เล็งม.44ให้กกต.แบ่งเขตเลือกตั้ง-นำถกรัฐ-กรธ.พฤหัสฯนี้

     ความคืบหน้าการประชุมครม.สัญจรภาคเหนือตอนล่างของรัฐบาล ล่าสุดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 12 มิถุนายน ที่ จ.นครสวรรค์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ถือโอกาสวันพระเดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่ลี ตาณังกโร เจ้าอาวาสวัดหัวตลุกวนาราม (วัดป่าหัวตลุก) ต.สระแก้ว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดย พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้ถวายภัตตาหารเช้า เครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม และสนทนาธรรมกับหลวงปู่ลี พร้อมถือโอกาสเข้าไปบีบนวดขาให้หลวงปู่ลี ก่อนระบุว่า จะคอยบีบนวดขาให้บิดาเสมอ เพราะบิดาอายุมากแล้ว วันนี้เป็นวันพระ ซึ่งถือเป็นวันดี จึงถือโอกาสเข้ามากราบนมัสการ

บอกพระที่ดีจะอยู่ง่ายและสงบ

    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับคนสนิทว่า พระสงฆ์ดี จะอยู่อย่างง่ายและสงบ โดยหลวงปู่ลีได้มอบ “คชสิงห์หลวงปูลี” ปี 2551 และหนังสือชีวประวัติชื่อ “นะโมพุทธอัสสะ” ให้นายกฯ และคณะด้วย

     ต่อมาเวลา 08.20 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาที่อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เพื่อเป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ได้แก่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร และอุทัยธานี ก่อนจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2561 หรือ ครม.สัญจร

ควักหมื่นห้าซื้อเครื่องดำนานศ.

    ทั้งนี้ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร พล.อ.ประยุทธ์ได้เยี่ยมชมนิทรรศการการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โดยมี ผศ.ดร.บัญญัติ ชำนาญกิจ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ คณะอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษา ต้อนรับ

     พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดคุยกับ ด.ญ.กชพร สิงห์ดา นักเรียนยุวทูตความดี จ.นครสวรรค์ ที่ได้รับคัดเลือกจากมูลนิธิยุวทูตความดี กระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนประเทศไทยไปเปิดโลกทัศน์และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือนพฤศจิกายน 2561 รวมทั้งได้ชมผลงานของนายสมโภชณ์ วันทัศน์ ที่ได้นำเครื่องตัดหญ้ามาดัดแปลงเป็นเครื่องดำนาขนาดเล็ก โดยนายกรัฐมนตรีได้ซื้อผลงานชิ้นนี้ในราคา 15,000 บาท เพื่อนำเงินไปเป็นทุนการศึกษาในการพัฒนาต่อยอดให้แก่เด็กและเยาวชนนำไปขับเคลื่อนต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ส่งมอบเครื่องดำนาขนาดเล็กดังกล่าวให้กระทรวงมหาดไทยนำไปทดลองใช้ด้วย

ลั่นไม่อนุมัติงบให้ทั้งหมด

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดการประชุมว่า จะพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้ตามความเหมาะสมของแผนงาน โครงการ และความเร่งด่วน ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับงบประมาณของแผ่นดิน โดยจะไม่สนับสนุนงบประมาณทุกอย่างตามที่กลุ่มจังหวัดเสนอขอมา เพราะต้องการบูรณาการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด

     จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับ ครม.ว่า “ขอบคุณทุกท่านที่ได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผมรำวงสนุกมาก เสียดายกับหลายคนน่าจะไปรำวงด้วยกัน”

รับข้อเสนอกลุ่มจว.เหนือตอนล่าง

     ต่อมาเวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประชุมในลักษณะนี้มาโดยตลอด อย่าคิดว่าทำเพื่อมุ่งหมายในสิ่งอื่น ทั้งนี้ ในการประชุมร่วมกับกลุ่มจังหวัดได้เสนอของบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟ ถนน ซึ่งมีแผนที่จะดำเนินการให้อยู่แล้ว แต่จะต้องเป็นไปตามแผนงาน หากเรื่องใดที่จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณปี 2562 หรือพิจารณาเป็นการเร่งด่วน จะรับไปดูแลให้

