ข่าว

"วิษณุ"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ"บิ๊กตู่"ขอคุย2รอบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"วิษณุ"เผย"บิ๊กตู่"ขอคุยพรรคการเมือง 2 รอบก่อนปลดล็อก ยืนยันปล่อยฟรีช่วงหาเสียงเลือกตั้ง "ชวน"ลั่นไม่ชิงนายกฯ  ด้าน"แม้ว" อวดภาพพักผ่อนอเมริกาคู่"ปู"

       เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่จะหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อพูดคุยหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาในการดำเนินการด้านต่างๆ ของพรรคการเมืองว่ายังไม่ได้นัดหมายว่าจะหารือกันเมื่อใด ซึ่งการหารือไม่จำเป็นต้องรอให้กฎหมายลูกอีกสองฉบับประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะที่แล้วมาไม่ได้มีการพูดคุยเนื่องจากกฎหมายยังอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ แต่วันนี้รู้แล้วว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขอย่างไรบ้าง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

     นายวิษณุกล่าวว่า ทราบว่าคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 มีปัญหา จึงเตรียมทางออกไว้แล้วแต่ไม่รู้จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดหรือไม่ จึงต้องการฟังความเห็นจากกกต. กรธ. พร้อมเชิญกรรมาธิการของสนช.เข้ามาหารือด้วย ส่วนจะถึงขั้นงดการทำไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งครั้งแรกหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะทางออกของเรื่องนี้มีอยู่ 4 ทาง 1.ไม่ต้องทำอะไรเลย 2.ให้มีการตีความ 3.แก้ไขกฎหมาย และ 4.ใช้มาตรา 44

ยันคสช.ปล่อยฟรีหาเสียงเลือกตั้ง

     ส่วนกรณีที่จะพูดคุยกับพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เห็นว่าควรจะคุยกันอย่างน้อยสองรอบ ซึ่งรอบแรกจะคุยกันในเดือนมิถุนายนนี้ โดยเป็นการพูดคุยกันเบื้องต้น ทั้งที่รัฐบาลและพรรคการเมืองต่างก็ยังไม่รู้ว่าจะคุยกันในเรื่องใด จึงควรมีโอกาสได้เจอกันก่อนเพื่อได้รับทราบถึงปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหา จนเมื่อกฎหมายลูกอีกสองฉบับมีผลบังคับใช้ก็ค่อยมาคุยกันใหม่ เพราะเมื่อถึงตอนนั้นก็จะสามารถกำหนดเรื่องต่างๆ ให้มีความชัดเจนขึ้นได้ บางคนอยากจะมาบ่นเรื่องไพรมารีโหวต เรื่องการประชุมพรรค เรื่องการปลดล็อกก็ใช้เวทีนี้พูดกันได้ โดยรัฐบาลจะเชิญพรรคการเมืองเข้ามาร่วมพูดคุย

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

     เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าจะปลดล็อกพรรคการเมืองเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่ปลดล็อกทั้งหมดในครั้งเดียว นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯ พูดอย่างไรก็เอาอย่างนั้น และไม่ทราบว่าใครเป็นคนเสนอแนวทางนี้ เพราะส่วนตัวไม่รู้ว่าคสช.คิดอย่างไรบ้าง เนื่องจากเข้าไม่ถึงวงใน จึงอายที่จะบอกว่ารู้ทั้งที่ไม่รู้ ส่วนที่นายกฯ บอกว่าการหาเสียงบางเรื่องต้องขออนุญาต

    “แต่บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตนั้น ความจริงแล้วเป็นการทำกิจกรรมทางการเมือง ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 แต่เมื่อมีการปลดล็อกให้หาเสียงเลือกตั้งจริงๆ ทุกอย่างจะต้องปล่อยให้เป็นไปโดยอิสระ หรือปล่อยฟรี แต่ตอนนี้เป็นเพียงการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมทางการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่การหาเสียง ทั้งนี้ในคำสั่ง คสช.ไม่ได้ห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองเสียทีเดียว หากใครต้องการทำก็สามารถขออนุญาตได้” นายวิษณุกล่าว

