"เพื่อธรรม"ปัดนอมินี"เพื่อไทย"

 

               31  ตุลาคม  2561 นายพงศกร อรรณนพพร เลขาธิการพรรคเพื่อธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อธรรมมีจุดยืนชัดเจน ดำเนินตามแนวทางประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ตามที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค ประกาศไว้  

 

               ที่ผ่านมาทางพรรค จัดตั้งสาขาพรรคครบทุกภาคแล้ว ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่กกต.และกฎหมายกำหนด ในวันที่ 5 พ.ย. พรรคเชิญสมาชิกประชุม เพื่อเลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง 11คน ขณะนี้กำลังเร่งประสานหาสถานที่รองรับสมาชิกที่จะเดินทางมาร่วมประชุม เมื่อกฎหมายคลายล็อก หรือได้รับอนุญาตให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม คัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ จะเริ่มพิจารณาในลำดับต่อไป ตั้งใจจะส่งผู้สมัครให้ได้มากที่สุดเกือบครบ 350 เขต ที่ไม่บอกว่าจะส่งครบทุกเขต เนื่องจากหากถึงเวลานั้น ผู้สมัครบางรายคุณสมบัติไม่ครบถ้วน อาจจะส่งไม่ครบทั้ง 350 เขต แต่โดยหลักการเราจะส่งครบทุกภาค

             

               "ประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า พรรคเพื่อธรรมจะไปเป็นนอมินีหรือเป็นสาขารองรับให้กับพรรคเพื่อไทย กรณีเกิดอุบัติเหตุการเมืองนั้น ประเด็นนี้ต้องขอเรียนว่า พรรคเพื่อไทยก็คือพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อธรรมก็คือพรรคเพื่อธรรม เราไม่ได้เป็นนอมินีให้พรรคเพื่อไทย แต่ถ้าแนวทาง อุดมการณ์การเมืองตรงกัน เราก็โอเค ไม่มีปัญหา ที่ยืนยันได้ชัดเจนวันนี้ คือ เราไม่เอาเผด็จการ" นายพงศกร กล่าว

         

                ผู้สื่อข่าวถามว่าพร้อมจะรองรับสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หากพรรคเพื่อไทยเกิดอุบัติเหตุการเมืองจริงๆ นายพงศกร กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะโครงสร้างพรรคใดก็เป็นโครงสร้างตามรูปแบบพรรคนั้น เพียงแต่ถ้าแนวทางเราไปคล้ายกัน ถ้าเขาจะมา เราก็ไม่ได้ว่า ถ้าพร้อมจะมาในแนวทางนี้ อุดมการณ์นี้ สิ่งที่ยืนยันได้คือ พรรคเพื่อธรรม ไม่ใช่นอมินี พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อธรรม พร้อมเดินทางไปตามแนวทางของเรา  

         

                ส่วนหากสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางส่วนสนใจ อยากจะมาร่วมงานพรรคเพื่อธรรมจริง ๆ พร้อมรับหรือไม่ นายพงศกร กล่าวว่า ถ้าแนวคิดตรงกัน ผู้ที่จะมามีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งก็พร้อมรับ แต่ต้องตรวจคุณสมบัติก่อน   

         

              ต่อข้อามที่ว่า พรรคเพื่อธรรมเน้นจำนวนส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งหรือระบบบัญชีรายชื่อมากกว่ากัน นายพงศกร กล่าวว่า เน้นทั้ง 2 ระบบ เบื้องต้นเมื่อเราส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในระบบเขต ก็หวังระบบเขตมาก่อนในลำดับต้น ๆ แต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไร อยู่ที่พี่น้องประชาชนเป็นคนตัดสิน เมื่อผลออกมาค่อยมาดูกันอีกครั้งว่า จากเสียงที่ได้ สามารถนำมาคำนวณเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เท่าไหร่ ซึ่งตรงนั้นค่อยมาว่ากันอีกที