ข่าว

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กป้อม"เผยนั่งหัวโต๊ะถกพรรคการเมือง ยันสิ้นมิ.ย.คลายล็อก ด้าน'บิ๊กตู่'ขอรับคำด่าดีกว่าคำชมเคลือบยาพิษ ขณะที่เพื่อไทยปูดคนมีอำนาจยอมทุ่มงบฯหวังดูดอดีตส.ส. 

     หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมครม.สัญจรภาคเหนือตอนล่างถึงการพบปะพูดคุยกับพรรคการเมืองในเดือนมิถุนายน โดยบอกเป็นนัยว่าการเจรจานัดแรกอาจไม่ได้เข้าร่วมพูดคุยด้วย โดยอาจจะส่งตัวแทนจากรัฐบาลเข้าไปพูดกับพรรคการเมืองถึงปัญหาต่างๆ เพราะไม่ว่าในวันดังกล่าวจะมีข้อสรุปอย่างไร สุดท้ายทุกปัญหาก็ต้องมาตัดสินใจร่วมกับคสช.อยู่ดี

บิ๊กป้อมหัวเรือ-คลายล็อกสิ้นเดือน

     เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญพรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาหารือถึงการจัดการเลือกตั้งว่า พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้เป็นประธานในการประชุมครั้งแรกซึ่งจะมีขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ โดยเบื้องต้นจะดูว่าปลดล็อกอะไรก่อน แต่ยังไม่ปลดล็อกทั้งหมด จะเน้นการเปิดให้หาสมาชิกพรรคการเมืองได้ ส่วนการหาเสียงเลือกตั้งยังไม่อนุญาต เพราะต้องรอกฎหมายลูกเรียบร้อยก่อน

     “ส่วนกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ออกมาระบุว่า หากในที่ประชุมไม่ให้ไลฟ์สด จะไม่เข้าร่วมด้วยนั้น ก็แล้วแต่ อยากมาก็มา ถ้าไม่อยากมา ก็ไม่ต้องมา แต่คงจะไม่ให้ไลฟ์สด เพราะต้องพูดคุยกันก่อน จะมาไลฟ์สดอะไร ผมเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาทั้งพรรคการเมืองใหม่และพรรคการเมืองเก่า ปัญหาระดับโลกเขายังแก้ไขกันได้ ของเราเรื่องแค่นี้” พล.อ.ประวิตร กล่าว

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

ปัดเอื้อประโยชน์ครม.สัญจรใต้

     พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม ครม.สัญจรในพื้นที่ภาคใต้เร็วๆ นี้ว่า ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการลงพื้นที่ไปเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มการเมือง ทำเหมือนกันทุกภาค จะไปเอื้อประโยชน์อะไร ก็ไปประชุมตามปกติ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ไปเยี่ยมและดูแลประชาชนเอางบประมาณลงไปให้ทุกภาค ทำเหมือนกันหมด การจัดสรรงบประมาณพิจารณาถึงความเหมาะสมและความทัดเทียมกันทุกจังหวัด ไม่มีจังหวัดไหนได้มากหรือน้อย

ปชป.จี้คสช.เปิดใจกว้าง

     วันเดียวกัน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตรจะเป็นประธานในการพูดคุยกับพรรคการเมือง เพื่อหาทางปลดล็อกในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ว่า พรรคประชาธิปัตยให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือกับทุกเวทีตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญ เวทีเรื่องความปรองดอง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค จะนำคณะไปให้ความร่วมมือตลอด ซึ่งครั้งนี้ถ้าทางรัฐบาลเชิญมาก็คงไปร่วมด้วยเช่นกัน ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่อยากทราบประเด็นที่จะประชุมให้ชัดเจน เพื่อทางพรรคจะได้เตรียมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ไปชี้แจง หารือกันได้ถูกต้องตามกระบวนความ

     เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรระบุว่าจะมีการหารือให้คลายล็อกเพื่อให้พรรคการเมืองหาสมาชิกเพิ่มได้ แต่จะยังไม่มีการให้หาเสียงจนกว่ากฎหมายลูกจะแล้วเสร็จทุกฉบับ นายองอาจกล่าวว่า ก็อยากทราบว่ารัฐบาล คสช.จะคลายล็อกตรงไหนที่เป็นประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองได้บ้าง ส่วนการหาเสียงนั้นก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ส.ส. หากกฎหมายว่าอย่างไร เราก็ต้องว่ากันไปตามนั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

     “พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะเชื่อว่าน่าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศชาติบ้านเมืองได้ และที่สำคัญการพบปะครั้งนี้จะต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างพรรคการเมือง กับ คสช.กันอย่างเปิดเผย คสช.ควรเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายถึงจะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมได้” นายองอาจ กล่าว

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

"บิ๊กตู่"ย้ำไม่เคยรังแกคนจน

     ที่อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ มีประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 1 หมื่นคน โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า รู้สึกดีใจที่กองทุนหมู่บ้านมีความก้าวหน้ามากกว่าปีที่ผ่านมา มีความเข้มแข็งขึ้นทั้งในด้านความคิด ความร่วมมือ และการเรียนรู้ไปพร้อมกัน ไม่ใช่รัฐบาลให้งบลงไปอย่างเดียว แต่ต้องสร้างความเข้มแข็งไปพร้อมกัน โดยเงินเหล่านี้ก็มาจากภาษีประชาชน ถ้ารัฐบาลให้เงินไปเปล่าๆ ทุกคนอาจพอใจ มีความสุข แต่เงินก็จะหายไปเปล่าๆ จึงต้องสร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับกองทุนหมู่บ้าน

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลเขียนอะไรออกมาแล้วประชาชนไม่ร่วมมือก็ทำอะไรไม่ได้เลย อย่างเช่นที่ขณะนี้กำลังทำโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 4,000 กิโลเมตร เพื่อขยายเมืองและเปิดพื้นที่ธุรกิจในเส้นทางใหม่ๆ หากประชาชนไม่ร่วมมือและไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์ก็ไม่สามารถทำได้ บางคนต้องเสียสละประโยชน์ส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ เหมือนเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และย้ำว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยรังแกคนจน รัฐบาลต้องทำงานเพื่อคนจนไม่ใช่ทำเพื่อคนรวยอย่างเดียว เพราะคนรวยบางคนก็ฉลาดแบบแกมโกง จะเห็นว่าคนรวยมีคดีความก็สู้คดีได้หมด มีหลายเรื่องวุ่นวายศาลก็ทำงาน ซึ่งรัฐบาลไม่อาจเข้าไปก้าวล่วง

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

ยันไม่เอาคำชมอาบยาพิษ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้กองทุนหมู่บ้านอยู่ในยุทธศาสตร์เรื่องการเพิ่มความเข้มแข็งและลดความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นไม่ใช่กองทุนที่แบ่งกันให้กู้ยืม แต่ต้องสร้างความเข้มแข็งและสร้างรายได้ด้วย ทุกอย่างต้องเรียนรู้ไม่ใช่เป็นแค่การสร้างความนิยมเพราะมีกฎหมายทุกตัว อีกทั้งกฎหมายยังเขียนไว้ว่าโครงการใดก็ตามหากไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ก็ต้องยกเลิก ดังนั้น ทำอะไรก็ตามต้องตอบตัวชี้วัดให้ได้ ไม่ใช่แค่เปิดงานแล้วก็จบ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้รัฐบาลฟังเสียงประชาชนเพื่อมาปรับการทำงาน ดังนั้นกรุณาฟังว่ามีใครพูดแบบนี้บ้าง พูดแล้วต้องทำ ย้ำว่าทุกคนต้องเคารพกฎหมาย นอกจากนี้หลายคนไม่ฟังสิ่งที่รัฐบาลพูด ไปสนใจเรื่องอื่น ใช้เวลาไปติดตามเรื่องหวย 30 ล้าน เรื่องดารา หรือเรื่องอื่นๆ รัฐบาลพูดอะไรก็ไม่รู้ ท้ายที่สุดก็ด่ารัฐบาล ด่ากันเอง ยินดีรับคำด่ามากกว่าคำชมที่แฝงด้วยยาพิษ แต่ต้องมีความจริงใจต่อกัน พูดแล้วต้องทำและมีความรับผิดชอบ ยืนยันว่ามีความจริงใจให้กับทุกคนและไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไร ทั้งนี้ฝากประชาชนช่วยกันตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณว่ามีความคุ้มค่าหรือมีการทุจริตหรือไม่ ไม่ใช่ยอมรับแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้มีปัญหาในขณะนี้