ไพบูลย์หนุนคสช.ไม่ต้องปลดล็อก

     ที่เดอะโคทส์ คอมมูนิตี้มอลล์ นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป แถลงข่าวหลังนัดประชุมใหญ่ผู้ร่วมจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป โดยกล่าวว่าในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้พรรคได้ที่นั่ง ส.ส.แน่ แต่ได้เท่าไหร่ไม่เป็นสาระสำคัญ โดยกรณีการจัดทำไพรมารีโหวตนั้นส่งเสริมให้สมาชิกพรรคมีอำนาจคัดสรรผู้สมัครส.ส. ไม่เห็นว่าเป็นปัญหา ต่อให้มีการยกเลิกข้อบังคับให้ทำไพรมารีโหวต พรรคเราก็จะยังทำต่อ

     เมื่อถามถึงการที่รัฐบาลยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมืองให้ทำกิจกรรมได้ตามปกติ นายไพบูลย์กล่าวว่า เห็นด้วยที่ยังไม่มีการปลดล็อกทันทีแบบเดิมที่จะทำให้มีความสับสนวุ่นวาย โดยจะขอให้ปลดล็อกให้พรรคประชุมได้ตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองเท่านั้น แต่ไม่ควรให้พรรคไปชุมนุมการเมืองได้ จึงเห็นว่าควรคงคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองไว้ไปถึงหลังเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งมีความสงบเรียบร้อยและเป็นธรรม เพราะถ้าปล่อยแบบเดิมจะมีการสาดโคลน ให้อามิสสินจ้าง ซื้อสิทธิ์ขายเสียงเต็มไปหมดทำให้การปฏิรูปการเมืองที่ทำมานั้นสูญเปล่า

     “ผมไม่สนับสนุนให้มีรถแห่แจกใบปลิว สร้างความวุ่นวายและความรำคาญแก่ประชาชน โดยเฉพาะการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ขนคนมาฟัง สร้างปัญหา และขอให้ คสช.ยังคงรักษาความสงบต่อไปจนถึงหลังเลือกตั้ง”

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

 

ลั่นสนับสนุน“บิ๊กตู่”เพียงคนเดียว

     เมื่อถามถึงการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ นั้น นายไพบูลย์กล่าวว่าสนับสนุนตามหลักการพรรค ที่สนับสนุนคนตามระบบคุณธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต มีความสามารถ ไม่ใช่เพราะเป็นญาติหรือเพื่อนตามแบบระบบอุปถัมภ์ โดยการเลือกนายกฯ ในสภาสมัยแรก ส.ส.ที่เข้าไปจะเลือกตามระบบคุณธรรม โดยบุคคลนั้นไม่ต้องเป็น ส.ส.ก็ได้ เพราะการเป็นส.ส.ไม่ได้สะท้อนว่าบุคคลดังกล่าวมีคุณธรรม ผ่านความเห็นชอบจากคนไม่เท่าไหร่เพราะไม่มีการเลือกนายกฯโดยตรง

   “บุคคลที่เหมาะสมเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เหมาะสมที่สุด ทั้งตัวเองและครอบครัวไม่มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น โดยข้อวิพากษ์วิจารณ์อาจเกิดขึ้นกับบุคคลร่วมรัฐบาล ซึ่งสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว ผมทำหน้าที่ตรวจสอบผู้บริหารระดับสูง ทำให้นายกฯ ในรัฐบาลก่อนพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว วันนี้ตรวจสอบพล.อ.ประยุทธ์แล้วไม่พบปัญหา ถ้าผมเป็นท่านแนะนำว่าอย่าเข้าร่วมพรรคการเมืองใด เพราะการอยู่ในพรรคจะเปลี่ยนสถานะเป็นนักการเมืองอาชีพจะมีปัญหา” นายไพบูลย์กล่าว

 

