ข่าว

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มติศาลรธน.ชี้คำสั่งคสช.53/60 ไม่ขัดรธน. ขณะที่ 'ดอน' ไม่ลาออก เมินพวกจี้แสดงสปิริต โบ้ยให้ไปหากับนักกีฬา ขณะที่ครม.เด้งรองเลขาฯสพฐ.คาดเซ็นอนุมัติงบซื้อครุภัณฑ์

     เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เสนอเรื่องขอให้วินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 140 และ 141 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 25, 26, 27 และมาตรา 45 หรือไม่ โดยได้มีการแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ

คำสั่ง53/2560ไม่ขัดรธน.

     ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแบ่งการพิจารณาเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรก กรณีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 140 นั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า การแก้ไขในมาตราดังกล่าว ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 25, 26, 27 และมาตรา 45 ประเด็นที่สอง กรณีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 141 นั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า การแก้ไขในมาตราดังกล่าว ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 25, 26, 27 และมาตรา 45 ทั้งนี้เนื่องจากทั้งสองประเด็นดังกล่าวไม่เป็นการเพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล

    สำหรับมาตรา 140 ตามคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 กำหนดให้สมาชิกของพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นหรือเป็นพรรคการเมืองตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2550 และยังคงดำเนินกิจการอยู่ หากประสงค์จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นต่อไปต้องมีหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกต่อหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น พร้อมแสดงหลักฐานการมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 24 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และให้ชำระค่าบำรุงพรรคการเมือง 100 บาท ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 เมื่อพ้นกำหนดดังกล่าว หากสมาชิกผู้ใดมิได้มีหนังสือแจ้งยืนยันการเป็นสมาชิก ให้ถือว่าพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น และให้พรรคการเมืองแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายใน 30 วัน นับแต่พ้นกำหนดดังกล่าว

    ขณะที่ มาตรา 141 วรรคหนึ่ง (5) กำหนดให้จัดสาขาพรรคการเมืองให้และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ยกเลิกประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้าม พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน

   อย่างไรก็ตาม มาตรา 141 วรรคสอง กำหนดว่าในกรณีที่กกต.เห็นว่าพรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินการตามวรรคหนึ่งได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด กกต.อาจมีมติให้ขยายระยะเวลาตามวรรคหนึ่งออกไปได้อีก 1 เท่า ของระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละเรื่อง เมื่อครบระยะเวลาตามวรรคหนึ่งหรือครบระยะเวลาที่กกต.มีมติให้ขยายแล้วแต่กรณี ให้พรรคการเมืองที่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จสิ้นสภาพลง ทั้งนี้ในระหว่างเวลาที่พรรคการเมืองยังปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง (1) (2) (4) และ (5) ไม่ครบถ้วนจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ได้

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

“บิ๊กตู่”ย้ำเลือกตั้ง ก.พ.62

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ หากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่งมาที่รัฐบาลเมื่อใด ทางรัฐบาลก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย แต่ไม่ใช่มาตีความตรงนี้อีกว่าเสนอมาแล้วเมื่อไม่ขัดแย้ง ก็ต้องจัดการเลือกตั้งทันที โดยกฎหมายได้เขียนไว้อยู่แล้ว คำสั่ง มาตรา 44 ก็มีอยู่ ยืนยันว่าการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ไม่ต้องมาถามกันตอนนี้ มันเป็นตามขั้นตอนอยู่แล้ว

ขู่เอาผิดพวกป่วนทำเลือกตั้งไม่ได้

    ส่วนความคืบหน้าการทำร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้ง 6 ฉบับนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เสร็จเมื่อไหร่ ก็เสร็จเมื่อนั้น ซึ่งกฎหมายดังหล่าวมีหลายมาตราเกี่ยวข้องกับหลายๆ อย่างด้วยกัน จึงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสนช. ส่วนจะมีการเลือกตั้งได้หรือไม่ได้นั้น ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยก็เลือกตั้งได้ แต่ใครที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงหรือความไม่ปลอดภัย ก็จะทำให้ไปสู่การเลือกตั้งไม่ได้ และต้องถูกดำเนินการลงโทษโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะยิ่งพูดกันเลอะเทอะ ตนจำเป็นต้องรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ได้

    ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ได้สร้างภาระเพิ่มและไม่จำกัดสิทธินั้น รัฐบาลจะกำหนดวันหารือกับพรรคต่างๆ ทันทีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่ายหัวเล็กน้อย แต่ไม่ตอบคำถามใดๆ ก่อนจะเดินออกจากตึกบัญชาการ 1 กลับไปที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ปัดส่งทหารคุมแกนนำอนาคตใหม่

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าเจ้าที่ฝ่ายความมั่นคงไปคุกคามสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ว่า ขอให้ไปดูว่าได้กระทำผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ผิดกฎหมายใครจะไปแตะต้องได้ ไม่ได้มีนโยบายให้ไปติดตาม แต่หากพบว่า มีการกระทำผิดกฎหมายก็ต้องให้คนไปตักเตือน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเจ้าหน้าที่เข้าไปตักเตือนเอง หากไม่มีการเข้าไปตักเตือน กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะมาต่อว่ารัฐบาลต่อไปเรื่อยๆ คนก็จะหาว่ารัฐบาลไม่เอาจริงเอาจังทำไมปล่อยให้ด่าอยู่ได้ ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายเต็มที่เลย แต่หากวันหนึ่งสถานการณ์รุนแรงขึ้นก็จำเป็นจะต้องใช้ อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันคนบางคนไม่ควรจะมาพูดในสื่อหรือโซเชียลอีกแล้ว ดังนั้นจะไปขยายความให้เขาทำไม หลายคนก็มีความผิดอย่างชัดเจน คดีความก็มีอยู่ แล้วเอามาสู้กับตนและรัฐบาลมันถูกหรือไม่ ไม่รักประเทศกันเลยหรืออย่างไร

     “หลายคดีความก็พันไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ที่ทำผิดไม่ดูว่าผิดตรงไหน ผิดกฎหมายอื่นหรือทำคนอื่นเดือดร้อนไหม อย่ามองประเด็นเดียวว่าเป็นเด็กเป็นนักศึกษา แล้วผิดมากี่ครั้งแล้วไปดูสิ แล้วสังคมก็เบื่อหน่อยหรือเปล่า ถ้าสังคมเห็นชอบ เห็นดีงามจะทำอะไรก็ทำผมไม่ไปยุ่ง แต่บ้านเมืองมันเสียหายฝากด้วยละกัน เสร็จแล้วก็ยาก เวลาหนีไปต่างประเทศ กลายเป็นการเมือง กลายเป็นละเมิดสิทธิมนุษยชนไปหมด แล้วเขาก็ไม่ให้ตัวกลับมา ไปลี้พงลี้ภัยกันใหญ่โตที่เมืองนอก กลับมาเป็นรัฐบาลที่โดนอีก ว่าทำไมไม่ตามตัวกลับมา ก็เขาไม่ให้ไง เพราะเราไปตีความทั้งหมดเป็นเรื่องทำลายล้างกัน มันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย เรื่องเดิมก็เรื่องเดิม สู้คดีกันไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

ยินดี“ลุงกำนัน”ตั้งพรรครปช.

     นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคว่า หากทำถูกต้องตามกฎหมายก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายพรรคการเมืองเกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะเป็นสำหรับพรรคการเมืองของไทย ดังนั้นไม่ว่าจะพรรคใคร หรือพรรคของนายสุเทพ หากมีความตั้งใจจริง ขอให้ประสบความสำเร็จและขอแสดงความยินดีด้วย

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ไม่ว่าเป็นพรรคใครก็ได้ที่จะนำพาประเทศชาติให้เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล มีการปฏิรูปและปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติ ตนก็พร้อมให้การสนับสนุน ไม่ใช่ต้องมาสนับสนุนแล้วถึงจะสนับสนุนกลับ หากพรรคใดสร้างสรรค์ก็สนับสนุนทุกพรรค สิ่งที่ต้องดำเนินการตอนนี้คือการสร้างการรับรู้ว่าอีกไม่นานประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง ไม่ใช่ตีกันไปมาทำลายเสถียรภาพของประเทศ แล้วใครจะเชื่อมั่นในตัวเรา

หวั่นเลือกตั้งจริงจะวุ่นยิ่งกว่านี้

     “วันนี้ยังไม่ทันเลือกเลย เหลือเวลาอีกตั้งหลายเดือน ทุกคนก็ทำเหมือนว่าเป็นยกสุดท้ายแล้ว ทั้งสื่อโซเชียล ก็ประเคนปี่กลองบรรเลงกันใหญ่เลย ต้องทะเลาะกันให้ได้ แล้วแบบนี้ประเทศชาติเราจะไปตรงไหนกัน ทำไมเราไม่ทำบ้านเมืองให้สงบสุขเรียบร้อย ให้ทุกคนเคารพกฎหมาย ไม่ไปละเมิดคนอื่น ไม่ไปให้ร้ายหรือไปกล่าวว่าเขาโดยไม่มีข้อเท็จจริง ไปเปิดดูเฟซบุ๊ก ด่ากันไปมาทั้งสองข้าง อีกคนหนึ่งก็ด่า อีกคนหนึ่งก็แก้ตัวแล้วจะปรองดองกันได้ไหม อย่าให้ร้ายกันอีกต่อไป มันแสดงให้เห็นว่าวันหน้าถ้าเลือกตั้งมันจะยิ่งกว่านี้ ทุกคนต้องการแบบนี้หรือ ถ้าหากต้องการแบบนี้ก็ทำกันต่อไป ผมก็ทำเท่าที่ผมทำได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

 

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

“บิ๊กป้อม”ห้าม“สุเทพ” เดินหา ปชช.