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สุดท้ายขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้แก่คณะทำงานเพราะไม่ได้ทำงานคนเดียว เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวมีความสำคัญที่สุด เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ทุกเรื่องไม่ใช่เรื่องการเมือง อย่ามองเป็นการเมืองไปหมดจนทะเลาะกัน แต่เราต้องเอาการบ้านมาคิด ทุกอย่างต้องเดินไปทีละขั้น จึงขออย่าใจร้อน และหากมีอะไรก็บอกมายังรัฐบาล ไม่ใช่ไปพูดเสียหายในสื่อหรือโซเชียลมีเดีย

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

สั่งกวดขัน“เด็กป.4”อ่านไม่ออก

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปดูแลว่ามีนักเรียนที่จบป.4 แล้วยังอ่านหนังสือไม่ออกกี่คน ดังนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงต้องระมัดระวังตัวเองด้วย ไม่ใช่มัวแต่จะไปทำอะไรเลอะเทอะ ต้องมาดูแลที่คนเพื่อพัฒนาอาชีพรายได้โดยต้องมองที่วิธีคิดและลงมือทำ ซึ่งทุกอย่างต้องเริ่มจากที่บ้าน วัด โรงเรียน บ้านคือครอบครัว วัดคือศาสนา โรงเรียนแหล่งให้ความรู้ เมื่อทุกคนมีความรู้ คุณธรรม จริยธรรมอุดมการณ์และจิตสำนึกแล้ว ประเทศไทยจะมีความเจริญก้าวหน้าอย่างมาก ที่สำคัญคือพูดแล้วต้องทำด้วย อย่าพูดอย่างเดียว

 

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

‘วิษณุ’ยันไร้ปัญหาแม้บิ๊กตู่ไม่อยู่

     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนการกำหนดวันพูดคุยกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งและระบบไพรมารีโหวตว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะบางฝ่ายพร้อมในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ จึงจะขอไปตรวจสอบเรื่องเวลาและจะนัดหมายกันอีกครั้ง เพราะเพิ่งจะกลับจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)สัญจร ส่วนเรื่องเวลาที่เป็นห่วงว่ากระชั้นชิดนั้นก็รับทราบ แต่เห็นว่ายังมีเวลาอยู่ และเมื่อหารือแล้วผลเป็นอย่างไร จะรายงานให้หัวหน้าคสช.รับทราบต่อไป โดยจะแจ้งให้ทราบก่อนที่จะนัดพูดคุยกับพรรคการเมือง แม้หัวหน้าคสช.จะมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศในสัปดาห์หน้าก็ไม่เป็นอะไร เพราะเรื่องนี้เป็นการหารือของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานจึงไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต

นัดคุยปมคำสั่ง53/60 วันนี้้

      อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในส่วนการนัดหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา กกต. และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำลังประสานอยู่ ซึ่งเบื้องต้นน่าจะมีการประชุมกันในวันที่ 14 มิถุนายน ยกเว้นเมื่อถึงเวลาจริงแต่ละหน่วยงานมากันไม่พร้อม อาจจะเลื่อนการหารือออกไป เพราะอยากให้มาครบองค์ประชุม โดยจะเป็นการประชุมภายในระดับคณะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานถึงเรื่องทางเทคนิคและเรื่องที่เกี่ยวกับคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 และปัญหาที่เกิดจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นหลัก โดยไม่มีเรื่องไพรมารีโหวตและการเลือกตั้งท้องถิ่น อีกทั้งจะไม่มีพรรคการเมืองเข้าร่วม เพราะเป็นคนละเวทีกัน และเวทีนี้ไม่ใช่การประชุมแม่น้ำ 5 สาย