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

“สุริยะใส” ค้านงดเว้นไพรมารีโหวต

     วันเดียวกัน นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่หลายพรรคการเมืองจะเคลื่อนไหวเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้คำสั่งมาตรา 44 ยกเว้นการทำไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ด้วยข้ออ้างสารพัด โดยเฉพาะการเตรียมตัวไม่ทันของพรรคการเมือง และก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการแปรญัตติร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ก็พบว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับระบบไพรมารีโหวต หรือการสรรหาผู้สมัครของพรรคโดยให้ประชาชน หรือสมาชิกพรรคมีส่วนร่วม ดังนั้นไพรมารีโหวตในสายตาของพรรคการเมืองยังมองว่าเป็น “หอกข้างแคร่” ที่เป็นอุปสรรคต่อวิถีหรือการบริหารจัดการพรรคการเมืองแบบเก่าๆ หรือพรรคการเมืองที่มีเจ้าของเพียงคนเดียวหรือตระกูลเดียว หรือกลับไปที่ระบบแฟมิ่ลีโหวต

     นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า ประชาชนต้องช่วยกันติดตามตรวจสอบ เพราะการยกเว้นหรือตัดกลไกไพรมารีโหวตออกไปเท่ากับเป็นการตัดตอนบทบาทและการมีส่วนร่วมของประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง และจะส่งผลให้การปฏิรูปพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน และสุดท้ายพรรคการเมืองก็จะกลายเป็นแค่แหล่งรวมกลุ่มผลประโยชน์ที่ใช้พรรคการเมืองเข้ามาเป็นเครื่องมือตักตวงผลประโยชน์และอำนาจรัฐเหมือนที่ผ่านๆ มาเท่านั้น การประชุมร่วมกันระหว่าง คสช.และบรรดาพรรคการเมืองต้องไม่มีภาพของความคลางใจหรือตกลงกันโดยเอาผลประโยชน์ความสะดวกสบายของพรรคการเมืองเป็นตัวตั้งแต่ไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนตามเจตนารมณ์ พ.ร.ป.พรรคการเมือง

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

‘ชวน’กรีด‘เอนก’ปมลืมบาดหมาง

     ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยเสนอให้พรรคการเมืองต่างๆ ก้าวข้ามและลืมความบาดหมางที่มีต่อกัน ว่าบ้านเมืองอยู่ได้ด้วยหลักและกฎหมาย เรื่องความบาดหมางหรือไม่บาดหมางนั้นไม่ใช่สาระ เพราะสาระจริงๆ อยู่ที่เรายึดกฎหมายเป็นหลัก อะไรถูกก็ว่าถูก อะไรผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนใครจะชอบหรือไม่ชอบก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เป็นผลร้ายต่อบ้านเมือง นี่เป็นสิ่งที่จะทำให้ส่วนรวมอยู่ได้ อย่าไปเอาความรู้สึกส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่งมา เราต้องยึดหลักเอาไว้

ยันผิด-ถูกต้องว่าไปตามก.ม.

     เมื่อถามว่าการที่ประชาชนยังมีความคิดทางการเมืองแบบสุดโต่ง จะทำให้การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นมีความดุเดือดมากขึ้นหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป ส่วนที่ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยืนยันจะมีเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นั้น ไม่กล้าไปรับหรือปฏิเสธว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงตามนั้นหรือไม่ อำนาจอยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลซึ่งสามารถทำอะไรก็ได้ จึงต้องขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของรัฐบาลในขณะนั้น แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะทำให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย และเมื่อผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้วก็ยังต้องมีความพยายามที่ทำให้ประเทศกลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่จริงแล้วบ้านเมืองไม่จำเป็นต้องปกครองด้วยระบอบเผด็จการถึงจะอยู่ได้ เพียงแต่ว่าปกครองบ้านเมืองต้องใช้กฎหมายเป็นหลัก ซึ่งหากย้อนกลับไปดูรัฐบาลก่อนก็ใช้กฎหมายเป็นหลัก ไม่มีเครื่องมือกลไกหรือกฎหมายอะไรเป็นพิเศษ บ้านเมืองก็สามารถอยู่ได้

