ข่าว

คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คุก 2 ปี 'สุรพงษ์'ไม่รอลงอาญา ปมออกหนังสือเดินทางทักษิณ ขณะที่"เพื่อไทย"ปูด 3 อดีตส.ส.เลยรับ 200 ล้านแลกทิ้งพรรค รับยับเยินที่สุด เผยโดนดูด 40 คนแล้ว

     เมื่อเวลา 08.30 น. เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อม.51/2560 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

“ปึ้ง”ฟังคดีออกหนังสือเดินให้“แม้ว”

    สำหรับคดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ชี้มูลความผิดทางอาญานายสุรพงษ์ ออกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก่อการร้าย และคดีอื่นๆ ซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4)

     คดีนี้อัยการได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งนายสุรพงษ์ได้ยื่นหลักทรัพย์ 3 ล้านบาทขอประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัว พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน

ยันไม่ผิด-ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา

    เวลา 08.45 น. นายสุรพงษ์ พร้อมทนายความ เดินทางถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อเข้าฟังคำพิพากษา โดยนายสุรพงษ์ กล่าวก่อนฟังคำพิพากษายืนยันว่า ยังมีกำลังใจดี แม้จะป่วยแต่พร้อมที่จะสู้คดี เบื้องต้นได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้จำนวนหนึ่งสำหรับการประกันตัว โดยยืนยันว่าการทำหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศที่ผ่านมา ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

     นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุหากศาลมีคำพิพากษาว่านายสุรพงษ์มีความผิดก็พร้อมยื่นอุทธรณ์ โดยเห็นว่าการที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ลงมติถอดถอนนายสุรพงษ์ออกจากตำแหน่ง ไม่น่าจะมีผลต่อการพิพากษาคดีของศาลฎีกาฯ ในวันนี้ พร้อมเปิดเผยว่า นายทักษิณได้แสดงความเป็นห่วงนายสุรพงษ์ด้วย

เจอคุก2 ปี-ไม่รอลงอาญา

    จากนั้นเวลา 10.45 น. เจ้าหน้าที่ศาลได้เเจ้งให้สื่อมวลชนเเละผู้ที่มาร่วมรับฟังคำพิพากษาคดีนายสุรพงษ์ว่า ขณะนี้องค์คณะผู้พิพากษากำลังประชุมลงมติเพื่อทำคำพิพากษากลาง จึงนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งในเวลา 12.30 น.

    ต่อมาเวลา 12.30 น. องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากพิพากษาให้จำคุกนายสุรพงษ์ ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.มาตรา 123/1 อันเป็นกฎหมายบทหนักสุด จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา เนื่องจากพิเคราะห์แล้วว่าการกระทำจำเลยมีเจตนาช่วยเหลือให้ผู้กระทำผิดหลบหนีคำพิพากษา

ประกัน 5 ล้าน-ห้ามออกนอกปท.

    เวลา 14.35 น. นายปรีชา ศรีเจริญ ทนายของนายสุรพงษ์ กล่าวว่า ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวนายสุรพงษ์ โดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นได้รับอนุญาตจากศาล โดยหลักทรัพย์เดิมวางไว้ 3 ล้านบาท ก็จะเพิ่มเงินสดอีก 2 ล้านบาท รวมเป็น 5 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องวางหลักประกัน

บิ๊กตู่แย้งวันจัดเลือกตั้ง

     วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานการประชุมครม.ว่า “ขอให้บ้านเมืองสงบสุข สิ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องอย่าลืมและอย่าเอามาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง สิ่งสำคัญที่สุดคสช.พิจารณาอยู่ในวันนี้คือการเตรียมการไปสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก คนไทยทุกคนอย่าลืม เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ และอย่าหาว่าเอาเรื่องนี้มาอ้างเป็นคนละเรื่องกัน วันนี้ผมต้องการให้ประเทศชาติสงบ มีเสถียรภาพ ซึ่งจะมีผลต่อการลงทุนในระยะเวลานี้ด้วย ส่วนการเลือกตั้งเราก็เดินของเราไปให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ซึ่งผมก็ไม่ได้เห็นว่าขัดแย้งอะไรกัน”

    คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน  ผู้สื่อข่าวถามว่าสรุปแล้วจะเลือกตั้งก่อนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หรือหลังพระราชพิธี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า "การเลือกตั้งจะเกิดหลังอยู่แล้ว หลังพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก”

ยันมอบหมาย“ประวิตร”ถก

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอเวลาในการเตรียมตัวเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ ซึ่งมีการเตรียมตัวมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว มีการประชุมเรื่องใหญ่ๆ ทุกวัน ขอเดินทางไปด้วยความสุข เพราะต้องไปทำความเข้าใจกับเขาหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องการทำสัญญาซื้อขายธีออส 2 นั้น การทำข้อตกลงต่างๆ เป็นเรื่องตามขั้นตอนระบบราชการ เรื่องการจัดซื้อจัดหา ตนคงไปซื้อกับใครไม่ได้ ถ้าไม่ได้ผ่านขั้นตอน ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือที่จะต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมายและต้องผ่าน ครม.ทั้งหมด ไม่สามารถที่จะไปตกลงปากเปล่ากับใครได้ รู้ดีในเรื่องข้อกฎหมาย

    ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางเยือนอังกฤษและฝรั่งเศสครั้งนี้ จะถือโอกาสชี้แจงโรดแม็พเลือกตั้งด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องชี้แจงอยู่แล้ว โดยจะชี้แจงว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็พของการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่ต้องรอการโปรดเกล้าฯ ลงมา ซึ่งในช่วงที่ไม่อยู่ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ประชุมชี้แจงขั้นต้นไปก่อนเพื่อรับฟังปัญหา จะแสวงหาวิธีการปลดล็อก คลายล็อกอะไรก็ว่ากัน

ปัดเอี่ยว"สมศักดิ์-สุริยะ” ดูด

    ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ จะอธิบายถึงปรากฏการณ์เดินสายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มวังน้ำยม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ภายใต้ชื่อกลุ่มสามมิตร เพื่อทาบทามอดีต ส.ส.เข้าพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กรณีนักการเมืองออกมาพูดจาสนับสนุนการเดินสายเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ อันนี้เป็นเรื่องของการเมือง ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าการเมืองมีการเคลื่อนไหวหลายอย่างด้วยกัน หลายพรรคการเมืองก็เคลื่อนไหว ตนยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนี้เลย ฉะนั้น เป็นเรื่องของพรรคการเมืองต่อพรรคการเมือง นักการเมืองก็ว่ากันไป

    ส่วนที่ถามว่าตกลงว่านัดหารือพรรคการเมืองวันที่เท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้รอฟัง เขาจะแจ้ง ส่วนจะเป็นช่วงไม่อยู่ประเทศไทยใช่หรือไม่นั้น “คิดว่าไม่อยู่ คงกลับมาไม่ทัน โอเคนะจ๊ะ ขอให้บ้านเมืองสงบสุข"

วอนศึกษายุทธศาสตร์ชาติที่แก่น

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า อยากให้สื่อให้ความสำคัญเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ กรุณาไปดูเนื้อหาสาระสำคัญภายในด้วย อย่าให้ใครมาบิดเบือน ส่วนเรื่องของความเห็นต่างก็ว่าไป แต่ส่วนที่ดีก็มีจำนวนมากและไม่ได้หมายความว่าเป็นการบังคับใคร เพียงแต่ทำอะไรแล้วต้องตอบตัวชี้วัดให้ได้ ซึ่งเหมือนกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ก่อนหน้านี้ไม่สนใจกัน ต่างคนต่างทำตามนโยบายพรรคและนโยบายการเมือง

     “สภาพัฒน์ทำต่อจากยุทธศาสตร์ชาติ เรามุ่งหวังว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า อย่าดูถูกตัวเองมากนักว่ามันจะเป็นไปได้หรือ นั่นแหละคือความท้าทาย เราต้องเอาทุกอย่างมาเป็นประเด็น เป้าหมาย และนั่นคือความท้าทายที่รัฐบาลต้องพยายามทำให้ได้ รัฐบาลนี้ทำไม่เสร็จ รัฐบาลต่อไปก็ทำต่อ มันก็ต้องเสร็จสักวัน มันก็จะไปสู่เป้าหมายสุดท้ายที่ต้องการ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องมีคำชี้แจงว่าไม่ได้เพราะอะไร งบประมาณไม่เพียงพอ หรือทำไม่ครบระบบ ซึ่งใครจะไปลงโทษได้ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ใช่ทำไม่ได้แล้วลงโทษกันหมด มันไม่ใช่ แต่ไม่ทำเลยไม่ได้แค่นั้นเอง ต้องมีเหตุมีผล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน

จ่อม.44 เลิกไพรมารีโหวต

    เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม. ถึงความชัดเจนกรณีที่จะเชิญนักการเมืองมาร่วมพูดคุยช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ ว่า การหารือจะเชิญทุกพรรคที่จดทะเบียนกับ กกต.เรียบร้อยแล้ว และจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งพรรคการเมืองเก่า และพรรคการเมืองใหม่ โดยจะให้คนที่อยากฟังมาร่วมพูดคุย เบื้องต้นไม่ได้จำกัดจำนวน อาจจะ 2-3 คนก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ยกมาเป็นโขยง ซึ่งจะคุยเฉพาะเรื่องที่เป็นปัญหา พร้อมกับรับฟังข้อเสนอแนะของพรรคการเมือง ตนจะจัดการเอง ทั้งนี้ ขณะนี้ยังไม่ได้เชิญใครเลย แต่ดำเนินการทันแน่นอน ส่วนเรื่องวัน เวลา และสถานที่จะจัดการเอง เพราะอยู่ในหัวอยู่แล้ว ในการหารือจะไม่ให้มีการไลฟ์สด ไม่ให้มีเครื่องมือสื่อสาร และเวทีดังกล่าวจะเปิดให้เฉพาะพรรคการเมือง ไม่เปิดให้สื่อร่วมรับฟัง

     เมื่อถามว่า จะเตรียมรับมือกับการพูดคุยอย่างไร เพราะนักการเมืองแต่ละพรรคก็มีสไตล์ที่แตกต่างกัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การพูดคุยไม่ได้ให้มาวิพากษ์วิจารณ์ และก็ใช้เวลาไม่นาน แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการของพรรคการเมืองว่ามีอะไรบ้าง อะไรที่ตอบได้จะตอบ ส่วนอะไรที่ตอบไม่ได้ก็ต้องมาหารือ ส่วนที่ถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช. เพื่อยกเลิกการทำไพรมารีโหวตนั้น "ก็เป็นไปได้”

ยันไม่ใช่ “พรรคพลังประชารัฐ”

     พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีอดีตส.ส.ออกมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อ จะมีผลต่อการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ว่า ไม่รู้ เพราะไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์เอง ทั้งนี้ ในฐานะพี่ก็เป็นเพียงพี่ และไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องไปเตือนเพราะนายกฯ ไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านทำงานอย่างเดียว 4 ปีที่ทำงานมา ทำตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับตลอด ไม่มีเรื่องอะไรเลย แล้วจะต้องไปกลัวอะไร เรื่องอะไรที่บิดเบือนก็ว่ากันไป

    เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าหากนายกฯ เข้าสู่การเมืองเต็มตัวจริงๆ จะถูกโจมตีมากขึ้น พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า “ใครกังวล ยังไม่เจอ ยังไม่รู้ อย่าไปถ้า หรือเผื่อ” ส่วนที่ถามถึงพรรคพลังประชารัฐที่กำลังมาแรง และมีอดีตส.ส.จากพรรคต่างๆ เข้าไปร่วมจำนวนมากนั้น ไม่รู้ ต้องถามพรรคพลังประชารัฐ ตนไม่ใช่พรรคดังกล่าว ส่วนที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร เดินสายพบนักการเมืองนั้น ต้องไปถามเขา มาถามตนก็ตอบไม่ได้เพราะไม่รู้ ที่รู้เขาไปเยี่ยมกันไม่ใช่หรือ แล้วไปคุยกันเรื่องอะไร ถ้าทำอะไรขัดกฎหมายก็จับ แล้วถามว่าการไปเยี่ยมเยียนกันขัดกฎหมายหรือไม่ ถ้าขัดก็จับ

    ส่วนที่ถามว่า การที่อดีตส.ส.มาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐเพราะมีเงื่อนไขด้วยการแลกเปลี่ยนในเรื่องคดีความใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถามพรรคพลังประชารัฐ    แล้วที่บอกว่าคสช.ดูด ถามว่าไปดูดใคร ใครจะวิจารณ์ก็วิจารณ์ไป ที่ออกทางโซเชียลก็บิดเบือนตลอด แล้วสื่อเอาข้อบิดเบือนมาถามทำไม สื่อจะเข้าใจอย่างไรก็เข้าใจไป ไม่ต้องมาถามตน

คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน

“อุตตม”ไม่รู้ กลุ่มสามมิตรดูด

     ความคืบหน้าหลังจากที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตรเดินสายดูดอดีตส.ส.เพื่อไทยสายอีสานและเหนือ โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าพูดคุยกัยนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข นายวันชัย บุษบา อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย เพื่อชักชวนเข้าพรรคพลังประชารัฐ

     เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ ภายหลังนายสมศักดิ์ ในนามกลุ่มสามมิตร เดินสายพูดคุยกับบรรดานักการเมืองกลุ่มต่างๆ ว่า ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก็อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ไม่ได้อยู่ที่ จ.เลย กับกลุ่มที่มีข่าวออกมา จึงไม่ได้ไปร่วมพบใคร และยังไม่ได้คุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ถึงการเตรียมตั้งพรรคการเมืองแต่อย่างใด 

     ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองจำนวนมากสนใจเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐนั้น ก็ได้ทราบจากข่าวที่สื่อมวลชนเสนอ แต่ยังไม่ได้พูดคุยกับใคร

ยันรู้จักนักการเมืองบางคน

นายอุตตม กล่าวว่า นักการเมืองบางคนก็มีความรู้จักกันอยู่ ส่วนในอนาคตจะทำงานร่วมกันหรือไม่นั้น ต้องดูก่อนว่าเป็นการทำงานในลักษณะใด ส่วนที่ถามหากได้นักการเมืองมาร่วมทำงานด้วยจะถือว่าเป็นประโยชน์หรือไม่นั้น คงต้องดูเป็นเรื่องๆ ไปเพราะแต่ละคนก็มีความชำนาญในงานที่ไม่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน

คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน

พท.รับยับที่สุด-ดูด40คนแล้ว

    ด้านนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม และอดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า ตอนนี้เพื่อไทยกำลังเจอศึกหนักที่สุด ตั้งแต่เป็นนักการเมืองมา 40 ปี ไม่เคยเจอหนักขนาดนี้ ถือว่าวุ่นวายที่สุด ปั่นป่วนที่สุด ยับเยินที่สุด ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐกำลังบุกอย่างหนักที่ภาคอีสาน อดีต ส.ส.อีสานของพรรคโดนพยายามดูดแล้วมากกว่า 40 คนแล้ว และคงไม่หยุดแค่นี้ คงจะไปทุกพื้นที่ สิ่งที่ทางพรรคเพื่อไทยทำได้คือพยายามดึง

    “เขาไปทุกจังหวัด พยายามชวนทุกคนที่รู้จัก ที่คุ้นเคย ตอนนี้เราพยายามไปพูดคุยกับคนที่กำลังจะโดนดูด เราก็พยายามไปพูดคุยเพื่อดึงไว้ ก่อนนี้เขาได้ภาคกลางไปแล้ว ตอนนี้กำลังลุยอีสาน ต่อไปก็คงเป็นภาคเหนือ ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าคนที่ถูกชักชวนจะไปเท่าไร คงจะชัดเจนว่าใครจะไปใครจะอยู่ตอนที่ คสช.ปลดล็อกพรรคการเมือง” นายประยุทธ์ กล่าว

ปูด3ส.ส.เลยรับ 200 ล.ทิ้งพท.

    แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย 3 คน นำโดยนายปรีชา ออกมาแถลงยอมรับข้อเสนอของพรรคพลังประชารัฐว่า การตัดสินใจย้ายพรรคของอดีต ส.ส.ในพื้นที่ต่างๆ ในขณะนี้ เป็นการตัดสินใจของแต่ละบุคคลที่มีข้อจำกัดแตกต่างกัน ต้องยอมรับว่าเวลานี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่หนุนรัฐบาล คสช.รุนแรงมาก เนื่องจากมีทั้งเงินและอำนาจต่อรองนักการเมืองมากกว่ากลุ่มการเมืองอื่นๆ โดยคนที่มาประสานงานจะใช้วิธีการจูงใจหรือโน้มน้าวอดีต ส.ส.แต่ละคนด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน เช่น หากอดีต ส.ส.คนไหนมีคดีความติดตัว ก็อ้างว่ามีผู้ใหญ่ที่จะรับเคลียร์คดีให้ หรือ ให้คำยืนยันเรื่องไม่โดนใบเหลือง ใบแดง หลังการเลือกตั้ง แม้กระทั่งเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ให้อดีต ส.ส.มีส่วนในการตัดสินใจหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกัน

   ส่วนที่ทำให้อดีต ส.ส.กล้าตัดสินใจในขณะนี้คือจำนวนเงินที่สูงมาก เช่น มีข่าววงในว่า อดีต ส.ส.เลยทั้ง 3 คน ตัดสินใจย้ายพรรคในครั้งนี้มีการยื่นเงื่อนไขเป็นตัวเลขสูงถึง 200 ล้านบาทและจ่ายเงินเดือนให้อีกเดือนละ 5 แสนบาทจนกว่าจะมีเลือกตั้ง ทำให้ทั้งสามคนกล้าตัดสินใจที่จะเปิดตัวต่อสาธารณะ ทั้งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน อย่างไรก็ตามการดูด อดีต ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยมาร่วมกลุ่มสามมิตรในครั้งนี้ ทราบว่ายังมีอีกหลายคนได้รับการทาบทามติดต่อ เชื่อว่าน่าจะมีการแบ่งสายกันของแกนนำกลุ่มระหว่างนายสมศักดิ์ และนายสุริยะ รวมถึงแกนนำคนอื่นๆ

     แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวว่า สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ยังคงมีความเป็นเอกภาพอยู่ ส่วนรายชื่อมีการเผยแพร่ว่าจะย้ายพรรคหรือออกไปสังกัดพรรคอื่นนั้น ส่วนใหญ่เป็นอดีต ส.ส. และผู้สมัครที่เคยลงสมัครในสมัยพรรคไทยรักไทย และปัจจุบันไม่ได้อยู่ในพรรคเพื่อไทยแล้ว เช่นนายสมคิด บาลไธสง และอีกหลายๆ คนที่ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยก่อนหน้านี้

คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน

แฉบีบทุกทาง-แลกพ้นคดีความ

   นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีต ส.ส.สิงห์บุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า นอกจากตกปลาในอ่าง ใช้อำนาจพิเศษบีบคั้นแลกคดีความ ไม่รับรองความปลอดภัย แล้วแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ปัญหาพืชผลเกษตรตกต่ำ ปัญหาประมงนอกน่านน้ำได้หรือไม่ ไหนบอกว่าจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ไหนบอกจะปฏิรูปการเมือง ไหนบอกจะปฏิรูปประชาธิปไตย สิ่งเหล่านี้ไม่เคยทำ ทำแต่เรื่องสืบทอดอำนาจ และใช้อำนาจพิเศษเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและอยู่ในอำนาจต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

แถลงอัด “ส”เบื้องหลังดูด

      เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกคำชี้แจงถึงกระแสข่าวการดูด ส.ส.บางส่วนของพรรคว่า เป็นปรากฏการณ์ปกติที่สะท้อนให้เห็นจุดมุ่งหมายของกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ที่ยังไม่ได้ก้าวข้ามไปจากวิถีการเมืองน้ำเน่าแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความชัดเจนเรื่องความต้องการสืบทอดอำนาจ เราจึงได้เห็นการดำเนินการสนับสนุนการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ อีกหลายพรรค จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการดูด ส.ส. ของพรรคต่างๆ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยให้เข้ามาสู่พรรคที่จัดตั้งขึ้น ใช้ตัวละครเดิมๆ ซึ่งมีภาพลักษณ์การใช้ทั้งเงิน อำนาจ การให้คุณให้โทษ การกดดันทางธุรกิจ และการให้ผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดใดๆ ที่ทุกครั้งที่มีเสียงปี่กลองการเลือกตั้งดังขึ้น “กระบวนการดูด ส.ส.” จะเป็นกระแสที่นักการเมืองแบบดั้งเดิมจะมีความเคลื่อนไหวตลอด โดยเฉพาะตั้งแต่การรัฐประหาร ปี 2549 เป็นต้นมา ฝ่ายผู้มีอำนาจได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งพรรคเพื่อแผ่นดินขึ้น ซึ่ง “คุณ ส.” คนเดิมที่เป็นอดีตหัวขบวนของนักการเมืองตระกูล ส. ที่อยู่เบื้องหลังการดูดคนของพรรคไทยรักไทยไปพรรคใหม่ของตน

คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน

ชี้ประชาชนจะให้บทเรียน

     นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ผลการเลือกตั้งระยะหลังๆ ได้สะท้อนการตัดสินใจของประชาชนคือ ส.ส.คนเดิมที่ถูกดูด ล้วนสอบตกเกือบหมดทุกคน ทั้งนี้เพราะประชาชนผู้ลงคะแนนเขารู้ดีว่าจุดยืนของคนเหล่านี้คือเงินและผลประโยชน์ของตน ที่สำคัญได้สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนย้ายจากอุดมการณ์ประชาธิปไตยเพื่อประชาชน ไปสู่อุดมการณ์แบบเผด็จการของกลุ่มทหารและผู้มีอำนาจซึ่งเป็นชนชั้นนำ ผลการเลือกตั้งหลายครั้งได้สะท้อนให้เห็นว่า คะแนนพรรคเพื่อไทยชนะคะแนนนิยมของ ส.ส.รายบุคคลในเกือบทุกเขตเลือกตั้ง

     นายภูมิธรรม ระบุอีกว่า นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคไทยรักไทย เคยพูดไว้ว่าผู้แทนฯ เปรียบเสมือนไก่ชน ถ้าชนแพ้จะถูกชั่งขายเป็นกิโล ตัวหนึ่งไม่กี่ร้อยบาท ถ้าไก่ตัวไหนชนชนะ เขาขายได้ตัวละหลายแสน เพราะฉะนั้น ห้ามแพ้ หลายคนคิดว่าเงินเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่อย่าดูถูกประชาชน เพราะประชาชนรู้ว่าควรจะตัดสินใจเลือกผู้แทนอย่างไร จึงจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและชุมชนของตนที่สุด

ขออดีตส.ส.อย่าหวั่นไหว

     “ดังนั้น ขอให้อดีตผู้แทนของพรรคทุกคนอย่าหวั่นไหว ถ้าคิดว่าเงินสำคัญ และมองข้ามหัวประชาชน เงินที่ได้จากการถูกดูดมีมากเท่าไร ก็ไม่พอให้ชนะ ผมในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอให้สมาชิกและนักการเมืองของพรรคทุกคนมั่นใจในอุดมการณ์ และผลงานของพรรค ตลอดจนศรัทธาที่พี่น้องประชาชนมี และมอบให้แก่พรรคของเรา จงภูมิใจ มั่นใจ อย่าให้ผลประโยชน์และสิ่งเร้าใดๆ มาทำลายศรัทธา และสิ่งที่พี่น้องประชาชนมอบให้แก่เรา ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน และให้บทเรียนครั้งสำคัญแก่นักการเมืองที่ไร้อุดมการณ์” นายภูมิธรรม ระบุ

ช็อกเพื่อนซบพลังประชารัฐ

     ขณะที่นางนันทนา ทิมสุวรรณ อดีต ส.ส.เลย เขต 2 พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้ทราบข่าวเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา ยอมรับว่าถึงกับช็อก เพราะไม่มีเค้าลางว่าเพื่อนร่วมพรรคจะย้ายไปอยู่กับพรรคอื่น เพื่อนๆ อดีต ส.ส.ด้วยกันก็โทรศัพท์มาถาม ต่างก็งงไปตามๆ กัน ไม่น่าเชื่อว่าจะมี ส.ส.สังกัดพรรคย้าย โดยเฉพาะนายปรีชา เพราะว่าเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลูกชายของท่านบวช คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยังมาเป็นประธานงานบวช และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยยังไปร่วมงานกันหลายคน

     “ยังเชื่อว่าทางพรรคเพื่อไทยไม่ทิ้ง จ.เลย อย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้คงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่จะทำอย่างไรต่อไป เพราะว่าพรรคเองก็ยังเปิดประชุมพรรคไม่ได้ แต่ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่ทิ้งประชาชนคน จ.เลย อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อมั่นนโยบาย อุดมการณ์ของพรรค และยังให้การสนับสนุนเหมือนเดิมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เราเคยยกทีมมาตลอดใน จ.เลย ตั้งแต่สังกัดพรรคไทยรักไทยและพรรคเพื่อไทย ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อมั่นพรรคเพื่อไทย และคงไม่ส่งผลกระทบมากนัก พรรคเพื่อไทยเองยังอยู่ในใจประชาชนคนจังหวัดเลยมาตลอด” นางนันทนากล่าว

ชี้หลายคนเป็นส.ส.สอบตก

     ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มสามมิตร เดินสายดูดอดีต ส.ส.ภาคอีสาน โดยเฉพาะอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคภูมิใจไทย เช่น นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้รู้สึกวิตกกังวล เสียใจ หรือเสียดาย นายภิรมย์นั้นเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยครั้งล่าสุดตั้งแต่ปี 2554 และสอบตกในปีนั้น ซึ่งหมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายภิรมย์กับพรรคก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ห่างเหิน และไม่ได้มีการติดต่อกัน รวมถึงคนอื่นที่ปรากฏรายชื่ออ้างว่าเป็นคนของภูมิใจไทย เช่น นายปัญญา ศรีปัญญา อดีต ส.ส.ขอนแก่น ก็เช่นเดียวกัน ครั้งสุดท้ายเขาก็ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. เพราะฉะนั้น การที่ใครจะตัดสินใจทำงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ หรือกลุ่มสามมิตรถือเป็นเสรีภาพ และไม่มีอะไรการันตีว่าคนเหล่านี้จะได้เป็น ส.ส. เพราะเขาต้องไปแข่งขันอีกมาก ในส่วนพรรคภูมิใจไทยขณะนี้มีผู้เสนอตัวจำนวนมากโดยเฉพาะใน จ.นครราชสีมา ดังนั้น เรื่องดูดส.ส.จึงไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับพรรค

     เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวในนามพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคของรัฐบาล ทำให้มีความได้เปรียบกว่าพรรคอื่นที่ยังไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า “พรรคพลังประชารัฐก็อาจเป็นความเสียเปรียบก็ได้ สุดท้ายอยู่ที่ว่าประชาชนเข้าคูหาแล้วเลือกใคร ถึงตรงนั้นไม่ว่าตำรวจทหารก็บังคับประชาชนไม่ได้ ปัจจัยเรื่องความได้เปรียบหรือข้าราชการสนับสนุนนั้น ไม่มีความหมายในยุคนี้แล้ว ถึงวันนั้นบุคคลทั้งหลายที่ปรากฏชื่ออาจเปลี่ยนไปสมัครพรรคอื่น วันนี้กลุ่มสามมิตรอาจเข้มข้นคึกคัก แต่ถึงการเลือกตั้งจริงอาจอ่อนล้าลงไป อย่าไปซีเรียส สถานการณ์ทางการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน”

คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน

‘วราวุธ’ ยืนยันไม่หวั่นกระแสดูด

    ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการดูดอดีต ส.ส.เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เพราะทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งถือเป็นโจทย์ท้าทายนักการเมืองทุกค่ายในการปรับเปลี่ยนโอนย้ายค่ายกันเสมอ เปรียบเหมือนสโมสรฟุตบอลที่เมื่อจบฤดูกาลหนึ่งก็จะมีการโอนย้ายปรับเปลี่ยนกันทุกสโมสรฟุตบอลไป นักการเมืองก็เช่นกัน มีออกก็มีเข้ามีเข้าก็มีออก โดยพรรคชาติไทยพัฒนาก็มีอดีต ส.ส.ติดต่อเข้ามาแล้ว แต่เนื่องจากยังไม่สามารถดำเนินการได้จึงต้องรอให้ทางรัฐบาล คสช.ปลดล็อกให้ดำเนินกิจกรรม พรรคจึงสามารถเปิดรับสมาชิกได้ เพราะวันนี้ถ้าจะพูดว่าใครอยู่ใครไปนั้น คนที่ยังมายืนยันสมาชิกภาพก็สามารถยื่นจดหมายลาออกได้เหมือนกัน หรือแม้แต่คนที่ยังไม่ได้ยืนยันสมาชิกภาพก็สามารถกรอกใบสมัครขอเข้าเป็นสมาชิกได้เช่นกัน ดังนั้น วันนี้ใครจะอยู่จะไปยังเร็วเกินไปที่จะพูด คาดว่าช่วงปลายปี 2561 ถึงจะแน่นอน ปากบอกว่าไป แต่เราอาจจะดึงกลับมาก็ได้ หรือบางคนที่บอกว่ายังอยู่พอใกล้ๆ แล้วเขาก็เปลี่ยนใจไปก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ถือเป็นเรื่องปกติของวงการการเมือง

     “เป็นธรรมชาติการเมืองไทยทุกครั้งที่จะมีการเลือกตั้งก็จะมีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา เมื่อก่อนก็เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ครั้งนี้ก็มีผู้เล่นใหม่เข้ามา คือพรรคพลังประชารัฐที่เสนอตัวเข้ามา ซึ่งผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อใครเข้ามาอยู่ในระบบก็ไม่ต้องมาหลบซ่อนแล้วมาทำให้อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยก็ดีกว่าอยู่แล้ว” นายวราวุธกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ คสช.ยังไม่ได้นัดพรรคเข้าหารือ แต่ถ้านัดมาจะเป็นหนึ่งพรรคที่เข้าร่วมประชุมอย่างแน่นอน วันนี้รัฐบาลได้นำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) 2 ฉบับขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็พ ตามที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

คุก"ปึ้ง"2 ปีไม่รอลงอาญา -พท.แฉโดนดูดแล้ว40คน

“บัตรแมงมุม”เริ่ม 23 มิ.ย.

     พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้นำบัตรแมงมุมมาเปิดตัวในที่ประชุมครม. โดยบัตรแมงมุมมี 3 ชนิด 3 สี คือ สีน้ำเงินสำหรับบุคคลทั่วไป สีทองสำหรับผู้สูงอายุ และสีเทาสำหรับนักเรียน-นักศึกษา ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน เป็นต้นไป บัตรแมงมุมจะสามารถใช้กับรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม หรือเอ็มอาร์ทีสายสีม่วง และรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล หรือเอ็มอาร์ทีสายสีน้ำเงิน ส่วนในเดือนตุลาคม จะสามารถใช้บัตรแมงมุมได้กับรถเมล์องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ โดยประชาชนสามารถซื้อบัตรได้ที่สถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสายสีม่วงและเอ็มอาร์ทีสายสีน้ำเงินทุกสถานี มูลค่าบัตรละ 50 บาท

ใช้กับเอ็มอาร์ทีสายสีม่วง-น้ำเงิน

    พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เป็นต้นไป บัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะสามารถใช้ได้ในหลักการเดียวกันกับบัตรแมงมุม โดยสามารถเติมเงินบัตรได้ที่ทุกสถานีรถไฟฟ้ามหานครสายสีม่วงและสีน้ำเงิน พร้อมคุณสมบัติพิเศษคือยกเว้นค่าแรกเข้าในการเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสีน้ำเงิน ตัวอย่างเช่น หากนั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมา 6 สถานี และต้องการเดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วงอีก 2 สถานี ถ้าไม่ใช้บัตรแมงมุม เมื่อลงจากรถไฟฟ้าก็ต้องซื้อบัตรใหม่และมีค่าเริ่มต้นที่ค่อนข้างแพง แต่เมื่อใช้บัตรแมงมุมก็จะได้รับการยกเว้น นอกจากนี้ ผู้มีบัตรแมงมุมยังสามารถใช้บริการอาคารจอดรถของรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงินได้อีกด้วย ส่วนประชาชนในต่างจังหวัดที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและจำเป็นต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ สามารถนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาแลกเป็นบัตรแมงมุมได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมของแต่ละจังหวัด ต่อเมื่อจะเดินทางกลับต่างจังหวัดจึงค่อยนำไปแลกคืนเช่นเดิม

      พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า บัตรแมงมุมเป็นการสนองนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการเชื่อมโยงการเดินทางให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย และรัฐขอเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้การขนส่งสาธารณะ รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์จากร้านค้าที่ร่วมรายการจำนวนมาก

(ข่าวหน้า1นสพ.คมชัดลึก)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