเดินไปสู่การเลือกตั้งได้ และตอนนี้มีการอ้างความไม่พร้อมจากบางพรรคการเมือง ตนสงสัยว่าต่อไปหากมีพรรคการเมืองโผล่ขึ้นมาอ้างว่าไม่พร้อมก็ไม่จบไม่สิ้น หากไม่มีอุปสรรคจาก กกต.เอง และกกต.แก้ปัญหาได้ ตนไม่เห็นอุปสรรคอะไรที่จะเลื่อนการเลือกตั้ง.