    “กลุ่มจังหวัดยังเสนอโครงการบริหารจัดการแหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นบึงสีไฟ บึงบอระเพ็ด ที่ผ่านมาได้ขุดลอกไปแล้วบางส่วน ซึ่งเมื่อพัฒนาแล้วอาจจะทำให้ได้น้ำเพิ่มขึ้นจาก 5 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 15 ล้านลูกบาศก์เมตร และยังมีโครงการขุดลอกระหว่างประตูน้ำ แม่น้ำน่านและแม่น้ำพิจิตร ซึ่งจะสามารถเริ่มต้นดำเนินการได้ในต้นปี 2562 โดยรัฐบาลจะหามาตรการที่เหมาะสมแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน สิ่งที่ทางกลุ่มจังหวัดได้ขอมา หากมีงบประมาณก็จะทำให้ แต่เรื่องใดที่ยังทำไม่ได้ ใช้งบประมาณสูง ยังไม่ผ่านขั้นตอนการศึกษา ก็จะบรรจุไว้ในแผนแม่บทเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน” นายกฯ กล่าว

จ่อใช้มาตรการจำนำยุ้งฉาง

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในด้านการเกษตร ยังเป็นห่วงเกษตรกรเพราะเกษตรกรหลายกลุ่มยังไม่เข้าใจการมีส่วนร่วมในมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล เช่นการประกันราคาข้าว การจำนำไว้ในยุ้งฉางของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกษตรกรหลายคนยังไม่ทราบว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเหล่านี้ได้อย่างไร เกษตรกรสามารถเก็บข้าวไว้ในมาตรการจำนำยุ้งฉาง จนกว่าจะได้ราคาที่เหมาะสม จึงนำออกมาขาย ในฤดูการผลิตต่อไปนี้ ขอให้ทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลจะมีการประกันราคา ตามห้วงระยะเวลาที่มีอยู่ มีหลักเกณฑ์ประกันราคา 3 ปี ซึ่งประชาชนสามารถนำข้าวมาฝากไว้ที่ ธ.ก.ส. จนกว่าจะพอใจในราคา จึงค่อยนำออกมาขาย

ไม่ตอบนำคุยพรรคการเมือง

     นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับพรรคการเมืองในเดือนมิถุนายน จะนำทีมไปหารือด้วยตัวเองหรือไม่ว่า “เรื่องการหารือเดี๋ยวก็หารือกัน ใครทำก็ได้ ทำเองก็ได้ หรือจะรองนายกฯ ทำก็ได้ ถือเป็นเรื่องของขั้นตอน ก็ขอรับฟังก่อนได้หรือไม่ แล้วค่อยนำเรื่องมาให้ตัดสินใจพิจารณาพร้อมกับคสช. ในเรื่องของการปลดล็อกและวิธีการต่างๆ ก็จะทำให้ทุกอย่าง แต่จะขอร้องว่า อย่ากดดันกันมากๆ เลย ขอตอบแค่นี้พอ เดี๋ยวจะต้องไปทำงานต่อ ก็ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพและปลอดภัย"

 

ฉุนพระใช้โซเชียลบ่นอยากเลือกตั้ง

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อโซเชียลที่ตอบโต้เกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐตรวจสอบดำเนินการกับคดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ว่า ขอถามว่าการที่มีพระบางรูปออกมาเคลื่อนไหวผ่านสื่อโซเชียลมีเดียนั้น มันสมควรหรือไม่ พระบางรูปออกมาเรียกร้องให้มีเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องการเลือกตั้ง ก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย พระสงฆ์มีหน้าที่ในการบ่มเพาะ สร้างความสุขสงบและความปรองดองในสังคม สอนหลักธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา แต่การที่พระมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากๆ มันใช่กิจของสงฆ์หรือไม่

     "ผมขอฝากให้สังคมช่วยกันไปดูแล ไม่อาจไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้ แต่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หลายคนมาถามผมว่าเรื่องจะบานปลายหรือไม่ ผมคิดว่ามันอยู่ที่ท่านทั้งหลาย ทั้งประชาชน และสื่อโซเชียลมีเดียทั้งหลาย ถ้าอยากให้เกิดความวุ่นวายบานปลาย ก็ให้ทำทุกอย่างตามแบบของตัวเองต่อไป ผมก็มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ถ้าเกิดความวุ่นวายเมื่อใดก็ตาม หน่วยงานด้านความมั่นคงก็ต้องเข้าไปดูแล” นายกฯ กล่าว

บอกตำรวจก็ต้องปฏิรูปได้เช่นกัน

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการในที่ประชุมถึงเรื่องการปฏิรูปตำรวจ 1 ปีที่ผ่านมา ทำในสิ่งที่ทำได้ก่อน ส่วนเรื่องการแต่งตั้ง ขอให้เกิดความชัดเจน ต้องไม่มีทุจริตเรียกเงินเรียกทอง มันมีวิธีการอยู่ ตรงนี้ทหารเขาทำได้ ตำรวจก็ต้องทำได้ สำหรับตำรวจ การแต่งตั้งต้องเป็นธรรม ซึ่งมีสัดส่วนของมันอยู่ ทั้งเรื่องอาวุโสและความเหมาะสม เอาความอาวุโสอย่างเดียวคงไม่ได้ ทหารก็เหมือนกัน ไม่เช่นนั้นความอาวุโสที่เท่ากัน เมื่อขึ้นมาแล้วเกษียณพร้อมกันหมด ไม่เกิดความต่อเนื่อง จึงต้องดูสัดส่วนนี้ให้เหมาะสม

จ่อบินฝรั่งเศส-อังกฤษ20-25 มิ.ย

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกำหนดการเดินทางเยือนประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ‪ระหว่างวันที่ 20-25 มิถุนายนนี้‬ว่า เป็นการประสานหารือกันโดยผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ที่ผ่านมาเขาไม่ให้ไป ก็ไปไม่ได้ ในเมื่อเขาเชิญมาให้ไป ก็ไป ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามมติ ข้อผ่อนปรนของสหภาพยุโรป ที่ขอให้มีการพบปะหารือ พูดคุยกันได้ ส่วนข้อห้ามทางการเมือง เขาก็มีอยู่ ก็เคารพกฎหมายของเขา แต่ในเมื่อเขาเชิญมาเขายินดีที่จะหารือก็ไปพบปะหารือ เยี่ยมเยือนกัน อย่างน้อยได้มีการพูดคุยกัน

เผยเขาเชิญมาหลังอียูไฟเขียว

    “ผมก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องที่เราต้องมานั่งกังวล ถ้าเขาไม่ให้ไปเลยค่อยมาคิดกันว่าจะยังไง ตอนนี้เขาให้ไป เพราะฉะนั้นเราก็อย่ามาจำกัดถ้าไปแล้วจะต้องอย่างโน้นอย่างนี้ ไปดูเขาว่าคุยเรื่องอะไร เราก็ไปคุยกับเขา อะไรที่ทำได้เราก็ทำ แต่อย่ากังวลว่าจะไปซื้ออะไรโน่นนี่ นอกกรอบนอกวิธีการมันทำไม่ได้หรอก เพราะการซื้อคือการใช้จ่ายงบประมาณ มันต้องมีแผนงานโครงการ จะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178 วรรคสอง จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จากนั้นจะต้องนำเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ดังนั้น การจะซื้ออะไรหรือจะลงนามอะไรก็แล้วแต่ จะต้องขอมติ ถึงจะทำได้ ไม่ใช่บอกว่าไปซื้อนู่นซื้อนี่ ที่ซื้อมาก็ไม่ใช่มองเป็นทุจริต หากมีคงไปไม่ถึงขั้นตอนการซื้อ ต้องดูตรงนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นประเทศชาติก็ไปไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

“สมคิด”แค่ทักอดีตนักการเมือง

    เวลา 13.55 น. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับอดีตนักการเมืองท้องถิ่นและอดีต ส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างว่า “ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เพียงแค่ทักทายกันเฉยๆ”