     “ผมเคยคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ในเรื่องการยึดกฎหมายเป็นหลัก กฎหมายใดไม่ดีก็เอามาแก้ไข ไม่ใช่มาคิดกันแต่ว่าต้องรักษาความสามัคคีในชาติ อะไรที่ทำผิดไปแล้ว ก็ว่าไปแต่ก็ไม่ควรปล่อยไป แต่ควรให้ว่ากันไปตามกฎหมาย คนส่วนใหญ่ในชาติไม่ใช่คนทำผิด เรายึดถือคนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นหลัก ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม ก็ยังต้องยึดหลักกฎหมาย” นายชวนกล่าว

เชื่ออดีตส.ส.ปชป.ยังอยู่เดิม

     ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส. ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะกระทบฐานเสียงของประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะในภาคใต้มากน้อยแค่ไหน นายชวน กล่าวว่า ก็มีบ้างเพราะยังมีความนิยมชมชอบส่วนตัวกันอยู่ แต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องว่ากันต่อไป ส่วนตัวมองว่าคนส่วนใหญ่ยังยึดพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเรายังเป็นหลัก เป็นที่พึ่งของประชาชน และยังยึดมั่นประชาชนเป็นหลัก ส่วนที่มีอดีตส.ส.บางคนถูกชักชวนให้ย้ายไปอยู่ด้วยนั้น ก็มีบางคนมาเล่าให้ตนทราบว่ามีหลายกลุ่มที่พยายามมาดึงคนของพรรคประชาธิปัตย์ไปอยู่ด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วอดีตส.ส.ของพรรคก็ยังอยู่กับเรา ทั้งนี้เคยมีตัวอย่างมาแล้วในยุครัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร ที่มีความพยายามมาดึงอดีตส.ส. ของเราไปอยู่ด้วย คนที่ไปอยู่กับเขาในท้ายที่สุดก็สอบตก อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่หาเสียงเราพูดอยู่เสมอว่าก่อนที่จะมีการเลือกตั้งให้สมาชิกและอดีตส.ส.ของพรรคทุกคนต้องไปพบปะประชาชน แม้พรรคของเราไม่ได้ซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ก็ยังมีส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้ามาได้ ดังนั้นเราต้องเข้าไปดูแลประชาชนในพื้นที่ และตนก็ดีใจที่สมาชิกพรรคเราส่วนใหญ่ยังคงทำอย่างนั้นเพียงแต่ไม่ปรากฏเป็นข่าว

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

ลั่นไม่เป็นตัวเลือกชิงเก้าอี้นายกฯ

     ส่วนที่ถามว่าการที่พรรครปช.หรือพรรคอื่นมาดึงคนของประชาธิปัตย์ไปจะทำให้มีความอ่อนแอมากขึ้นหรือไม่ นายชวน กล่าวว่าก็มีบ้างไม่มากก็น้อย เพียงแต่เรายังไม่ทราบว่าทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ส่วนที่ถามว่าพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่บางส่วนยังประกาศสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย คิดว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งในช่วงการเลือกตั้งระหว่างคนที่สนับสนุนกับคนไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่นั้น ต้องกลับไปดูว่าคนที่เรียกร้องให้ตั้งพรรคการเมืองมากๆ คือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงแล้วถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูก เพราะอาจจะมีผลในวันข้างหน้า

     ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์บางคนอยากจะเสนอให้นายชวนมีชื่อเป็น 1 ใน 3 รายชื่อบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ ในนามพรรคประชาธิปัตย์ นายชวนกล่าวว่า “ไม่มีชื่อผมอย่างแน่นอน”

“มาร์ค” จี้กกต.เร่งแบ่งเลือกตั้ง

      เมื่อเวลา 10.30 น. ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลและคณะรักษาความแห่งชาติ (คสช.) ยังเตรียมจะเชิญพรรคการเมืองมาร่วมหารือเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งว่า ตามคำสั่งหัวหน้าคสช. เลือกที่จะให้มีการหารือกันหลังจากบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ซึ่งเดิมคาดว่าจะเป็นเดือนมิถุนายนนี้ แต่ตอนนี้ขั้นตอนต่างๆ ยังไปไม่ถึงจุดนั้น จึงมองว่าคสช.และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) น่าจะเห็นสภาพปัญหาต่างๆ ก่อน และหากมีความจำเป็นที่ต้องมาปรึกษาหารือกันกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคการเมือง ก็สามารถเชิญพรรคต่างๆ มาหารือ แล้วออกคำสั่งต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปได้อย่างราบรื่น เพราะมีหลายเรื่องในบทบัญญัติกฎหมายใหม่ที่กกต.และพรรคการเมืองต้องมีการเตรียมตัวปรับตัว

     ส่วนที่ถามถึงการแบ่งเขตการเลือกตั้งจำเป็นที่จะต้องใช้กฎหมายพิเศษมาดำเนินการหรือไม่ เนื่องจากกกต.มีแนวคิดที่จะขอให้คสช.ใช้อำนาตามมาตรา 44 ออกคำสั่งมาดำเนินการในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ท้วงติงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาตั้งแต่ต้นว่า การทำให้กฎหมายการเลือกตั้งส.ส.บังคับใช้ล่าช้าจะทำให้เกิดผลเสีย และไม่สามารถเดินหน้าแบ่งเขตการเลือกตั้งได้ ถ้าจะแก้ก็ต้องไปแก้ตรงนั้นว่าจะทำอย่างไรให้การแบ่งเขตเลือกตั้งเดินได้เร็วขึ้น เพราะถ้าทำได้เร็ว ก็จะช่วยพรรคการเมืองได้ 2 เรื่องคือ 1.ทำให้การจัดตั้งสาขาพรรคหรือการกำหนดพื้นที่ว่าสาขาจะดูแลสมาชิกในเขตเลือกตั้งใดได้บ้างนั้น ทำได้ง่ายขึ้น และ 2.การเตรียมตัวสู่การทำไพรมารีโหวตในการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.ที่จะต้องยึดโยงกับเขตเลือกตั้ง ดังนั้นถ้าแบ่งเขตเลือกตั้งไม่ได้ทั้ง 2 เรื่องนี้ก็เดินหน้าไม่ได้ ซึ่งพรรคปชป.มีความพร้อมอยู่แล้ว เมื่อใดที่มีการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างชัดเจนเราก็เร่งเดินหน้าการจัดตั้งสาขาพรรคและการทำไพรมารีโหวต

เผยอดีตส.ส.จันทบุรีเจอพลังดูด

     เมื่อถามว่ามีสมาชิกพรรคปชป.ย้ายไปอยู่กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส. ร่วมจัดตั้งมากมายแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งก็เปลี่ยนแปลงพรรคอยู่บ้าง ไม่มีอะไรผิดปกติ ซึ่งกรณีของพรรคปชป. ผู้ที่ย้ายไปล่าสุดก็มีนายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีตส.ส.จันทบุรี

   ส่วนกรณีของอดีตส.ส.จันทบุรีและสุราษฎร์ธานีที่ไปอยู่กับพรรครปช.นั้น พรรคปชป.ได้เตรียมคนมาลงสมัครรับเลือกตั้งแทนแล้วหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีผู้ที่แสดงความประสงค์จะลงสมัคร เตรียมพร้อมได้แล้ว ไม่มีอะไรน่าหนักใจ

วอนกกต.เอาจริงแก้ทุจริตเลือกตั้ง

    ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการเตรียมการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่าเดิมว่า การที่กกต.คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งส.ส.จะใช้งบประมาณ 5,500-5,800 ล้านบาทเพราะกฎหมายให้อำนาจ กกต. เพิ่มขึ้นมาก ทั้งอำนาจสืบสวน ไต่สวน การจัดตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งก็เป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ การใช้เงินจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นเพื่อไปไล่จับพวกซื้อเสียงทุจริตเลือกตั้ง

    นายองอาจ กล่าวว่า ถึงแม้เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้มีการทุจริตเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ก็เป็นการทำงานที่ไปแก้ปัญหาปลายเหตุ จึงอยากฝากให้กกต. แก้ปัญหาที่ต้นเหตุควบคู่ไปด้วย เช่น ช่วยกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชน และนักการเมืองเห็นผลร้ายของการซื้อสิทธิ์ขายเสียง การทุจริตเลือกตั้งที่เป็นเชื้อโรคร้ายทำลายการปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้ผุกร่อนลงเรื่อยๆ

