
"บิ๊กตู่" เมิน "นศ." ปิดทีวีไม่ดูรายการวันศุกร์
"บิ๊กตู่" โว "ยุทธศาตร์ชาติ" ทางสู่ความเจริญเหมือนตะวันตก หวังพาประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลางเร็วที่สุด ซัด ช่องขั้วตรงข้ามเกิดมาด่า ทำอะไรหวังคะแนนเสียง
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 61 เวลา 09.00 น.ที่ ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมประจำปี 2561 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตไทยอนาคตเรา" โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้แทนภาครัฐ ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมรับฟัง 2,500 คน
ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า หลายคน บางมหาวิทยาลัย บอกปิดทีวี เพราะไม่ชอบลุงตู่วันศุกร์จริงหรือเปล่า ไม่ดูไม่เป็นไร ตนไม่ได้บังคับให้ดู ถ้าไม่อยากเปิดก็ไม่ต้องเปิด ที่ตนเป็นพูดเป็นหลักการเป็นประวัติศาสตร์ เป็นตัวหนังสือ พูดแล้วทำเป็นขั้นเป็นตอนไหม ไม่ใช่พูดมา 4 ปีไม่ทำอะไรเลย ถ้าอย่างนั้นตนไปดีกว่า ไม่เอาด้วย ขณะที่ส่วนราชการปรับทั้งหมดแต่ต้องใช้เวลาแก้ไขกฎหมายระเบียบ กฎหมายต่างๆ ไม่เคยแก้กันมาเลย คิดให้รอบคอบจะทำอะไรก็ตามจะเปลี่ยนแปลงประเทศ กฎหมายสำคัญที่สุดคือทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน สร้างความเท่าเทียม และโอกาส ขณะที่หลายอย่างปล่อยปละละเลยมานาน ต้องสร้างเศรษฐกิจให้เข็มแข็ง หลายอย่างเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ ท้ังที่หลายเรื่องควรเกิดมาหลายรัฐบาลแล้ว อย่างการแก้หนี้นอกระบบ และ พ.ร.บ.ขายฝากที่ดิน เพื่อคนมีรายได้น้อยไม่เสียเปรียบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ชาติ ปี 61 - 80 ตัวเลขดูเยอะ ใครจะอยู่ถึงยังไม่รู้เลย ไอ้คนพูดจะอยู่ถึงไหม แต่ตนต้องการให้มันไปถึง ยังไงมันก็อยู่ ได้รับความเห็นชอบจาก ครม. และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติแล้ว
"วันนี้หลายพรรคการเมืองบอกเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ ล้มยุทธศาสตร์ชาติ ล้มประเทศของท่านเอง ประชาชนยอมหรือไม่ ไม่ได้หรอก นี้คืออเวนิวถนนของท่าน ต้องไปให้ได้ ถ้าท่านอยากจะเจริญอย่างบางประเทศในอาเซียนหรือในประเทศอียู ประเทศตะวันตก ทุกประเทศเขามีหมด ทุกรัฐบาลจะได้ไม่บิดพลิ้วไม่ก้าวออกไปข้างนอก สะเปะสะปะ" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต่างประเทศที่รวยๆ พอถึงวันหยุดทำไมขนมาประเทศไทย 35 ล้านคนต่อปี ทำไมเขาถึงมา แม้จะมีคนน่ารัก ไม่น่ารักอยู่บ้าง ถึงแม้จะมีตนอยู่ แต่ก็มามากกว่าที่เคยมา ทุกทูตมา อียู สหรัฐฯ มา ส่วนเรื่องหลักการเขาก็ต้องพูดอย่างนั้นเท่านั้นเอง ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้านเพื่อทำประเทศชาติมั่นคง สงบสุข เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า ไม่ปล่อยเหมือนเดิมที่เลอะเทอะไปเรื่อย ต้องให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียม อย่างความมั่นคง เทคโนโลยีไม่ซื้อเลยจะมีไหม เพราะเราผลิตเองไม่ได้ อุปกรณ์ทางทหารส่วนใหญ่ก็เอาใช้กันทั้งหมด บางอย่างเอาไปรบ ใช้เพื่อเป็นศักยภาพของเราเวลามีสงคราม ไม่ได้มีไว้สู้รบ มีไว้เพื่อให้ทุกคนเกรงใจ ไม่มีก็ไม่ได้เพราะเขามีกันหมด เราจะไม่มีอะไรเลย ทหารก็จะไม่มีเข้าไปอีกเหรอ ก็อยู่เอาแล้วกัน ตนคงไม่อยู่ เพราะไม่ปลอดภัย แล้วที่เหลือทั้งหมดจะทำได้หรือไม่ ถ้าไม่มีสิ่งที่ตนว่า
นายกฯ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นต้องระวังแก้ปัญหาความมั่นคงทั้งหมด ด้วยการเฝ้าระวัง ร้องทุกข์กล่าวโทษ เรื่องภาพลักษณ์การบริหารและการพัฒนาวันนี้โดนว่ารัฐบาลอย่างโน้นอย่างนี้ รัฐบาลไม่ดี ข้าราชการไม่ดี ตนถามว่าประเทศไทยนายกฯ บริหารส่วนราชการ ทำงานกับหน่วยงานราชการทั้งประเทศ ฝ่ายข้าราชการประจำทำงานทั้งสิ้น ผิดหรือถูกอยู่ที่ฝ่ายนโยบายเพราะมีอำนาจบริหาร ดังนั้น วันนี้ยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นเครื่องปกป้องไม่ให้สั่งการอะไรที่ผิดๆ ทั้งคนสั่งและคนทำ แต่ไม่ใช่ไปต่อต้านเขาจนเสียวินัย ทุกอย่างต้องมีหลักการ ไม่อย่างนั้นติดไปหมด ปวดหัว
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับเรื่องการรักษาพยาบาล เจ็บป่วย ฉุกเฉินวิกฤติ วันนี้ถ้าทำไม่ดีต่อไปจะแย่ทุกที่ โรงพยายามเจ๊งทุกที่ หมอ พยาบาล ลาออกทุกที่ รัฐบาลนี้ต้องเติมเงินเท่าไหร่ บางคนบอกรักษาไม่ดีไม่ต้องให้เขา จะให้เขาทำงานฟรีๆ ได้อย่างไร เราต้องเติมเงินในการดูแลโรงพยาบาลในท้องถิ่น ส่วนที่อยากได้เงินเพิ่มทั้งหมดก็เป็นปัญหา พยาบาล หมอขาด มีการผลิตออกมาแต่ขาดได้อย่างไร ออกใช้หนี้ใช้ทุนแล้วไปที่อื่น ถูกเอกชนซื้อตัวไปบ้าง บอกต่อไปนี้กี่ปีว่ามา ค่าปรับให้สูงขึ้นก็โวยวายอีก แต่ในระบบก็ขาด ทั้งที่เป็นงบฯ รัฐในการสร้างคนเหล่านี้ ฉะนั้นเอกชนอยากได้คนมีความสามารถต้องสนับสนุนเงินคนเหล่านี้เรียน จะได้สัดส่วนที่เอกชนต้องการ ข้างนอกรายได้ดีกว่า แต่ข้าราชการเงินเดือนไม่สูง ถ้าทำงานคุ้มค่าก็ได้สูง แต่ถ้าไม่คุ้มค่าไม่ต้องสูงก็ได้ แต่วันนี้ต่ำกว่าที่ควรจะได้ แต่ตนขึ้นให้ไม่ได้เพราะรายได้ยังไม่พอ อย่าเอาเรื่องอื่นๆ มาเปรียบเทียบกัน เพราะนั้นเป็นการวิธีการพูดทางการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยนิยมหลายคนบอกเป็นโครงการเพื่อการสร้างผลทางการเมือง แต่มันเกิดขึ้นมาก่อนเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง โครงการเหล่านี้ให้ประชาชนคิดเองว่าจะเอาอะไร บางคนไม่มาเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้สตางค์โดยตรง แต่คนที่มาร่วมตัดสินว่าจะเอาอะไร และนี้เป็นประชาธิปไตยใช่ไหม แล้วเราจะไปล้มเขาได้อย่างไร ดังนั้น ทุกคนต้องมีส่วนร่วมทั้งผลประโยชน์โดยตรงและโดยอ้อมที่จะเกิดขึ้น วันนี้จังหวัดที่อยู่ท้ายตารางประมาณ 18 จังหวัด ตนเปิดช่องวอยซ์ด่าอีก เกิดมาเพื่อด่าหรืออย่างไร ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าทำไมต้องลงทุนใน 18 จังหวัด เพราะคะแนนเสียง พูดหายใจหายคอเป็นคะแนนเสียงไปหมด แต่เขาอยู่ท้ายตารางต้องเติมเงินเพื่อเขาเข้มแข็ง บอกเป็นการเมืองตนก็ไม่เข้าใจ ไปดูเสียบ้างข้อมูลต่างๆใครก็พูดได้ หนังสือเขียนยังไงก็เขียน นั่งเทียนเขียนตนก็เขียนได้ พูดอะไรก็พูดแต่ปาก ไม่รับผิดชอบก็พูดได้หมด สังคมและประชาชนต้องช่วยกัน จะเชื่อตนหรือเชื่อเขา
นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้อากาศปลอดโปร่งแจ่มใส ฟ้าสว่างแสดงว่าประเทศไทยฟ้าเปิดแล้ว วันนี้มีทุกภาคส่วนรวมทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง แสดงว่ายุทธศาสตร์ชาติเป็นเรื่องที่สำคัญ และทุกคนถือเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ชาติเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องมีเป้าหมาย มีอนาคตเหมือนกับคำที่กล่าวไว้ว่า อนาคตไทยอนาคตเรา คือการมองที่ส่วนรวมมาก่อนว่า ประเทศชาติ สังคม จะได้อะไร แล้วค่อยมาคิดถึงตัวเองเป็นอันดับสอง ถ้าคิดแบบนี้ประเทศก็จะเดินไปได้อย่างแน่นอน รวมทั้งไม่ว่าจะยุทธศาสตร์ใดก็จะเดินหน้าไปได้หมด การประชุมวันนี้ถือเป็นการสร้างความเข้าใจ สร้างความรับรู้ในแนวคิดและสาระสำคัญในยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้ทุกภาคส่วนในสังคม เพราะปัจจุบันยังมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ทุกคนทราบดีว่าใครไม่เข้าใจ หรือพยายามไม่เข้าใจจริงๆ วัตถุประสงค์ในการหารือกันวันนี้ก็เพื่อให้สามารถมองภาพในอนาคต เห็นเป้าหมายระยะยาวของประเทศ ถือเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกันไปข้างหน้าสู่วิสัยทัศน์ที่ต้องการอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งทุกคนอยากเห็นประเทศไทยมีความสมบูรณ์ทั้ง 3 ประการ
"การจะทำอะไรก็ตามจะต้องมีก้าวแรกเสมอ ไม่ว่าจะเท้าซ้ายหรือเท้าขวา ก็จะต้องเดินต่อ และคิดต่อว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่ล้ม จึงจำเป็นต้องมีการประคับประคอง ซึ่งหมายถึงยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดขึ้นมา และจะทำให้ทุกรัฐบาลสามารถทำงานสอดประสานกันให้เกิดความต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายอันเดียวกัน แก้ปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต และจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าทุกคนอยากทำให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าเหมือนประเทศอื่น เราจึงจำเป็นต้องกำหนดบทบาทของตัวเองว่ายืนอยู่ตรงไหน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วหลายอย่างจึงต้องใช้เวลา เราจึงต้องวิเคราะห์พิจารณาหาวิธีการที่เหมาะสมด้วยการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน หลายประเทศ มีการเจริญเติบโตเป็น 100 ปีด้วย กระบวนการประชาธิปไตยประเทศเรามีมา 80 ปี ซึ่งไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่เป็นสิ่งที่เราต้องดูว่าประเทศอื่น ที่โตมาถึงวันนี้เป็นประเทศที่ไม่มีปัญหาหรือเคยมีปัญหามาแล้ว และทำอย่างไรให้ประเทศพัฒนาเติบโตขึ้นมาได้ บางประเทศที่มีความร่ำรวยเป็นมหาอำนาจในวันนี้ก็เคยมีปัญหา มีความยากลำบากในการสู้รบ ความขัดแย้ง แต่ถึงวันนี้สามารถที่จะขจัดสิ่งเหล่านี้ไปได้ ประเทศไทยอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ เป็นดินแดนแห่งความสุข เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง เราอย่าทำลายศักยภาพของตัวเองตรงนี้ เราต้องช่วยกันรักษาและพัฒนาให้ประเทศก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ความต้องการที่จะให้ประเทศไทยเป็นเหมือนประเทศอื่นเราต้องดูหลายอย่างประกอบทั้งสภาพแวดล้อมปัจจัยภายในภายนอก