ย้ำเปิดเวทีความคิดทุกประเด็น

     เมื่อถามว่าจะหารือในเรื่องใดบ้าง จะมีเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้ ใครอยากจะพูดเรื่องอะไรก็พูด ต่างคนต่างขนเรื่องแล้วมาเทกระจาด แล้วช่วยกันจับปูใส่กระด้ง ทั้งนี้ กกต.อาจจะมาพูดเรื่องงบประมาณในการจัดการเลือกตั้ง 5,500 ล้านบาทก็ได้ ส่วนจะหารือหลายรอบหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ส่วนที่ถามว่าจะหารือในเรื่องสาขาพรรคหรือไม่นั้น ใครมีปัญหาอะไรให้เอามาพูด เพราะเป็นปัญหาของผู้ปฏิบัติ ขณะที่ในพรรคการเมืองก็มีปัญหา แต่ควรเอาเรื่องดังกล่าวไปพูดในเวทีที่สง่าผ่าเผยกว่านี้ มากกว่าจะมาพูดในเวทีแค่นี้ อย่างไรก็ตาม ในการหารือครั้งนี้พร้อมที่จะรับฟังในทุกปัญหา แต่อาจจะไม่เชื่อสักปัญหา เพราะรับฟังแล้วเอามาคุย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือประเด็นพวกนี้มา 2–3 ครั้งแล้ว แต่ไม่สมควรที่จะพูดให้เกิดการตีความจนทำให้หน่วยงานใดเสียหาย

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

ถกฟันคนเอี่ยวจำนำข้าว

     นายวิษณุ  ยังเปิดเผยถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องเรื่องการรับจำนำข้าวว่า เป็นการประชุมเพื่อรับทราบการดำเนินงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการตรวจสอบเรื่องของสต็อกข้าว เพราะเป็นคณะกรรมการคนละชุดกัน และเรื่องนี้มีการหารือมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

เปิดคำวินิจฉัยปมคำสั่ง53/60

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกลางเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 231(1) ว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 140 และมาตรา 141 วรรคหนึ่ง (5) และวรรคสอง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 53/2260 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 25, 26, 27 และมาตรา 45 หรือไม่นั้น สรุปได้ว่า การแก้ไขมาตรา 140 เห็นได้ว่า การสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเป็นกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่สำคัญสำหรับประชาชน การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามมาตราดังกล่าวจึงเป็นการรับรองเสรีภาพของบุคคลในการตัดสินใจเลือกและมอบความไว้วางใจแก่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง อันเป็นการรับรองเสรีภาพของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการกำหนดให้พรรคการเมืองต้องมีการจัดทำทะเบียนสมาชิกพรรคให้ถูกต้องสมบูรณ์ ก็มีความสำคัญต่อการพัฒนาสถาบันทางการเมือง จึงมีนัยสำคัญต่อการปฏิรูปการเมือง

     ส่วนการแก้ไขมาตรา 141 วรรคหนึ่ง (5) และวรรคสองนั้น เห็นว่า การดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคประจำจังหวัดเป็นกระบวนการที่มีความจำเป็นสำหรับพรรคการเมือง เนื่องจากเป็นกลไกรองรับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในพื้นที่ทั่วประเทศ อันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงหลักการความเป็นพรรคการเมืองของประชาชนตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย แม้การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังกล่าวอาจจะกระทบต่อพรรคการเมืองอยู่บ้างในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่กฎหมายก็ได้ยืดหยุ่นและผ่อนปรนให้พรรคการเมืองขอขยายเวลาต่อ กกต.ได้ และยังกำหนดให้มีองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจของ กกต.ในการวินิจฉัยตามมาตรา 141 ที่มีผลกระทบต่อพรรคการเมือง โดยให้พรรคการเมืองที่ไม่เห็นด้วยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อันเป็นการรับรองสิทธิทางศาลของพรรคการเมืองให้ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม และเป็นไปตามหลักนิติธรรม จึงไม่เป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของสมาชิกพรรคและพรรคการเมืองจนเกินสมควรแก่เหตุ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป จึงไม่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล จึงไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