เชื่อ‘บิ๊กตู่’เอาอยู่ไม่มีวุ่นวาย

    ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความกังวลว่า เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งแล้วอาจมีความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นนั้น การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรงอยู่แล้ว เชื่อว่านายกฯ เอาอยู่ และเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองต่างมีภาระหน้าที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งมากกว่าที่จะมาสร้างความไม่สงบเรียบร้อย อีกทั้งกฎหมายพรรคการเมืองก็มีข้อห้ามมากมายไม่ให้พรรคการเมืองส่งเสริม หรือสนับสนุนการก่อความไม่สงบเรียบร้อย ใครฝ่าฝืนก็มีโทษสูงถึงขั้นติดคุก ถูกยุบพรรคได้ แต่ถ้ามีใครก็ตามสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายก่อความไม่สงบขึ้นระหว่างเลือกตั้งรัฐบาลก็มีอำนาจ มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยระงับยับยั้งได้ นอกจากนั้นยังมีกฎหมายอาญา กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ และกฎหมายอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นเครื่องมือช่วยทำให้เกิดความเรียบร้อยขึ้นได้

     “ขณะนี้ประชาชนคนไทยส่วนมากต่างอยากเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นในบ้านเมือง อยากเห็นการเมืองไทยเดินไปข้างหน้ามากกว่าความวุ่นวายในบ้านเมืองนายกฯ จึงไม่ควรวิตกกังวลว่าเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งแล้วอาจนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อย แต่นายกฯ ควรสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยและนานาชาติมั่นใจว่ารัฐบาลมีความสามารถเพียงพอที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้” นายองอาจ กล่าว

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

พท.ถามดูดยังไม่พออีกหรือ

     ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีการเตรียมประชุมครม.สัญจร พื้นที่ จ.พิจิตร และนครสวรรค์ วันที่ 11-12 มิถุนายนนี้ ว่าเป็นที่น่าสังเกต โค้งสุดท้ายของรัฐบาลคสช.มีการจัดประชุมครม.สัญจรบ่อยครั้ง จนถูกตั้งคำถามว่ามีวาระแอบแฝงในการหว่านงบประมาณหาเสียงล่วงหน้าวางมัดจำหรือไม่ มีความพยายามในการดึงตัวอดีตส.ส.มายกมือสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้งหรือไม่

    “รัฐบาลคสช.เคยประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เป็นความก้าวหน้าหรือมีตัวชี้วัดอะไรที่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากการจัดประชุมครม.สัญจรบ้าง และถ้าครม.สัญจร ได้ประโยชน์ก็ไม่ต้องประชุมครม.ในทำเนียบกันอีกแล้ว ความจริงถ้าท่านต้องการเดินสายไปดูดอดีตส.ส. จนถึงป่านนี้จะเลือกตั้งอยู่แล้ว ท่านยังดูดไม่พอใจอีกหรือ พวกกลุ่มที่จะมาสนับสนุนท่านรออะไร หรือรอต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับ ครม.ในเร็วๆ นี้หรือไม่” นายอนุสรณ์ กล่าว

เหน็บคสช.เหลือเวลาน้อยแล้ว

     นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลคสช.ตระหนักว่าเวลาของพวกท่านเหลือน้อยลงไปทุกขณะแล้ว คิดการเมืองให้น้อยๆ คิดถึงความทุกข์ยากของประชาชนให้มากๆ ประชาชนอยู่กันอย่างยากลำบาก เงินออมหาย หนี้ครัวเรือนพุ่ง สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ค่าครองชีพสูง รายได้ต่ำ คนตกงานเพิ่ม โพลล์แทบทุกสำนักสะท้อนว่าประชาชนอยากเลือกตั้ง แม้แต่อดีตกองหนุนของท่านก็ยังพาเหรดกันไปตั้งพรรคพร้อมเลือกตั้ง ทำให้คนไม่อยากเลือกตั้งเหลือน้อยแล้วในสังคม เท่าที่สำรวจในตอนนี้กลุ่มคนไม่อยากเลือกตั้ง อยากยื้อเลือกตั้ง เหลือเพียง คสช.และแม่น้ำ 5 สาย หรือไม่

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

‘แม้ว-ปู’ อวดภาพพักผ่อนอเมริกา

      วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ทั้งภาพคู่และภาพเดี่ยวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยเป็นภาพบรรยากาศการพักผ่อนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “เยือนสหรัฐอเมริกาครั้งนี้มีโอกาสพบเพื่อนเก่าๆ ทั้งจากสมัยยังเป็นนักเรียน นักธุรกิจ จนถึงตอนทำงานการเมืองครับ"

     “เริ่มทริปจากกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นนักการเมืองแล้วไปพบเพื่อนนักธุรกิจที่รัฐนิวยอร์ก และจบทริปด้วยการไปรัฐเคนทักกี ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ทั้งผมและน้องสาวเคยมาเรียนปริญญาโทที่นี่แต่คนละช่วงเวลากัน การได้มาเยือนสถานที่ที่เราได้เคยใช้ชีวิตอยู่มาช่วงเวลาหนึ่ง การได้ระลึกถึงวันเก่าๆ ที่ผ่านมาในสถานที่เดิมๆ มันเป็นความสุขอย่างบอกไม่ถูก แล้ววันหลังจะส่งรูปมาให้ดูเรื่อยๆ ครับ”

สมศักดิ์เย้ยสุเทพพูดไม่มีสาระ

     ส่วนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทน ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศตัวเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่น่าผิดหวังตรงที่การเปิดตัวตรงกันข้ามกับพรรคของคนรุ่นใหม่ที่มองไปถึงอนาคตว่าจะทำอะไร จะนำเสนอนโยบายอะไรต่อไป อาทิ การเสนอไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร หรือประกาศฉีกรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามขณะที่พรรคการเมืองเก่ายังรำพึงรำพันร้องไห้ถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ ในเมื่อประกาศว่าจะปฏิรูปคนก็อยากเห็นอนาคตไม่ใช่สิ่งที่มองไปข้างหลัง อย่าคิดว่าจะใช้ความเจนจัดและลีลาจะทำให้คนมาสนใจแต่ต้องคิดว่าวันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วประชาชนเขาอยากรู้ว่าตั้งพรรคใหม่แล้วจะทำอะไร แล้วสิ่งที่ประกาศว่าจะปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่เวลานี้ยังไม่ปฏิรูปแล้วคุณมาตั้งพรรคก่อนแล้วมีอะไรที่จะนำเสนอ

    “นายสุเทพ ขึ้นปราศรัย ไม่มีอะไรเลยที่เป็นการนำเสนอวิสัยทัศน์ของตัวเองไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศปฏิรูปประเทศ เหมือนตอนที่ไปชัตดาวน์ประเทศ แล้วมาประกาศจะปฏิรูปประเทศ จึงกลายเป็นความย้อนแย้งกัน ถ้ามองลีลาถือว่าได้ 100 คะแนนเต็ม ไม่มีทางสู้ แต่สาระเป็นคนละเรื่อง” นายสมศักดิ์ กล่าว

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

ยืนยันชทพ.พร้อมคุยรัฐบาล

      นอกจากนี้นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการที่รัฐบาลเตรียมนัดหมายตัวแทนพรรคการเมืองพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาต่างๆ ของพรรคการเมือง เพื่อหาทางออกในเดือนมิถุนายนนี้ ว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้รู้ทิศทางว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการอะไร พรรคการเมืองจะไปเตรียมตัวถูก หากไม่ได้พูดคุยกัน แล้วแต่ละพรรคพรรคคิดกันไปเองซึ่งถูกบ้างผิดบ้างจะกระทบความรู้สึกกันไปเปล่าๆ และจะมีโอกาสพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อใดจะปลดล็อกให้พรรคการเมืองหากยังคงอยู่แบบนี้เรื่องการทำไพรมารีโหวตจะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะกฎหมายเขียนเอาไว้ เช่นเดียวกับที่ไม่ได้เขียนไว้ในกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองที่กำหนดไว้เรื่องสมาชิกพรรคจะต้องทำภายในเวลากี่วัน แต่เมื่อถึงกำหนดเวลาแล้วยังไม่ปลดล็อก ก็ทำไม่ได้ใช้มาตรา 44 มาแก้ปัญหา สิ่งเหล่านี้ต้องพูดคุยลงในรายละเอียดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งการพูดคุยว่าที่หัวหน้าพรรคคงจัดเตรียมข้อมูลเพื่อไปพูด แต่ยังไม่ทราบว่าจะให้มีตัวแทนแต่ละพรรคได้กี่คน ส่วนตัวคิดว่าควรให้มีตัวแทน 2-3 คน จะได้ช่วยกันคิด

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

ลุ้นมท.คืนตำแหน่งอปท.ลอต 2-3

    ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวถึงกรณีการคืนตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 4 ตำแหน่ง ที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่จากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนหน้านี้ จะมีนัยทางการเมืองหรือไม่ว่า ยืนยันว่าดำเนินการไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ทางศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) มีคำสั่งให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) บางแห่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย หรือทางจังหวัดจะต้องสืบสวนข้อเท็จจริง ถ้ามีมูลแล้วเป็นไปตามนั้น ก็ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทั้งวินัย อาญา ขณะเดียวกันถ้าสอบสวนแล้วไม่พบความผิดก็รายงานกลับไปที่ศอตช.ในฐานะที่เป็นผู้ส่งเรื่องมา ศอตช.ก็ไปดำเนินการ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

    “ในช่วงที่กำลังเป็นข่าวอยู่นี้อาจเป็นไปได้ที่อาจมีบางส่วนไม่มีความผิด ขณะเดียวกันที่ผ่านมาผู้ที่โดนความผิดให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็มีไม่น้อย ถือว่าเป็นไปตามเนื้อผ้า เพราะเราไปทำอะไรที่นอกเหนือจากกฎหมาย หรือความเป็นจริงคงไม่ได้ ส่วนที่ถามว่าจะมีการคืนตำแหน่งลอตที่ 2 และ 3 ตามมาในเร็วๆ นี้ อีกหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ แต่อาจจะเสร็จทยอยๆ ออกมา เพราะมีเยอะทั่วประเทศ” รมว.มหาดไทย กล่าว

\"วิษณุ\"ลั่นปล่อยฟรีช่วงหาเสียง-ย้ำ\"บิ๊กตู่\"ขอคุย2รอบ

นัดผ่านยุทธศาสตร์ชาติ 14 มิ.ย.

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 14 มิถุนายนนี้ มีวาระการพิจารณาที่น่าสนใจคือ การให้ความเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 65 ประกอบกับพ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 โดยร่างยุทธศาสตร์ชาติมีทั้งหมด 71 หน้า แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก คือ 1.บทนำว่าด้วยสถานการณ์ ที่นับจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันปี 2560 2. ปัจจัยและแนวโน้มที่คาดว่าจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ ว่าด้วย ปัญหาด้านความมั่นคง ที่ซับซ้อนละเอียดอ่อน และมีความเชื่อมโยงกันหลายมิติ 3.วิสัยทัศน์ประเทศไทย ว่าด้วยเป้าหมายอนาคตประเทศไทยในปี 2580 คือ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

4.ประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ แบ่งเป็น 6 ด้าน คือ 1.ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง 2.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 4.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 5.ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 6.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ

รัฐบาลใหม่เมินโทษอาญา-ถอดถอน

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าร่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นั้น มีการตั้งข้อสังเกตกันว่าเนื้อหาสาระไม่ได้มีความแตกต่างไปจากแนวนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปัจจุบันสักเท่าไร จึงทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะทำให้เกิดความซ้ำซ้อนให้รัฐบาลชุดถัดไปที่จะมาจากการเลือกตั้ง บริหารประเทศด้วยความยากลำบาก เนื่องจาก จะต้องนำเสนอนโยบายให้สอดคล้องและจะมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติคอยกำกับดูแล หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษทั้งทางอาญา และยังอาจนำไปสู่การถูกถอดถอนออกจากการดำรงตำแหน่งทางการเมือง

(ข่าวหน้า1นสพ.คมชัดลึก)

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