    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่เข้าไปพูดคุยกับนายอนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคไทยรักไทยนั้น เพราะรู้จักกันมาก่อน ส่วนที่นายอนุชาบอกจะมีข่าวใหญ่นั้น ขอให้ไปถามเขาเอง ไม่เกี่ยวกัน และพรรคพลังประชารัฐยังไม่มี ยังไม่เริ่ม ความคืบหน้าการพูดคุยกับอดีตนักการเมืองนั้นยังไม่มี ยังเป็นวุ้นอยู่เลย จะเป็นตัวเมื่อใดนั้นอยู่ที่คนทำ ไม่ใช่ตน ใครปั้น ใครทำก็คนนั้น

    เมื่อถามว่ามีการจับตาการพูดคุยกับอดีตนักการเมือง เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายสนธิรัตน์กล่าวว่า จับตาใคร ก็ไม่เห็นจะมีอะไร ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ก็พบนักการเมืองท้องถิ่นเป็นปกติ พอไม่มาก็จะหาว่าไม่มีใครมาต้อนรับนายกฯ

ตีกลับเพิ่มบำเหน็จจนท.คสช.

    วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม.สัญจร ถึงกรณีสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (สลธ.คสช.) เสนอครม.พิจารณาอนุมัติบำเหน็จประจำปี 2 ขั้น นอกเหนือโควตาปกติให้เจ้าหน้าที่ในคสช. ว่าคณะรัฐมนตรียังไม่อนุมัติในเรื่องดังกล่าว โดยให้ สลธ.คสช.ไปดูเรื่องของความจำเป็นในการทำงาน และจำนวนคนที่เสนอมา 600 นาย ที่ถือว่าลดลงมาเป็นลำดับจากปีแรกที่มี 1,000 คน แต่นายกฯ บอกว่าควรลดได้มากกว่านี้ โดยให้ดูเท่าที่มีความจำเป็น ส่วนจะเสนอครม.กลับมาเมื่อไหร่นั้นไม่มีกำหนดตายตัว ไม่ต้องรีบเร่ง เพราะครอบคลุมเวลาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2561

จ่อใช้ ม.44แบ่งเขตเลือกตั้ง

    ประเด็นการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งและการทำไพรมารีโหวตของพรรคการเมืองจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่ารัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะหาทางออกอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้กกต.มีความพยายามที่จะให้รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการใช้มาตรา 44 แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเบรกเรื่องนี้เพราะมองว่า กกต.มีอำนาจตามกฎหมายที่จะแบ่งเขตเลือกตั้งได้เอง

    ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการหารือนอกรอบระหว่าง กกต.กับรัฐบาลเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งและการทำไพรมารีโหวตของพรรคการเมืองก่อนที่รัฐบาลจะนำไปถกกับพรรคการเมืองในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนั้น มีรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้นัด กกต.หารือในช่วงบ่ายของวันที่ 14 มิถุนายน ซึ่งในประเด็นที่จะมีการหารือเรื่องของการแบ่งเขต และปัญหาของการปฏิบัติของพรรคการเมืองตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 นั้น ทางสำนักงาน กกต.ก็ได้ทำข้อสรุปปัญหา อุปสรรค ซึ่งก็จะนำเสนอต่อที่ประชุม กกต. พิจารณาเบื้องต้นในการประชุม กกต. วันที่ 12 มิถุนายน ก่อนที่จะมอบหมายให้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เป็นตัวแทนไปหารือกับรัฐบาล ซึ่งในประเด็นปัญหาเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น ทางสำนักงาน กกต.ได้มีการศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ แล้ว เห็นว่ากฎหมายไม่เปิดช่องให้ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งได้ก่อนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ใช้บังคับ และหากรอไปถึงเวลาดังกล่าวโดยรัฐบาลไม่มีการปลดล็อกหรือแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ก็จะกระทบต่อการทำไพรมารีโหวตของพรรคการเมือง