ชี้คำสั่งชอบ-ผู้ตรวจไม่มีสิทธิ

     นอกจากนั้น ในคำวินิจฉัยดังกล่าวยังได้ระบุถึงการชี้แจงของหัวหน้า คสช.ว่า การออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ดังกล่าว เป็นไปเพื่อการปฏิรูปการเมืองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 ก.(2) จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และเป็นที่สุดตามรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 44 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 265 แม้คำสั่งดังกล่าวจะมีผลเป็นการแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง แต่ก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และเป็นที่สุด ย่อมทำให้ พ.ร.ป.พรรคการเมืองที่แก้ไขแล้วนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุดด้วย ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงไม่มีหน้าที่และอำนาจที่จะรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้เพื่อพิจารณาและเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย

     ขณะเดียวกันความที่ใช้แทนในมาตรา 140 และมาตรา 141 วรรคหนึ่ง(5) และวรรคสอง ยังคงให้การรับรองและคุ้มครองสิทธิของสมาชิกพรรคการเมืองทุกประการ เป็นการให้สิทธิแก่สมาชิกพรรคการเมืองได้ทบทวนตนเองว่ายังคงมีเจตนารมณ์ที่จะเป็นสมาชิกพรรคต่อไปหรือไม่ ด้วยความรอบคอบ ชัดเจน เป็นอิสระ และโดยสมัครใจ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมือง และไม่เกิดความยุ่งยากสับสนหรือความเหลื่อมล้ำระหว่างพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นก่อนแล้วกับพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ไม่มีลักษณะเป็นการลิดรอนเสรีภาพและการมีส่วนร่วมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิ่มภาระในการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองใหม่จนเกินสมควรแก่เหตุ หรือเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมแต่อย่างใด

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

อดีตส.ส.ส่อถูกตกเขียวพบ“มาร์ค”

     วันเดียวกัน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณีที่มีสมาชิกหรืออดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในหลายจังหวัดที่เข้าข่ายจะถูกตกเขียวดึงตัวออกไปนั้น ได้เข้ามารายงานตัวต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แล้ว โดยเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงข่าวความเคลื่อนไหวทุกครั้งก่อนจะมีการเลือกตั้ง ส่วนผู้ที่ย้ายออกไปมีตำแหน่งนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ยึดหน้าที่ทางการบริหาร ไม่ใช่งานในสภาผู้แทนราษฎร เราจึงต้องให้เกียรติกับการตัดสินใจของเขา

     รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ยอมรับว่าการเลือกตั้งอาจถูกยืดออกไปถึงเดือนเมษายน 2562 แม้นายมีชัยไม่พูด แต่พฤติการณ์ของ คสช. เป็นสิ่งที่สาธารณชนและพรรคการเมืองให้ความสนใจว่าจะสามารถเชื่อมั่นในคำพูดที่ท่องมาตลอดได้หรือไม่ เมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ระบุเองว่าไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งจุดนี้เป็นความเชื่อมั่นของทางภาคเศรษฐกิจและภาคประชาชนด้วย ถ้าคสช.จะไม่เหลือความน่าเชื่อถือแม้แต่คำพูด ก็น่าเป็นห่วงว่าอาจไม่มีที่ยืนสง่างามในอนาคต

     “พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมเสมอไม่ว่าจะเลือกตั้งปลายปีนี้หรือต้นปี 2562 หรือเมื่อใด เพราะการเปลี่ยนแปลงกติกาไปรูปแบบใด เราก็อดทนอดกลั้น เราทุกคนพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เพื่อปลดล็อกการแก้ไขปัญหาปากท้องเพื่อประชาชน เราคิดถึงประชาชนเป็นหลัก” คุณหญิงกัลยา กล่าว

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

พท.ปูดคนมีอำนาจทุ่มงบดูด

     วันเดียวกัน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยิ่งใกล้เลือกตั้ง พลังดูดยิ่งรุนแรง ทราบมาว่าใครอาวุโสในจังหวัดได้ทั้งตำแหน่ง ได้ทั้งงบ ไม่นับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งก้อนโต หากย้ายพรรคไปอยู่กับเขาในตอนนี้ รับไปก่อนหนึ่งก้อน รายเดือนอีกครึ่งก้อน นี่คือการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ เมื่อคนในอำนาจพยายามทุกวิถีทางถึงขนาดมีผู้ใหญ่ระดับสูงลงมาล็อบบี้ยื่นเงื่อนไขให้ประโยชน์แก่อดีตส.ส.ด้วยตนเอง จึงประมาณการได้ว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึงคงจะโกงกันอย่างมโหฬารย้อนยุคไปเหมือนปี 2500 แล้วประเทศจะเหลือความเชื่อมั่นให้สังคมโลกเชื่อถือได้อย่างไร

     นายชวลิต กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าไม่ได้ปั้นน้ำเป็นตัว และอดีตส.ส.ของพรรคที่ถูกเชิญตัวไปพบ มาสารภาพกับผู้ใหญ่ในพรรคว่าถูกพลังดูดจริง แต่เขาไม่ยอมย้ายพรรค เพราะถ้าย้ายไปก็คงสอบตกถูกประชาชนลงโทษ อดีตส.ส.คนนั้นยังกล่าวว่าขณะนี้ประชาชนจำนวนมาก รอด้วยใจจดใจจ่อเพื่อติดตามการพิจารณาคดีความผิดตามมาตรา 113 ในวันที่ 22 มิถุนายน ที่จะถึง โดยศาลฎีกาจะพิจารณาคดีว่าจะยอมรับอำนาจจากการปฏิวัติ รัฐประหารหรือไม่

แนะยกเลิกคำสั่งคสช.

    ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมหาทางออกปัญหาการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ว่า การใช้อำนาจตามมาตรา 44 เป็นเรื่องผิดหลักการกฎหมาย เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดการใช้อำนาจต่างๆ แก่องค์กรใดไว้แล้ว การเขียนมาตรา 44 คือการให้อำนาจเด็จขาดอยู่ที่ คสช. แถมยังตรวจสอบไม่ได้ เพราะในรัฐธรรมนูญมาตรา 279 เขียนรับรองให้ประกาศหรือคำสั่ง คสช. มีผลบังคับใช้โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรา 44 ตั้งแต่ต้น ดังนั้นเมื่อคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ที่เกิดจากมาตรา 44 สร้างปมปัญหามากมาย ทางแก้ไขที่ดีที่สุดคือยกเลิกคำสั่งดังกล่าว แล้วยึดการดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 จากนั้นจึงดูว่ามีอะไรจำเป็นต้องแก้ไขหรือไม่ ถ้าต้องแก้ก็แก้ไขตามกระบวนการปกติ

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

หมายแดงจับเพจป้ายสีรัฐ

     วันเดียวกัน ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(รองผบช.ทท.) เข้าพบ พล.อ.ประวิตรเพื่อรายงานความคืบหน้าการติดตามจับกุมแอดมินเพจ Konthai UK และผู้แชร์เพจ โดยขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 29 คน และที่ต่างประเทศก็ได้ออกหมายจับเช่นกัน นอกจากนี้ยังประสานความร่วมมือจากต่างประเทศด้วยการออกเป็นหมายแดงจับพวกที่บิดเบือนทั้งหลายที่ชอบออกข่าวนายกรัฐมนตรีผิดๆ รวมไปถึงข่าวที่ปล่อยออกมาว่าทางกระทรวงกลาโหมไปเซ็นสัญญาซื้อดาวเทียม ที่ไม่เป็นเรื่องจริงทั้งหมด

     พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับคนไทยที่โพสต์และแชร์ข้อความอันเป็นเท็จไปแล้วทั้งสิ้น 29 คน เป็นเรื่องของการสร้างความสับสน สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง วันนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสงบของบ้านเมืองและประชาชน ถ้าเป็นการทำเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วใช้เทคโนโลยีออนไลน์ต่างๆ ในทางที่ผิด ทำให้ประชาชนสับสน ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ทั้งหมดเป็นความผิดที่ต้องดำเนินการ