รวมถึงงบประมาณ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไปสู่เป้าหมายให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืน เป็นประเทศไทย 4.0 และทั่วโลกได้รับรู้และชื่นชมอนาคตของประเทศไทยที่นำเอาศักยภาพที่มีอยู่ขึ้นมาเป็นตัวกำหนด แต่วันนี้เรายังมีปัญหาภายในประเทศที่ติดอยู่หลายอย่าง คนในประเทศก็ต้องการให้ทำหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับประเทศรอบบ้าน ซึ่งตนจะไปสั่งการอย่างเดียวไม่ได้ต้องใช้วิธีการหารือ การเจรจา และปลดล็อก เพื่อทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อออกแบบอนาคตประเทศ การมีส่วนร่วมไม่ใช่จะโจมตีทุกเรื่อง หาจุดอ่อนในทุกเรื่อง แล้วมาโจมตีมันไม่ใช่ อย่างนี้ไม่ใช่เรียกว่าการร่วมมือกันออกแบบสังคมของประเทศ วันนี้ปัญหาส่วนใหญ่คือทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเองบังคับกันไม่ได้ ดังนั้น ทุกคนต้องหาวิธีการ ว่าทำอย่างไรเราจะมีส่วนร่วมกันและพัฒนาประเทศไปได้ ถ้าทุกคนคิดถึงแต่ตัวเอง ทุกอย่างจะกลับสู่ที่เดิม เดินไปข้างหน้าไม่ได้ จะเกิดปัญหาแบบเดิมขึ้นมาอีก ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการออกแบบอนาคตประเทศ
"ผมมั่นใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ไข ช่วยกันร่างกฎหมายและยุทธศาสตร์ชาติ จึงถือว่าทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ยุทธศาสตร์ชาติเราต้องใช้ไปถึง 20 ปี อย่าไปกังวลว่า 20 ปีจะแข็งกระโดกกระเดกสามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้ ระยะเวลา 20 ปี ถือเป็นการกำหนดเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาประเทศ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของทุกคนอย่างต่อเนื่องสอดคล้องในทุกมิติ เป้าหมายของรัฐบาลคือทำให้ประเทศหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่ต้องรอถึง 20 ปีอะไรทำเร็วได้ก็ต้องทำ ต้องสร้างความเท่าเทียมเกิดขึ้นให้ได้ แต่ปัญหาที่สำคัญตอนนี้คือเรื่องของที่ดิน การเวนคืนมีปัญหาทั้งหมด เพราะบางคนไม่ยอมให้ บางคนขอขึ้นราคา ถนนบางสายยังก่อสร้างไม่ได้ เพราะที่ดินราคาสูงขึ้นทุกปี 2-3 เท่า จึงต้องดูว่า ราคาที่ดินขึ้นเพราะอะไร เป็นการขึ้นตามข้อกำหนดของกฎหมายหรือไม่ หรือสูงกว่าราคาตลาด หรือมีใครไปซื้อดักหน้า เราจึงจำเป็นต้องมีแผนแม่บทไว้ล่วงหน้า" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การกำหนดเป้าหมายประเทศระยะยาวทำเพื่อให้เกิดแนวทางการพัฒนาประเทศชัดเจน เห็นเป้าหมายอนาคตร่วมกัน ทำให้การพัฒนาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เหมือนกับการเดิน ซึ่งก้าวแรกจะต้องดูว่า เราต้องการเดินไปยังจุดใด เปรียบกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทเป็นถนนหรือทางเดินของทุกคน แต่ถึงเวลาหากรถติดก็อาจเปลี่ยนเส้นทางได้ สามารถที่จะปรับแก้ได้ตลอดเวลา เด็กทุกคนน่าจะเข้าใจ ตนอยากจะพูดกับทุกคน อย่างที่อยู่ในห้องประชุมวันนี้พวกที่อยู่ข้างหน้ามีความเข้าใจ เพราะตนพูดมาบ่อย ฝากพวกที่อยู่หลังห้องให้ฟัง เพราะตนเองก็ยังฟังเสียงทุกคน เพราะนี้คืออนาคตของทุกคน