    ขณะที่ปัญหาของพรรคการเมืองที่เกี่ยวเนื่องกับการทำไพรมารีโหวตนั้น ก็จะนำเสนอว่าผู้สมัครและพรรคการเมืองยังไม่รู้ว่าจะมีการแบ่งเขตอย่างไร และเมื่อรัฐบาลยังไม่มีการปลดล็อกคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 และคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 รวมทั้งแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ก็จะทำให้เกิดปัญหาไม่สามารถหาสมาชิกในเขตนั้นๆ เพื่อที่จะมาทำหน้าที่กรรมการสาขา หรือตัวแทนประจำจังหวัด ไม่สามารถประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อตั้งสาขาพรรค ตั้งตัวแทนประจำจังหวัด ตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครได้ ประชุมเพื่อหามติว่าจะส่งกี่เขต ส่งแบบบัญชีรายชื่อเท่าไร เห็นชอบรายชื่อผู้สมัครที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาหรือไม่ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดเชื่อว่าพรรคใหญ่ที่มีศักยภาพยังต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน ส่วนพรรคตั้งใหม่ไม่อาจคาดการณ์เวลาได้ ดังนั้นหากรัฐบาลยังคงยึดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่จะให้มีการทำไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งครั้งแรก ก็จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาให้มีการแบ่งเขตเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งก็สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้อำนาจ กกต.แบ่งเขตได้ก่อนกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ใช้บังคับ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องปลดล็อกหรือผ่อนคลายให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมในบางเรื่องที่ไม่ได้เป็นการหาเสียงเพื่อนำไปสู่กระบวนการทำไพรมารีโหวต

“วิษณุ”ยังกั๊กอาจหารือวงเล็ก

    เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนัดหารือนอกรอบระหว่างรัฐบาลกับกกต. เพื่อเตรียมการหารือกับพรรคการเมือง จะเป็นวันที่ 14 มิถุนายน หรือไม่ว่า ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะยังอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ จึงยังไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะต้องเจอกันหลายฝ่าย จะให้ใครสะดวกฝ่ายเดียวคงไม่ได้ ขณะนี้ทราบว่า กกต.สะดวกวันที่ 14 มิถุนายน แต่ต้องถามฝ่ายอื่นด้วย ทั้งนี้ จะมีการพูดคุยกันในระดับเจ้าหน้าที่ของกฤษฎีกา กกต. และ คสช. ซึ่งต้องลงไปร่วมพูดคุยด้วย รวมถึงอาจมีหน่วยงานอื่นด้วย แต่เป็นวงเล็ก ยังไม่มีพรรคการเมือง ส่วนจะนัดหารือกับนักการเมืองวันใดนั้นอยู่ที่ คสช.

หนุนแนวทาง"มาร์ค”คุยกกต.

     เมื่อถามว่าการหารือกับพรรคการเมืองจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน หลังจาก นายกรัฐมนตรีกลับจากประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า พูดกันว่าเป็นเดือนมิถุนายน แต่ไม่แน่ใจ ก็ทำอย่างที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แนะนำ คือให้คุยกับ กกต.ให้ได้ข้อสรุปก่อนแล้วค่อยมาแจ้งให้ฝ่ายการเมืองทราบในเวลาประชุมร่วมกัน ส่วนกรณีพรรคการเมืองที่ไม่เข้าร่วมจะมีปัญหาหรือไม่นั้น ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เชิญใครเลยสักคน

 

กกต.พร้อมนำทีมถกรัฐบาล-กรธ.

    ด้านนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวกรณีที่กกต.เตรียมหารือกับรัฐบาลและคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ว่า การหารือเป็นระดับสำนักงานฯซึ่ง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กับรองเลขาฯ ด้านต่างๆ จะไปร่วมหารือ ส่วนประเด็นที่จะไปหารือ ทางเลขาฯ กกต.คงเตรียมประเด็นที่เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการดำเนินการของพรรคการเมือง เช่น เรื่องการหาสมาชิก การที่พรรคไม่สามารถจัดประชุมได้ ก่อนหน้านี้กกต.เคยเสนอความเห็นไปแล้ว และยังคงยืนยันว่าควรแก้ไขเพื่อให้พรรคการเมืองสามารถปฏิบัติได้ ที่สุดแล้วหลังการหารือจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างไรไม่สามารถตอบได้ รวมถึงจะนำไปสู่การไม่ทำไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งครั้งแรกหรือไม่ ไม่ทราบ กกต.จะเสนอแค่ปัญหาและแนวทางแก้ไขเท่านั้น ทำหรือไม่ทำไพรมารีโหวตเป็นดุลพินิจของรัฐบาลที่จะพิจารณา

