"นักวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์"ส่องสโมสรฟุตบอลไทยลีก ปรับภาพ-รักษาฐานเสียง"นักการเมือง"สะท้อนภาพที่เปลี่ยนไปของการเลือกตั้งแบบใช้เงิน
21 มิถุนายน 2561 "นักวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์"ส่องสโมสรฟุตบอลไทยลีก ปรับภาพ-รักษาฐานเสียง"นักการเมือง"สะท้อนภาพที่เปลี่ยนไปของการเลือกตั้งแบบใช้เงิน
ศูนย์วิจัยดิเรก ชัยนาม คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนาดิเรกทอล์ก เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยของนักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ โดยช่วงบ่ายเป็นการนำเสนองานวิจัยของภาควิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดย น.ส.ชาลินี สนพลายงาม นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำเสนอหัวข้อบทบาทสโมสรฟุตบอลในปัจจุบัน ตัวแสดงใหม่ในการเมืองท้องถิ่น ซึ่งมีสาระโดยสรุปว่าสโมสรฟุตบอลยังเกี่ยวพันกับการเมือง เพราะมีอดีตนักการเมืองระดับชาติ และนักการเมืองท้องถิ่นเป็นเจ้าของ
เหตุผลสำคัญมาจากกฎหมายกระจายอำนาจ ที่บัญญัติให้หน่วยงานท้องถิ่นมีหน้าที่สนับสนุนด้านกีฬา และด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจรัฐ เศรษฐกิจ สังคมและโลกาภิวัฒน์ของฟุตอล สโมสรฟุตบอลทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคบริการและการท่องเที่ยวขยายตัว รวมถึงเกิดเป็นวัฒนธรรม เกิดสำนึกร่วม และอัตลักษณ์ร่วมของประชาชน หรือ แฟนบอล กับสโมสรฟุตบอล ที่เปรียบเป็นตัวแทนพื้นที่เช่นจังหวัด หรือ เขตพื้นที่
กรณีของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีพัฒนาด้านผลงาน เมื่อสอบถามแฟนบอล เขาระบุว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนบุรีรัมย์ เพราะทำให้คนจังหวัดรู้จักจังหวัดบุรีรัมย์ และต้องการมีส่วนร่วมเช่น ร่วมเป็นกองเชียร์ แม้จะดูฟุตบอลไม่เป็น ส่วนของสโมสรชลบุรี เอฟซี ที่มีอันดับต่ำกว่าสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะพบความผูกพันในสโมสรมากกว่าความรู้สึกภาคภูมิใจ
ดังนั้นเมื่อมองในมุมการเมือง ทำให้นักการเมืองรักษาพื้นที่ของตัวเองผ่านสโมสรฟุตบอล ผ่านการปรากฎตัวของอดีตนักการเมืองฐานะผู้บริหารสโมสร ที่แสดงตัวตนมากขึ้นระหว่างเกมแข่งขันฟุตบอล ซึ่งจากการเก็บข้อมูลพบว่าหลังรัฐประหาร ปี 2557 พบการปรากฎตัวของนักการเมืองในพื้นที่สนามฟุตบอลมากยิ่งขึ้น
นักวิชาการภาคการเมืองการปกครอง กล่าวด้วยว่า การเข้ามาบริหารสโมสรฟุตบอล ได้สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับนักการเมือง เช่น ภาพลักษณ์ของ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ฐานะผู้บริหารสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ถูกมองว่าเป็นนักพัฒนาเมือง และสามารถบริหารจัดการเมืองมากยิ่งขึ้น โดยผลงานวิจัยดังกล่าวแม้จะไม่แล้วเสร็จ แต่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและความซับซ้อนทางการเมืองท้องถิ่น ที่เปลี่ยนไปจากมุมมองการเมืองท้องถิ่น หรือการเลือกตั้งที่ใช้เงินหรือทุนเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง