ข่าว

สนธิรัตน์ ดันเปิดเอ้าท์เล็ตสำเร็จ ช่วย SMEs เจาะตะวันออกกลาง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเดินทางเยือนบาห์เรน เพื่อหาลู่ทางในการขยายการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับบาห์เรน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเดินทางเยือนบาห์เรน เพื่อหาลู่ทางในการขยายการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับบาห์เรน โดยการเดินทางไปครั้งนี้ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเกินคาดในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของไทย ที่จะมีโอกาสขยายตลาดเข้าสู่ตลาดตะวันออกกลาง 

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ปกติการเปิดบริษัท เทรดดิ้ง ในบาห์เรน จะต้องมีชาวบาห์เรนถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 51% ตามข้อกำหนดของบาห์เรน แต่กระทรวงพาณิชย์ได้เจรจากับทางบาห์เรนจนบาห์เรน ยินยอมให้ภาคเอกชนไทยถือหุ้นได้ 100% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้น หากไม่นับจีน ที่เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในบาห์เรน ที่ได้สิทธิถือหุ้น 100% ในโครงการ Dragon City ซึ่งเป็นศูนย์การค้าของจีน 

 

สนธิรัตน์ ดันเปิดเอ้าท์เล็ตสำเร็จ ช่วย SMEs เจาะตะวันออกกลาง

“บรรยากาศการไปบาห์เรนครั้งนี้ดีมาก รัฐมนตรีของบาห์เรน (นายซายิด รอชิด อัลซายานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมพาณิชย์และการท่องเที่ยว) ให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี และได้สนับสนุนโครงการ Thai Mart ของภาคเอกชนไทย และผมยังได้มีโอกาสเข้าพบปะกับเจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ซึ่งพระองค์ได้แสดงความชื่นชอบประเทศไทย และแจ้งว่าพร้อมที่จะสนับสนุนไทยในทุกๆ ด้าน ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับบาห์เรน ซึ่งผมได้มอบหมายให้หน่วยงานของกระทวงพาณิชย์สานต่อความสัมพันธ์ในทุกๆ ด้านแล้ว” นายสนธิรัตน์กล่าว

 

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า โครงการ Thai Mart ที่เกิดขึ้น จะเป็นประโยชน์ต่อ SMEs ของไทย ที่จะเข้าไปเจาะตลาดตะวันออกกลาง โดยขณะนี้เอกชนไทยที่เป็นผู้ลงทุนกำลังอยู่ระหว่างการตกแต่งสถานที่ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนเม.ย.2562 ถือเป็นศูนย์ค้าปลีกสินค้าและบริการของไทยเป็นแห่งแรกในตะวันออกกลาง ซึ่งจะรวมทั้งสินค้า บริการ เช่น สปา และร้านอาหารไทย อยู่ในที่แห่งเดียวกัน โดยมั่นใจว่าเมื่อเปิดแล้วจะดึงดูดให้ผู้บริโภคทั้งในบาห์เรน ซาอุดิอาระเบีย และประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางเข้ามาซื้อสินค้าไทยได้เพิ่มขึ้น 
          
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด นายอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ ผู้บริหารบริษัท เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ 
เอ็กซิบิชั่น จำกัด เจ้าของโครงการ Thai Mart แจ้งว่า มีเอกชนไทยแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 50 ราย แบ่งเป็นร้านอาหาร , ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหาร , ร้านสปาและผลิตภัณฑ์สปา , Beauty & Fashion Product , ของขวัญ ของที่ระลึกและของชำร่วย เป็นต้น 
          
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในการเดินทางไปครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้สร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย โดยได้ผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตอาหารให้กับบาห์เรน เนื่องจากบาห์เรนมีความต้องการนำเข้าสินค้าอาหารและสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ไก่ น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ผักและผลไม้ ซึ่งไทยมีขีดความสามารถในการผลิตและส่งออก และยังถูกต้องตามมาตรฐานฮาลาล ซึ่งมั่นใจว่าจะผลักดันให้สินค้าเหล่านี้เข้าสู่ตลาดบาห์เรนได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ไทยได้หารือถึงการใช้บาห์เรนเป็นแหล่งความมั่นคงด้านพลังงานให้กับไทย เพราะบาห์เรนเป็นประเทศที่มีน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ 

