ค่ายการเมืองส่งคนรุ่นใหม่ประเดิมเวที

          โรงภาพยนตร์ไอแมค สยามพารากอน -10 พ.ย.51 เอ็กซ์คลูซีฟทอล์ก อยากเห็นเมืองไทยดีกว่านี้ จัดโดยนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และน.ส.อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ มีการตั้งคำถามถึงตัวแทนคนรุ่นใหม่จากพรรคการเมืองต่างๆ ถึงโจทย์ที่ยากที่สุดหลังการเลือกตั้ง โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าอนาคตใหม่ กล่าวว่า ตนอยากเห็นการคมนาคมที่ดี สิทธิในการเข้าถึงคมนาคม ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งหลังการเลือกตั้งจะทำไม่ได้เลยถ้าเรายังยอมให้เกิดรัฐประหารขึ้นในทุกๆ 8 ปี ใช้รธน.ฉบับละ 4ปี มีรมว.ศธ.22 คน เฉลี่ยทำงานกันคนละ 12 เดือน ตนผ่านความพยายามรัฐประหารมาแล้ว 5 ครั้ง ความหวังสวยหรูจะทำไม่ได้เลยถ้าหยุดยั้งวงจรรัฐประหารไม่ได้ วันนี้ไม่ว่าคุณจะเคยสวมเสื้อสีอะไรขอให้ออกมารวมตัวกัน โดยการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นเพียงก้าวแรกไม่ใช่ก้าวสุดท้าย

“ผมโชคดีเกิดในครอบครัวที่มีฐานะ และเรียนรู้ว่าความไม่โปร่งใสจะทำลายตัวเอง เมื่อผมตัดสินเล่นการเมืองได้ลาออกจากทุกตกแหน่งในบริษัทและไม่เคยกลับไปแตะต้องธุรกิจที่เคยเป็นของตัวเองสักครั้ง ถ้าคนในครอบครัวขอให้ขัดนโนบายหรือให้ช่วยเหลือธุรกิจ ก็จะปฏิเสธ เพราะผมมองประชาชนเป็นหลัก ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ เชื่อว่าครอบครัวเข้าใจในจุดยืนและจะไม่ขอในเรื่องแบบนี้”นายธนาธรกล่าว

ด้านนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาสา ตัวแทนคนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่ยากที่สุดคือการบริหารประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่เขียนโดยไม่ได้ฟังเสียงประชาชน เขียนโดยคุณลุงและกลุ่มคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงรธน.60 ซึ่งเปิดให้ผู้มาจากการแต่งตั้งเลือกนายกฯ ข้อกฎหมายจึงเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก

          ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมีอายุ 25 ปี รัฐธรรมนูญห้ามไม่ให้มีตำแหน่งในพรรคและตำแหน่งในรัฐบาล ส่วนตัวมองเห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม รัฐบาลภูมิใจกับตัวเลขจีดีพี แต่จีดีพีไม่ใช่ตัวชี้วัดอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง เพื่อให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด การก้าวเข้าสู่สังคมคนสูงวัยภาคครัวเรือนมีหนี้สินสูง เทคโนโลยีจะทำให้คนตกงาน ล่าสุด จีนใช้เทคโลโลยีเอไอวิเคระห์นโยบายการเมือง ไม่แน่ว่านักการเมืองก็อาจจะตกงาน มนุษย์เงินเดือนเสียภาษีมากเกินไป ขณะที่การซื้อสติกเกอร์ไลน หรือการเปิดเพจในเฟชบุ๊กไม่มีภาษีเข้าไทยแม้แต่บาทเดียว         

          ขณะที่นายโอฬาร วีระนนท์ หรือบอม ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า สำหรับกระแสวิจารณ์ต่างๆที่มีต่อบิ๊กตู่และบิ๊กป้อม ตนขอตั้งคำถามกลับไปว่า คุณกล้าบอกบิ๊กป้อมกับบิ๊กตู่ไหมว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ และคุณจะไปบอกเขาตรงหน้าหรือนั่งบอกเขาที่หน้าจอ หลังการเลือกตั้งพรรคการเมืองจะทะเลาะกันอย่างไรตนไม่รู้ แต่คนรุ่นใหม่ไม่ทะเลาะกันแน่นอน หลังการเลือกตั้งสิ่งที่ยากคือการเลือกรูปแบบให้ตรงกับสังคม ทำให้สีทองเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ให้ได้

          ด้านนางเยาวภา บุรพลชัย ตัวแทนพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ตนเบื่อหน่ายที่จะอยู่กับความขัดแย้ง สิ่งสำคัญขอให้เปิดใจยอมรับกัน จึงขอโอกาสให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ที่อยากทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันประเด็นทางสัมคม โดยไม่แบ่งแยกพรรค

          ส่วนนายพงษ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง สิ้งที่ยากคือรัฐบาลจะบริหารงานอย่างมีเสถียรภาพแค่ไหน เพราะรธน.เขียนให้มีรัฐบาลที่กระจายไปยังหลายพรรคการเมือง ส่วนตัวมองว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้แบ่งตามเกณฑ์อายุ แต่แบ่งตามแนวคิดทันสมัย ต้องการทำวัฒนธรรมการเมืองที่ไม่สาดสีสาดโคลน ไม่ติดกับดักทีผู้มีอำนาจทางการเมืองเขียนไว้

          ขณะที่ผู้แทนพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ในช่วงแรกก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง หลายพรรคถูกจัดรวมว่าใครเป็นพวกของใคร สนับสนุนใคร และต่อต้านใคร พรรคประชาชาติให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ วันนี้หากวิธีการได้มาซึ่งส.ส.ยังเหมือนเดิม จะได้คนเดิมๆกลับเข้ามา จึงร้องขอให้ทุกภาคส่วนมาเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาชาติ เพราะวันนี้รัฐบาลยังไม่คิดกรอบหาเงินเข้าประเทศ มีแต่การใช้จ่ายออกไปเป็นจำนวนมาก.