ข่าว

"ปลดล็อก" อำนาจเต็ม คสช. "เพื่อไทย" ไม่ร่วมถก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ภูมิธรรม" ยัน "เพื่อไทย" ไม่ร่วมถก คสช. จี้ ปลดล็อก ปัด "ไทยรักษาชาติ" พรรคสาขา ชี้ สังกัดพรรคไหนเป็นสิทธิ์

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ รร.เดอะคัลเลอร์ ลีฟวิ่ง จ.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ได้เปิดรับสมัครสมาชิกใหม่และเชิญประชุมสมาชิก เพื่อจัดตั้งสาขาพรรคลำดับที่ 3 ในพื้นที่ภาคกลาง โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค และอดีต ส.ส.สมุทรปราการ อาทิ นายวรชัย เหมะ นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย นางอนุสรา ยังตรง นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ พร้อมด้วยสมาชิกกว่า 200 คน เข้าร่วมประชุมอย่างคึกคัก

 

 

 

               นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคจะดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบทั้ง 4 สาขา ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ขณะนี้เหลือเพียงพื้นที่ภาคใต้ ที่จะไปตั้งสาขาในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะตั้งตัวแทนประจำจังหวัดให้ครบทั้ง 77 จังหวัด เพื่อให้สามารถส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งได้ครบ 350 เขต

               ทั้งนี้ ยอมรับว่าการดำเนินการตามกฎหมายในเรื่องของการตั้งสาขาพรรคและตัวแทนประจำจังหวัด อาจมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากยังติดเงื่อนไขคำสั่ง คสช. รวมถึง กกต. ยังไม่แบ่งเขตเลือกตั้งให้ชัดเจน ทำให้ทุกพรรคมีปัญหา แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคขนาดใหญ่น่าจะมีปัญหาน้อยกว่าพรรคเล็กและพรรคใหม่ ส่วนการลงพื้นที่หาสมาชิกพรรคนั้น ก็พยายามดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย ไม่ทำเกินเลย ดังนั้น จึงมั่นใจว่าไม่ได้เข้าข่ายการหาเสียง

               นายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีที่จะเข้าร่วมหารือกับ คสช. เพื่อปลดล็อกพรรคการเมือง ว่า หน้าที่การหารือกับพรรคการเมืองเป็นของ กกต. อีกทั้งเห็นว่าไม่จำเป็นแล้วที่จะต้องมีการหารือกันอีก เพราะ คสช. มีอำนาจเต็มที่จะสามารถยกเลิกคำสั่ง คสช. ได้เลย ดังนั้น หากปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้อย่างเสรี การดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ ก็จะง่ายขึ้น พร้อมเรียกร้องอย่าใช้กฎระเบียบที่ คสช. สร้างขึ้นมา ทำให้พรรคการเมืองเดินหน้าต่อไปไม่ได้

 

 

 

               ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักษาชาติ เตรียมประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 7 พ.ย. นี้ โดยจะมีแกนนำของพรรคเพื่อไทยเข้าไปร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคไทยรักษาชาติไม่ใช่สาขาพรรคของพรรคเพื่อไทย และการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ ก็เป็นผลพวงมาจากกติกาและรัฐธรรมนูญใหม่ที่กำหนดเอาไว้ ทำให้นักการเมืองที่ต้องการทำหน้าที่รับใช้ประชาชน ต้องหาหนทางเพื่อที่จะทำให้ตัวเองได้ทำหน้าที่ต่อไป

               อย่างไรก็ตาม ถือเป็นสิทธิ์ที่แต่ละคนจะสังกัดพรรคการเมืองใดก็ได้ โดยหากคนนามสกุลเดียวกันจะแยกไปสังกัดพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติ ก็ถือเป็นสิทธิ์ สามารถทำได้เช่นกัน และถือเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ที่คนในครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นจะต้องมีความเห็นทางการเมืองเหมือนกัน

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