ยันใช้ม.44มีความเป็นไปได้

     ส่วนเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง จากที่ได้ให้สำนักงานฯ ศึกษาข้อกฎหมายเพื่อแบ่งเขตเลือกตั้งก่อนกฎหมายมีผลบังคับนั้น เห็นว่ากฎหมายไม่เปิดช่องให้ทำได้ ดังนั้นการให้คสช.ใช้มาตรา 44 เพื่อให้กกต.แบ่งเขตได้ก่อน อาจเป็นไปได้ เพราะก่อนหน้านี้เลขาธิการกกต.เคยเสนอมาแล้ว แต่แม้กกต.จะแบ่งเขตได้ก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับ แต่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และพรรคการเมืองในเขตเลือกตั้ง ก็จำเป็นต้องปลดล็อกจากคสช.ก่อน ไม่เช่นนั้นพรรคการเมืองก็ไม่สามารถมาประชุมได้ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คสช.เคยระบุแล้วว่าอาจปลดล็อกให้พรรคการเมืองกระทำการบางเรื่อง

เผยมีปฏิทินจัดเลือกตั้งแล้ว

    นายศุภชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะที่จะไปหารือได้เตรียมเรื่องปฏิทินการเลือกตั้งตามโรดแม็พรัฐบาล ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาล หากซักถามเพื่อวางกรอบเวลาดำเนินการต่างๆ ก็สามารถตอบได้ แต่คงเปิดเผยไม่ได้ จะกลายเป็นบีบบังคับรัฐบาลให้ปฏิบัติตาม ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม

“มีชัย”ส่งกรธ.ร่วมถก14มิ.ย.

     ขณะที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม เตรียมเรียก กกต.และ กรธ. เข้าหารือเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและขั้นตอนการเลือกตั้ง ในช่วงเย็นวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่าทราบเพียงเบื้องต้น แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจากไม่ได้รับแจ้งวาระการประชุม ส่วน กรธ.จะส่งใครไปร่วมประชุมต้องขอหารือกับกรธ.ก่อน สำหรับขั้นตอนของการกำหนดวันเลือกตั้งนั้นต้องให้ กกต.ชี้แจง เพราะถือเป็นผู้ชำนาญการที่จะมีรายละเอียดและไทม์ไลน์การจัดการเลือกตั้ง ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ บทเฉพาะกาลกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน หลังกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในช่วงระยะเวลาดังกล่าว อาทิ การแบ่งเขตเลือกตั้ง รวมถึงขั้นตอนที่พรรคการเมืองต้องจัดตั้งสาขาและกำหนดให้ทำเลือกตั้งขั้นต้น หรือ ไพรมารีโหวต เพื่อหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

     เมื่อถามว่า กกต.เคยชี้แจงเกี่ยวกับเวลาทำงาน ทั้งการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ต้องใช้เวลา 60 วัน นับจากวันที่กฎหมายว่าด้วยเลือกตั้งส.ส. มีผลบังคับใช้ จะมีผลกระทบต่อการเตรียมการเลือกตั้งของพรรคหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า กกต.สามารถร่นระยะเวลาดังกล่าวได้ และใช้ช่วงที่รอการบังคับใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จำนวน 90 วัน เตรียมความพร้อมไว้ได้ ทั้งการแบ่งเขตเลือกตั้งเบื้องต้น ซึ่งเข้าใจว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งรอบใหม่ จะไม่ทำให้เขตเลือกตั้งที่เคยบังคับใช้เปลี่ยนแปลงมากนัก และหากสอบถามกกต.เชิงลึกเขาอาจบอกข้อมูลและการเตรียมงานได้และอาจใช้เวลาไม่มาก

ส่งร่างก.ม.เลือกตั้งส.ส.ให้นายกฯ

   ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า ได้ส่งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน หลังจากได้รับคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการจากศาลรัฐธรรมนูญ ขั้นตอนต่อไปเป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่ต้องส่งร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแม็พในปี 2562 ส่วนกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นอยู่ระหว่างรอรัฐบาลส่งร่างกฎหมายมาให้ สนช.พิจารณา เข้าใจว่าขณะนี้อาจจะมีปัญหาในชั้นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ซึ่ง สนช.ยังระบุไม่ได้ว่าจะใช้เวลาพิจารณาร่างกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นมากน้อยแค่ไหน ต้องรอให้เห็นเนื้อหาก่อน อย่างไรก็ตาม อยากพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.

    นายพรเพชรยังกล่าวถึงการประชุม สนช. เพื่อพิจารณาร่างยุทธศาสตร์ชาติ วันที่ 14 มิถุนายนนี้ สนช.จะตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน ดูแล้วคงให้ความเห็นชอบ แต่อาจจะมีการแนบข้อสังเกตประกอบไปด้วย คนที่มาชี้แจงต่อ สนช.คงเป็นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

ไก่อูแจงย้ำไม่มี ‘ประกันราคาข้าว’

    วันเดียวกัน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนกรณีที่มีพี่น้องเกษตรกรมาร้องขอให้รัฐบาลช่วยดูแลเรื่องราคาข้าวที่รัฐบาลระบุว่าราคาสูง หากเป็นข้าวเหนียวหรือข้าวหอมมะลิราคาจะสูงกว่า 10,000 บาทขึ้นไป แต่ถ้าเป็นข้าวเจ้าราคาตั้งแต่ 8,000 บาท แต่ชาวบ้านบางคนยังบอกว่าขายข้าวได้ราคาเดิมอยู่เลย นายกรัฐมนตรีได้อธิบายเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็วแต่เกรงว่าคนจะเข้าใจผิดว่าเป็นการประกันราคาข้าว เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายประกันราคาข้าว แต่สิ่งที่รัฐบาลมีคือนายกรัฐมนตรีพยายามอธิบายต่อเกษตรกรที่มาขอให้ช่วยดูราคาข้าวดังกล่าวว่ารัฐบาลนี้มีโครงการอยู่แล้วนั่นคือการชะลอการขายข้าว ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการจำนำยุ้งฉาง หรือการให้สินเชื่อเพื่อให้มีการรวบรวมข้าวเอาเก็บไว้ก่อน เพื่อรอให้ราคาดีและข้าวไม่ล้นตลาดแล้วจึงทยอยขาย จะได้ราคาที่สูงขึ้น แต่ถ้าพี่น้องเกษตรกรไม่สนใจในนโยบายทั้งหลายที่รัฐบาลนำลงมาให้ถึงพื้นที่ เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวได้แล้วขายเลยในทันทีก็อาจทำให้ได้ราคาที่ต่ำแบบนี้

     โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจึงเน้นย้ำบรรดาเจ้าหน้าที่ส่วนราชการในระดับจังหวัดที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ให้ไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเกษตรกรว่า เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวได้ พยายามใช้บริการหน่วยงานของรัฐในเรื่องการขอสินเชื่อ โดยนำข้าวไปเก็บไว้ในยุ้งฉางเสียก่อนแล้วค่อยๆ ระบายข้าวออกมา หากเก็บเกี่ยวได้แล้วขายออกไปพรวดเดียวก็จะได้ราคาต่ำ จึงขออธิบายย้ำให้เกิดความเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องของการประกันราคาข้าวแต่เป็นเรื่องของโครงการที่รัฐบาลนี้เคยขับเคลื่อนกันมาแล้วเช่น จำนำยุ้งฉาง และให้สินเชื่อในการรวบรวมข้าวเอาไว้ก่อน

(ข่าวหน้า1นสพ.คมชัดลึก)