ข่าว

ฎีกายืนยกฟ้อง "มัลลิกา" ไม่หมิ่น ว.5 โฟร์ซีซั่นส์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"มัลลิกา" มาศาลพร้อมฟังคำพิพากษาฎีกาถึงที่สุด ให้ยกฟ้อง "อัยการ-อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์" ร่วมฟ้องหมิ่นประมาทฯ แถลงข่าวตั้งคำถามภารกิจ ว.5 โฟร์ซีซันส์

 

           

          1 พ.ย.61 - ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.2493/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ร่วมกัน ยื่นฟ้อง "นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข" รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 จากกรณี ว.5 โฟรซีซั่นส์ ตามฟ้องโจทก์ว่า 

 

          เมื่อระหว่างวันที่ 19-20 ก.พ.55 จำเลยได้แถลงข่าวหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นว่า มีพฤติการณ์และความประพฤติผิดจริยธรรม ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เสียชื่อเสียง โจทก์จึงขอให้ยึดทำลายเอกสารที่มีข้อความดังกล่าว และโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 7 วัน โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 เม.ย.56 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากคำเบิกความของโจทก์และโจทก์ร่วมแตกต่างกันในเรื่องของห้องที่ใช้ในการประชุมที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ และข้อความที่จำเลยแถลงข่าวนั้นก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นการกล่าวหาโจทก์ร่วมในประเด็นเรื่องที่โจทก์ร่วมผิดจริยธรรมหรือไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไรบ้าง การแถลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการติชมด้วยความสุจริตเป็นธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท 

          ขณะที่เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.59 ศาลอุทธรณ์พิพากษาเห็นว่า มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เบิกความว่า ในวันที่ 8 ก.ย.55 เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ที่ห้อง Executive Club ตั้งแต่เวลา 14.30 น. - 23.00 น. ซึ่งมีลูกค้ามารับประทานอาหารและเครื่องดื่ม แต่พยานจำได้ว่าแต่ละคนเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการประจำ ดังนั้นจึงแสดงว่าเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ร่วมเข้าร่วมประชุม น่าจะไม่ใช่เรื่องสำคัญถึงขนาดเป็นการลับที่จำเป็นต้องมาพูดคุยในสถานที่ดังกล่าว จนไม่สามารถเปิดเผยได้ ดังนั้น เมื่อโจทก์ร่วมไม่สามารถเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับการประชุมที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ได้ ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่โจทก์ร่วมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่โดยตรงต้องเข้าประชุม เนื่องจากเป็นการพิจารณากฎหมายซึ่งเป็นประโยชน์ของชาติ จึงย่อมเป็นเหตุให้จำเลยซึ่งมีหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของโจทก์ร่วมและในฐานะประชาชนมีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัยพฤติกรรมของโจทก์ร่วมได้ 


          นอกจากนี้ การแสดงความเห็นของจำเลยเป็นลักษณะเชิงตั้งคำถามมากกว่ายืนยันข้อเท็จจริง อีกทั้งเมื่อโจทก์ร่วมเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมเป็นบุคคลที่ประชาชนสามารถตั้งข้อสงสัย ติดตามพฤติกรรมและแสดงความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ได้ด้วยความเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) การกระทำจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้ยกฟ้อง ขณะที่โจทก์ร่วม ได้ยื่นฎีกาอีก โดยวันนี้ "นางมัลลิกา" จำเลย ก็ได้เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ โดยศาลอ่าน คำพิพากษาศาลฎีกา สรุปย่อให้จำเลยได้ฟังว่า ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืน ให้ยกฟ้อง 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