ประสานตร.สากลช่วยจับ

     พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ศาลได้ออกหมายจับนางวัฒนา เอ็บเบจช์ เป็นคนไทยที่อยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยได้ออกหมายจับตามความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี เพราะเป็นการนำข้อความที่เป็นเท็จนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นคนไทย 29 คนที่นำมาโพสต์และแชร์ต่อก็มีความผิดเช่นเดียวกัน เพราะการแชร์ข้อความอันเป็นเท็จเข้าไปในระบบออนไลน์ ทำให้ประชาชนที่รับข่าวสารเกิดความโกลาหล บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย ก็ต้องเข้าไปดำเนินการ ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่ต่างประเทศได้ออกหมายจับและประสานตำรวจสากลจับกุมส่งตัวดำเนินคดีที่ประเทศไทย

     “ทั้ง 29 คน มีทั้งที่กดไลค์และกดแชร์ โดยจากประวัติที่สืบค้นนั้นพบว่าเป็นเพียงประชาชนธรรมดา จึงขอให้พี่น้องประชาชนช่วยตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องจากภาครัฐก่อนจะแชร์ออกไป เพราะการแชร์จะเจตนาหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องข้างใน แต่เมื่อแชร์ออกไปแล้วถือว่าเป็นความผิดทั้งสิ้น ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี โดยรับโทษเหมือนกับผู้จัดทำข้อมูลต้นทาง คนทำเพจและเว็บไซต์นั้นอยู่ที่ต่างประเทศ วันนี้คนไทยไม่รู้อีโหน่อีเหน่พอบอกว่าน้ำมันราคาแพงก็แชร์กันออกไปแล้วตกใจ ซึ่งบางคนไม่ได้เจตนา แต่คนทำเว็บไซต์มีเจตนาไม่ถูกต้อง สำหรับผู้ที่กระทำผิดในครั้งแรกศาลอาจจะให้จ่ายค่าปรับ 50,000 บาท แต่หากกระทำผิดครั้งที่ 2 จะต้องมีโทษถึงจำคุก” รอง ผบช.ทท. กล่าว

นัดถกคลายล็อก-"บิ๊กป้อม"นั่งหัวโต๊ะคุยพรรคการเมืองสิ้นมิ.ย.

ปัดคืนตำแหน่งหนุนพรรคคสช.

     พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนักการเมืองออกมาตั้งข้อสังเกตว่าการออกคำสั่งให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมเพื่อเป็นตัวอย่างให้คนในท้องถิ่น ถ้าอยากถูกปลดล็อกต้องหันมาสนับสนุนพรรคในเครือข่ายของคสช.ว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) นำเรื่องมาเพื่อสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง จากนั้น คสช.จึงออกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่กว่า 200 คน ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1.ข้าราชการท้องถิ่น 2.สมาชิกสภาท้องถิ่น 2.ผู้บริหารท้องถิ่น ไม่ใช่แค่ 4 คนที่ให้กลับมาดำรงตำแหน่งคืน

      “ถ้าเป็นเรื่องที่มาจากป.ป.ช. หรือ สตง. ไม่มีใครไปเปลี่ยนอะไรได้ มีกลไกอยู่ ถ้าเขามีความผิดจริงไปเสกอะไรไม่ได้เพราะตัวหนังสือก็ยังอยู่ ขอให้เชื่อมั่นในรัฐ แต่เมื่อไม่ผิดก็ต้องไม่ผิด ใน 200 กว่าคนที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็มีให้ออกและไม่มีความผิด มีทั้งที่ผมเซ็นและผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.)เซ็น ซึ่งถ้าเป็นอบต.หรือเทศบาลตำบล ผวจ.เป็นคนเซ็นให้พ้นจากหน้าที่ ถ้าตำแหน่งสูงกว่านั้น ผวจ.เป็นคนเสนอแล้วผมเป็นคนเซ็น แต่ผวจ.ต้องสอบสวนมาให้จบว่าเป็นอย่างไร ผมถึงให้พ้นจากหน้าที่ เอาเป็นว่าไม่มีนัยที่จะแลกเปลี่ยนอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้าและตามกฎหมาย ใช่ว่าผิดแล้วบอกว่าไม่ผิด ไม่ได้ ไม่มีใครสั่งจากที่ผิดแล้วให้ไม่ผิดไม่ได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

(ข่าวหน้า1นสพ.คมชัดลึก)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