"ภราดร" จี้ "คสช." ยุติออกกติกาซ้ำซ้อนกฎหมาย

          นายภราดร ปริศนานันทกุล อดีตส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงท่าทีของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมวางกติกาหาเสียงให้กับพรรคการเมือง โดยเฉพาะการห้ามใช้โซเชียลมีเดียโฆษณาชวนเชื่อประชาชน ว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย โอกาสของประชาชนที่จะเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้วยวิธีการใหม่ๆ และเป็นเรื่องน่าเสียดายหากมองในมุมการปฏิรูปการเมืองผ่านระบบหรือวิธีการใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยและทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่  

          นายภราดร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนมองว่าการสื่อสารด้วยอินเตอร์เน็ต หรือโซเชียลมีเดีย สามารถเข้าถึงประชาชนได้จำนวนมาก และใช้งบประมาณที่น้อยด้วย ดังนั้นเมื่อกติกาทางการเมืองระบุว่าห้ามใช้โซเชียลมีเดีย หรือสื่อใหม่เพื่อสื่อสารไปยังประชาชน อาจถูกมองว่าปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนก็ได้

          "ผมมองว่าคสช. อย่าไปกลัวกับการสื่อสารสมัยใหม่ ภายใต้การควบคุมการใช้โซเชียลมีเดียผ่านกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ดังนั้นนักการเมืองจะสื่อสารอะไร หรือกระจายข่าวอะไรต้องคำนึงถึงการเขียน การพูดที่ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่ฝ่าฝืนหรือผิดกฎหมาย ดังนั้นคสช. ไม่ควรออกกฎหมายหรือกติกาที่มีลักษณะซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้ว​ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำลายบรรยากาศหาเสียง ที่จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้คนตื่นตัวและออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง" นายภราดร กล่าว

          ผู้สื่อข่าวถามถึงกติกาหรือข้อบังคับที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ออกระเบียบ ที่ล่าสุดมีแนวทางเบื้องต้นว่า กกต. จะนำนโยบายของพรรคและหมายเลขผู้สมัครส่งไปยังประชาชนแทนการหาเสียงของนักการเมือง นายภราดร กล่าวว่า การเลือกตั้ง 2-3 ครั้งที่ผ่าน กกต. ใช้วิธีการดังกล่าวมาแล้วเช่นกัน แต่ผลที่เกิดขึ้น คือ ชาวบ้านไม่รับรู้นโยบายหรือสิ่งที่นักการเมืองต้องการสื่อสาร อาทิ หมายเลขผู้สมัคร, ผู้สมัคร และนโยบายหลักของพรรคการเมือง เพราะ กกต. ใช้วิธีประชาสัมพันธ์ผ่านรูปแบบของราชการ เข้าไม่ถึงชาวบ้าน ดังนั้นบทบาทกกต.​ที่ควรทำ คือ การกำกับ และดูแลไม่ให้มีผู้ใดทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจะเหมาะสมกว่า

            นายภราดร กล่าวต่อไปว่า ขณะที่การหาเสียงเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ตนมองว่าควรปล่อยให้เป็นบรรยากาศการหเาสียงที่เป็นประชาธิปไตยจะเหมาะสมกว่า เพราะอย่าลืมว่า เมื่อปล่อยให้บรรยากาศเป็นไปโดยธรรมชาติ ส่ิงที่จะเป็นประโยชน์ คือ การสร้างความคึกคักให้กับการเลือกตั้ง , ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงจำนวนมาก และจะเป็นประโยชน์กับการเลือกตั้งของประเทศ.