ข่าว

"ประยุทธ์"บอก"ผู้แทนสภาธุรกิจอียู-อาเซียน"เลือกตั้งต้นปี62

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ประยุทธ์" บอก "คณะผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน" ขอให้มั่นใจ รัฐบาลบริหารประเทศตาม "โรดแม็พ" ย้ำ "เลือกตั้ง" ต้นปี 62

 

           20 ก.ย.61-ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล คณะผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) ประกอบด้วยผู้แทนจากบริษัทข้ามชาติของยุโรป 21 แห่ง ซึ่งมีสำนักใหญ่ตั้งอยู่ที่ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ในภาคธุรกิจเครื่องดื่ม ยาและเวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ การเงิน การธนาคาร ประกันภัย ยานยนต์ โลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์ และบริษัทให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ นางดวงใจ  อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เข้าร่วมด้วย

 

          ทั้งนี้ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญการหารือว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำอาเซียน และ เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ที่นำคณะนักธุรกิจจาก EU-ASEAN Business Council (EU-ABC) เดินทางมาเยือนไทยและเข้าพบหารือในวันนี้ โดยก่อนหน้านี้ คณะฯ ได้พบกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสวงหาลู่ทางและขยายความร่วมมือระหว่างไทยกับยุโรป ตลอดระยะที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลรับฟังข้อห่วงใยจากภาคเอกชน ก็เร่งดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาขจัดอุปสรรคต่างๆ อาทิ การปรับปรุงกฎระเบียบที่ล้าหลัง  และกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุน ทำให้ ไทยได้เลื่อนลำดับทางเศรษฐกิจ มีตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้น จากผลการจัดอันดับของหลายสถาบันต่างประเทศ  ในการเดินทางเยือนหลายประเทศในทวีปยุโรปที่ผ่านมาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี และมีกำหนดการเดินทางเยือนยุโรปอีกหลายประเทศ  ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลได้บริหารประเทศโดยยึดตามโรดแม็พ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงต้นปีของปี 2562  

          พล.ท.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำว่า รัฐบาลยังใช้แนวทางการพัฒนาภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 และ Thailand +1 และโครงการเศรษฐกิจดิจิทัล ในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ รวมทั้ง พัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC  เพื่อส่งเสริม 11 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากหลายประเทศทั้งภายในอาเซียนเอง จีนและญี่ปุ่น รวมทั้งสหภาพยุโรปด้วย ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ไทยยังเป็นเสมือนแกนกลางของอาเซียน และแกนหลักของกลุ่มความร่วมมือในอนุภูมิภาคต่างๆ ทั้ง CLMVT ACMECS GMS เป็นต้น  ซึ่งไทยได้ให้ความสำคัญในการสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคทั้งเชิงกายภาพ และกฎเกณฑ์ ระเบียบต่างๆ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ที่แท้จริง 

          โอกาสนี้ นายปีร์กะ ตาปิโอละ (Mr. Pirkka Tapiola) เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ประจำประเทศไทย กล่าวแสดงความชื่นชมในการบริหารประเทศที่มีพัฒนาการอย่างก้าวหน้าทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง และการนำผู้แทนภาคเอกชนยุโรปที่ประกอบด้วยถึง 21 กลุ่มอุตสาหกรรมมาไทยในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน สหภาพยุโรปพร้อมทีจะทำงานร่วมที่ไทยที่จะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า เพื่อขับเคลื่อนการเจรจาเขตการค้าเสรีอาเซียน-ยุโรป เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองภูมิภาคร่วมกัน 

          ขณะเดียวกันนายโดนัลด์ เคแนก (Donald Kanak) ประธาน EU-ABC  ได้กล่าวถึงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหภาพยุโรป – ไทย และ สหภาพยุโรป - อาเซียน ว่าสหภาพยุโรปมีการลงทุนในไทย และภูมิภาคอาเซียน มาอย่างยาวนานต่อเนื่องในสาขาต่างๆ โดยเป็นกลุ่มประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน และเป็นพันธมิตรคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสภาธุรกิจสหภาพยุโรป ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานต่างๆ ของอาเซียน ซึ่งการที่อาเซียนมีความเชื่อมโยงอย่างเข้มข้นทำให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจของอาเซียนแข็งแกร่งและช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ มั่นใจได้ว่าไทยจะประสบความสำเร็จในการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า และยืนยันที่จะร่วมมือและทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐและเอกชนไทย ในการส่งเสริมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  นวัตกรรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบาย Thailand 4.0 ด้วย 

          ระหว่างการหารือ นายกรัฐมนตรียังเปิดโอกาสให้ตัวแทนภาคเอกชนสหภาพยุโรป ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยผู้บริหารระดับสูง บริษัท BMW ในฐานะผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย ที่มีการประกาศอย่างชัดเจน ในการส่งเสริมนวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่ ทั้งรถยนต์ไฮบริด และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งบริษัทได้ตอบรับนโยบาย Thailand 4.0 โดยได้ให้ความร่วมมือกับผู้ประกอบการภายในประเทศ ในการพัฒนาเครื่องยนต์ และส่วนประกอบ โดยไทยยังเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของภูมิภาคนี้ ผู้แทนจาก SWIFT ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกรรมด้านการเงิน ได้กล่าวสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ว่าได้ถูกกำหนดในช่วงเวลาที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ซึ่ง SWIFT ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ SMEs ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

          ขณะที่ HSBC ในฐานะกลุ่มธนาคาร กล่าวว่า ภาคการธนาคารพร้อมสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนที่เกี่ยวข้องภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 และ โครงการ EEC ในขณะที่ กลุ่ม Bayer ซึ่งประกอบอุตสาหกรรมการเกษตร พร้อมที่จะสนับสนุนภาคการเกษตรของไทย โดยเฉพาะด้านการพัฒนาและวิจัย และพร้อมพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าเกษตรของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