พรรคอนาคตใหม่ ร่วม Future Talk แปลงวัฒนธรรมให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ สู้กับโลกยุค AI คนรุ่นใหม่ทยอยร่วมกิจกรรม "Future Fest" วันสุดท้าย
4 พ.ย. 61 ที่ ลานกิจกรรม The Jam Factory คลองสาน พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน (สปอนเซอร์) หลายราย ร่วมการจัดกิจกรรม “Future Fest” เทศกาลศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี ของเหล่าผู้ไม่ยอมทน ศิลปิน และคนหัวคิดก้าวหน้า ที่ฝันถึงการเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ซึ่งมีขึ้นระหว่างสัปดาห์วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ วันที่ 3 - 4 พ.ย. นี้
โดยภายในงานเริ่มกิจกรรมตั้งแต่ช่วงเวลา 14.00 น. เศษ ซึ่งมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติบุคคลซึ่งเป็นผู้นำทางความคิด และบูธอาหาร เสื้อผ้า ขณะลานกิจกรรมด้านหน้าทางเข้ามีการจัดเวทีขนาดเล็ก ที่ให้ผู้เข้าร่วมฟังดนตรีและวงเสวนาขนาดเล็กภายใต้ชื่อ "Music Movement" : บทเพลงที่ขับเคลื่อนสังคม นั่งบริเวณสนามหญ้า ซึ่งตั้งแต่ช่วงเย็นเวลาแดดร่มลมตก จะมีวงดนตรีผลัดเปลี่ยนสร้างความบันเทิง อาทิ แรปเปอร์ KQ , วงดนตรีวัยรุ่น Polycat ซึ่งกลุ่มคนวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน ให้ความสนใจทยอยเดินทางมาร่วมชมกิจกรรม
และได้เขียนข้อความส่งต่ออนาคตประเทศไทยภายใต้หัวข้อ "ฝากไว้ในมือเธอ - แทนความในใจส่งไปด้วยตัวหนังสือ" ผ่านแผ่นโพสต์อิท ที่ติดไว้บริเวณหน้างานด้วย ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็นด้วยข้อควมสั้นที่หลากหลาย ซึ่งในวันนี้ "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะมาร่วมพูดคุยในวงเสวนา Future Talk ช่วงเวลา 19.00 น. โดยจะพูดคุยถึงการแปลงวัฒนธรรมให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ สู้กับโลกยุค AI ด้วย
ต่อมาเวลา 19.00 น. นายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้มาร่วมพูดคุยในวงเสวนา Future Talk ถึงการแปลงวัฒนธรรมให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ สู้กับโลกยุค AI ว่า เมื่อความคิดของผู้คนขณะนี้ล้ำสมัยไปกว่ายุคสมัยที่เราอยู่ในปัจจุบัน จึงไม่น่าแปลกใจต่อการต่อต้านแรปที่ผ่านมา ที่ได้พูดความจริงอย่างมีพลังออกมา และจึงไม่แปลกใจทำไมรัฐบาลเองก็ออกมาแรป ไทยแลนด์ 4.0 แต่แรปนั้นก็ไม่ได้พูดถึงความเป็นจริง กลายเป็นเพลงที่ไม่มีพลัง
เพราะเดิมวัฒนธรรมแรป คือ การสะท้อนความเป็นจริงในมุมของคนยากจน ถ้าจะทำเราก็ต้องการวัฒนธรรมที่ปลดแอก ไม่ได้ต้องการวัฒนธรรมอย่างเดียวกัน แต่ต้องการวัฒนธรรมที่ยอมรับความหลากหลาย ทั้งเพศ การเมือง มิเช่นนั้นเราต่อกรโลกไม่ได้หากเป็นวัฒนธรรมเดี่ยว คิดเหมือนกันหมด กินเหมือนกันหมด ความคิดพลังสร้างสรรค์ก็เกิดไม่ได้ เราต้องต่อสู้วัฒนธรรมอย่างถึงแก่นวัฒนธรรมการเป็นพลเมือง ไม่ควรมีใครถูกฆ่าตายเพราะแสดงออกทางความคิดเห็น ไม่ใช่การเชิดชูอภิสิทธิ์ชนเพียงไม่กี่คน ผมไม่ต้องขอให้พวกคุณเลือกพรรคอนาคตใหม่ แต่ให้ในทุกที่ที่คุณสังกัด ขอให้ช่วยกันผลักเพดานวัฒนธรรมปลดแอกขึ้นทีละนิด จึงจะรับมือศตวรรษที่ 21 ได้
นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานในวันนี้ว่า กลุ่มเป้าหมายของพรรค คือ คนรุ่นใหม่ โดยการจัดงานจะเน้นความหลากหลายในการแสดงดนตรี การขายสินค้า และการรณรงค์ในเรื่องประเด็นต่างๆ ที่คิดว่านี่คือสิทธิเสรีภาพของประชาชน ถ้าบ้านเมืองอยู่ในระบอบประชาธิปไตย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ควรจะเกิดขึ้นได้ เพราะถือเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของประชาชน ขณะที่อนาคตใหม่ของเราไม่อยากเห็นการเมืองเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจเพียงอย่างเดียว เราอยากเห็นการเมืองเป็นเรื่องของคนธรรมดาทุกคน ไม่อยากเห็นการเมืองเป็นเรื่องของการเสียดสี การกระแหนะกระแหน การสาดโคลน หรือแม้กระทั่งการดิสเครดิตกัน
แต่เราอยากเห็นการเมืองเป็นเรื่องของการพูดที่สร้างสรรค์ เป็นการประชันกันในเรื่องของนโยบาย เราอยากเห็นการเมืองที่สนุกสนาน ซึ่งคิดว่าเป็นไปได้ และงานวันนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เป็นไปได้ การเมืองไม่ต้องเป็นเรื่องที่ทำลายกันอย่างเดียว แล้วใช้การเมืองเป็นเครื่องมือในการสร้างสังคมที่ดีกว่านี้ผ่านทางการนำพลังสร้างสรรค์ของทุกคนมาใช้ ซึ่งนั่นคือการเมืองในแบบของเรา
เมื่อถามถึงกรณีศิลปินแรป Liberate P และ RAD ที่ถูกจับตามอง นายธนาธร กล่าวว่า มันคือการพูดความจริงในช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมา มีคนมากมายในสังคมที่ถูกเซ็นเซอร์ ถูกคุกคาม ทางอาจารย์มหาวิทยาลัยและนักศึกษาระดับปริญญาตรี ก็พยายามจัดกิจกรรมวิชาการ แต่กลับถูกห้ามจัดงาน ประชาชนหลายกลุ่ม รวมทั้งภาคประชาสังคมที่อยากจัดงานรวมตัวกันเพื่อพูดคุยในหลายประเด็นก็ถูกสั่งห้าม ประชาชนหลายกลุ่มจึงลุกขึ้นมาพูดปัญหาให้รัฐบาลฟัง เพื่อสะท้อนปัญหา แต่ก็ถูกสั่งห้าม ประชาชนหลายส่วนถูกคุกคาม รวมทั้งสิทธิเสรีภาพของสื่อหลายสำนักถูกย่ำยี
"สิ่งที่เราพูดวันนี้คือการสะท้อนภาพความเป็นจริงของสังคม ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม ก็ต่างปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือความจริงของการปกครองภายใต้รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในรอบ 4 - 5 ปีที่ผ่านมา"
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการใช้ศิลปะและวัฒนธรรมมาสื่อสารในประเด็นต่างๆ ของสังคม โดยมีการพูดถึงเรื่องอิสรภาพและเสรีภาพ แต่ก็ระยะหลังมีการนำกฎหมายมาใช้ นายธนาธร กล่าวว่า เป็นที่น่าเสียดายว่าเราใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมเหยียบย่ำเสรีภาพของประชาชน กฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่นำมาใช้กับตนนั้น ตนก็ไม่ใช่คนแรกในสังคม เพราะก่อนหน้านั้นมีคนอีกหลายคนที่ถูกกฎหมายนี้มาใช้เพื่อปิดปาก และปิดช่องทางในการแสดงความคิดเห็น
"นี่คือเครื่องมือของรัฐบาลที่มาจากเผด็จการ เพราะว่าเขาเหล่านี้ไม่มีความชอบธรรมในการยึดถืออำนาจ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ป้องกันไม่ให้เกิดการลุกฮือของประชาชน ลุกขึ้นมาโค่นอำนาจเขาเหล่านั้นจึงต้องใช้อำนาจบิดๆ แบบนี้ กฎหมาย คุกตะราง ปืน ข่มขู่ด้วยอำนาจ"
โดยประชาชนไม่ว่าจะเคยใส่เสื้อสีอะไร ตนขอชักชวนทุกคน วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนทุกกลุ่มจะต้องกลับมารวมตัวกันและบอกให้ชัดว่า ศัตรูของประชาชนคือกลุ่มทหารที่ทำรัฐประหาร ทำให้หยุดยั้งการพัฒนาของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานหลายครั้ง วันนี้คือเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนยุคสมัย มาร่วมกันทำให้รัฐประหารครั้งที่ผ่านมาเป็นครั้งสุดท้าย เราต้องช่วยกันสร้างสรรค์สังคมที่ไม่มีรัฐประหาร ช่วยกันสร้างประชาธิปไตยให้ยั่งยืนเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน
เมื่อถามว่า กลุ่มคนที่มาร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ในเมืองสะท้อนให้เห็นโอกาสของพรรคที่จะได้เข้ามาทำงานการเมืองหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอน เพราะเป็นความตั้งใจของเรา เรามีกลุ่มเยาวชนที่ชัดเจน ซึ่งเราต้องการทำงานกับคนรุ่นใหม่เพื่อปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งประชาธิปไตยที่มีความคิดก้าวหน้าไว้ในกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะคนเรานี้คิดเองเป็น และเมื่อเราให้ความคิดที่ถูกต้อง เขาก็สามารถไปต่อยอดได้เอง กลุ่มคนเหล่านี้ถือว่ามีศักยภาพและมีความคิดที่สร้างสรรค์ รวมทั้งมีพลังอย่างมโหฬาร
เราอยากให้คนเหล่านี้นำความคิดและความเชื่อเรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ไปขยายผลต่อในแวดวงของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 พ.ย. ตนพร้อมด้วยทีมงานพรรคอนาคตใหม่ จะลงพื้นที่เยาวราช รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่บรรพบุรุษของตน และนายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง