"สมชัย" เตือนกกต.ระวังทำผิดกฎหมาย

          เมื่อวันที่ 16 พ.ย.61 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร รักษาการแทนคณบดีสำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัวระบุข้อความว่า “เตือนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า โปรดระวังการทำผิดกฎหมายในเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง” ซึ่งกกต.ยังไม่ยอมประกาศเขตเลือกตั้ง และอาจกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง เนื่องจากตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 ที่ลงนามโดยประธาน กกต.คนปัจจุบันเอง กำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการ โดยให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและพรรคการเมืองเป็นเวลา 10 วัน ดำเนินการจริงวันที่ 4-13 ต.ค. 61 หลังจากนั้น ผอ.กกต.จังหวัดต้องสรุปส่ง กกต.กลางภายใน 3 วัน และ ระบุให้ กกต.กลางต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน ซึ่งหากนับเวลาดังกล่าว ทุกอย่างต้องเสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่จนถึงวันนี้ (16 พ.ย.) ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ยังไม่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งๆที่การลงประกาศโดยปกติจะไม่เกิน 3 วันทำการ

          นายสมชัย ระบุด้วยว่า หากมีประกาศเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งที่เป็นทางการออกมา สิ่งที่ต้องระมัดระวังการทำผิดกฎหมาย คือ รูปแบบที่ประกาศต้องเป็น 1 ใน 3 รูปแบบ ที่ไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในช่วงวันที่ 4-13 ต.ค. หากมีการเปลี่ยนแปลงก็ควรเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ยึดรูปแบบใดรูปแบบ 1 ใน 3 รูปแบบเป็นหลัก สิ่งที่น่ากังวลคือ การประกาศเขตเลือกตั้งหากเป็นรูปแบบใหม่ หรือ รูปแบบที่ 4 ที่ไม่อิง 3 รูปแบบแรกเลย หมายถึง การแบ่งเขตดังกล่าว มิได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เป็นการทำผิด พ.ร.ป.ส.ส. มาตรา 27(3) ที่ระบุให้ การดำเนินการแบ่งเขต กกต.ต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองและประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นประกอบ

          นายสมชัย ระบุอีกว่า การลงมติใดๆ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ต้องมีกรรมการการเลือกตั้งเข้าประชุมครบทั้ง 5 คน เนื่องจากองค์ประชุมคือ 5 ใน 7 เมื่อมีกรรมการในปัจจุบันเพียง 5 คน จึงหมายความว่า การพิจารณาเกี่ยวกับเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขต ทุกเขตต้องมีกรรมการครบทั้ง 5 คน จะขาดคนหนึ่งคนใดไม่ได้ ซึ่งหากไม่ครบย่อมหมายถึงการพิจารณาในเขตดังกล่าวเป็นมติที่ไม่สมบูรณ์ และมีรายงานการประชุม พร้อมสำหรับการถูกตรวจสอบว่าไม่มีการมาแก้ไขให้แตกต่างภายหลัง ทั้งนี้ยืนยันว่า การออกมาให้ความเห็นดังกล่าว เพื่อให้ไม่มีสิ่งใดผิดพลาดในการทำงาน และไม่ทำให้เกิดของเสียในอนาคต.