 

สนธิรัตน์ ดันเปิดเอ้าท์เล็ตสำเร็จ ช่วย SMEs เจาะตะวันออกกลาง

ส่วนโอกาสอื่นๆ จะเร่งผลักดันการเปิดร้านอาหารไทยในบาห์เรนให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีรายใหญ่ 4-5 ราย รายเล็กๆ อีกกว่า 100 ราย ซึ่งหากส่งเสริมให้มีการเปิดร้านอาหารไทยได้เพิ่มขึ้น จะช่วยสนับสนุนให้มีการส่งออกสินค้าอาหารและวัตถุดิบ เครื่องปรุงรส ของไทยได้เพิ่มขึ้น

         

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การเดินทางไปครั้งนี้ ยังประสบความสำเร็จในด้านการเจรจาธุรกิจ โดยได้จัดกิจกรรม Business Matching มีภาคเอกชนไทยจำนวน 18 บริษัท 32 รายเข้าร่วม มีสินค้า เช่น ข้าว ไก่ อัญมณี อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ ผ้าม่าน สกินแคร์ และสินค้าฮาลาล และกลุ่มบริการ เช่น Production , Consult , Nursing Home , Creative Design และ Business Advisory และมีภาคเอกชนบาห์เรนกว่า 70 ราย เป็นนักธุรกิจกลุ่มโรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม ซุปเปอร์มาร์เก็ต สิ่งทอ ศูนย์กระจายสินค้า เครื่องประดับ ร้านอาหาร และอื่นๆ เข้าร่วม

         

“ผลการเจรจาธุรกิจประสบความสำเร็จเกินเป้าที่ตั้งไว้ โดยเกิดมูลค่าการจับคู่ธุรกิจกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 660 ล้านบาท ภายในระยะเวลาการเจรจากันไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักธุรกิจบาห์เรนมีความเชื่อมั่นและนิยมสินค้าและบริการของไทย โดยคาดว่าแนวโน้มการทำธุรกิจจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกมากด้วย”

         

สำหรับผลการเจรจาจับคู่ธุรกิจ เช่น บริษัท ใบหยก อินเตอร์เทรด ได้พบกับหุ้นส่วนชาวไทยและบาห์เรนที่สนใจร่วมลงทุนธุรกิจและ Supply สินค้าให้กับบริษัท Thai Smile Food Stuff Trading LLC.
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือใบหยกดำเนินกิจการ Thai Smile Supermarket 2 สาขาในดูไบ โดยจะ Supply อาหารให้กับโรงแรม 5 ดาว และร้านอาหารไทยในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และโอมาน และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ได้พบผู้นำเข้ารายใหญ่ของบาห์เรน เจรจาขายสินค้าอาหารได้เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มขยายตลาดอาหารทะเลและสัตว์น้ำไปยังบาห์เรนได้เพิ่มขึ้น

         

ส่วนบริษัทขนาดกลางและเล็กที่ประสบผลสำเร็จ เช่น บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) ได้เจรจาขายไก่และไก่ปรุงสุกให้กับบาห์เรน , บริษัท วี เอ็น เจมส์ จำกัด เจรจาขายอัญมณีและเครื่องประดับ และบริษัท
ด๊อกเตอร์ เอทูซี จำกัด ได้รับการติดต่อจากคู่ค้าในบาห์เรน 3 ราย และซาอุดิอาระเบีย 1 ราย เพื่อทำธุรกิจบริการทางการแพทย์ เป็นต้น

         

“ผมมั่นใจว่า แม้ตลาดบาห์เรน จะเป็นตลาดขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าการค้าปัจจุบันรวม 290 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ผลจากความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งในระดับรัฐบาลและเอกชน จะช่วยผลักดันให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นได้อีกมาก เพราะไทยสามารถใช้บาห์เรนเป็นตลาดรองรับสินค้าไทย และยังใช้เป็นจุดผ่านและกระจายสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ ในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย และตลาดนอกภูมิภาคอย่างแอฟริกาเหนือ เอเชียใต้ และเอเชียกลางได้ด้วย” นายสนธิรัตน์กล่าวในที่สุด

 

สนธิรัตน์ ดันเปิดเอ้าท์เล็ตสำเร็จ ช่วย SMEs เจาะตะวันออกกลาง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