    เมื่อเวลา 14.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) จะใช้รองเท้าคู่เดิมเดินไปพบมวลชนทั่วประเทศ ว่าถ้าเดินไปคนเดียวก็เดินไปได้เลย แต่จะเดินไปทางด้านการเมืองไม่ได้

    เมื่อถามว่าได้มีการทำหนังสือขออนุญาต คสช.ทำกิจกรรมแล้วหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ยังไม่เห็นเรื่อง แต่ยังไปทำกิจกรรมทางการเมืองตอนนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่ปลดล็อกคำสั่ง คสช. แม้จะเดินไปคนเดียว แล้วมีผู้ร่วมสนับสนุนก็ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของการเมือง ที่ประกาศว่าพร้อมจะเดินไปหามวลชน ก็ต้องพร้อมเมื่อปลดล็อกคำสั่งแล้ว

แย้มปลายมิ.ย.กำหนดวันปลดล็อก

     เมื่อถามว่าเบื้องต้นจะอนุญาตให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้เมื่อใด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ได้คุยกับพรรคการเมืองในเดือนมิถุนายนก่อน อย่างไรก็ตามยังไม่ได้กำหนดว่าจะมีการพูดคุยกับพรรคการเมืองในวันไหน แต่น่าจะมีการหารือในปลายเดือนมิถุนายน

     ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐออกมาเปิดรายชื่อแนวร่วม พร้อมประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อ จะทำให้เกิดข้อครหาว่ารัฐบาลมีการดูดสมาชิกพรรคการเมืองอื่นๆ มาร่วมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ เป็นรัฐบาลก็ยังไม่รู้เลย เขาก็จะสนับสนุนก็ว่ากันไปเอง

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

ฮึ่มคนอยากเลือกตั้งห้ามเกิน5คน

     พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเตรียมเคลื่อนไหวจากองค์การสหประชาชาติมา สน.นางเลิ้ง ในวันที่ 7 มิถุนายน เพื่ออ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ คสช.เร่งดำเนินการจัดการเลือกตั้งว่า ต้องถามว่ามากี่คน ถ้ามาเยอะเกินกว่า 5 คน และเกี่ยวกับเรื่องการเมืองไม่ได้ แต่ถ้ามาน้อยกว่าก็ว่าไป โดยไม่ต้องจับตาอะไรเป็นพิเศษถ้าไม่ผิดกฎหมาย ถึงแม้จะมา 3 คน แต่มีประชาชนมาร่วมสังเกตการณ์ด้วยแบบนี้ก็ไม่ได้ เพราะถือว่าเข้าร่วมด้วย

     ขณะที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งบริเวณหน้า องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ว่า หากมีการเคลื่อนไหวในลักษณะของการชุมนุมในเรื่องการแสดงความเห็น แต่ไม่ใช่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองเหมือนวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ไม่ได้เป็นห่วงว่าจะเดินเข้าไปบริเวณทำเนียบรัฐบาล ซึ่งคงไม่มีประเด็นอะไรสำคัญจนต้องมีมวลชนเข้ามามากมาย หากเป็นกลุ่มเล็กๆ เราก็ดูแลความปลอดภัยอำนวยความสะดวกให้

สมช.ชี้“โรม”ไปสน.นางเลิ้งได้

     ด้าน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ประกาศว่าในวันที่ 7 มิถุนายน เวลา 09.00 น. จะเดินจากสำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ถนนราชดำเนิน ไปยังสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เพื่อให้กำลังใจประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากการร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21-22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่าต้องดูกรอบของกฎหมาย ถ้าเป็นการทำโดยบริสุทธิ์สุจริตก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ส่วนการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะขัดต่อคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 หรือไม่ ไม่แน่ใจ ทั้งนี้ ด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลตามปกติเช่นที่เคยดูแลการชุมนุมในครั้งก่อนๆ

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

ใกล้เลือกตั้งยิ่งเคลื่อนไหวเยอะ

    เมื่อถามว่าการประกาศเช่นนี้ถือเป็นความพยายามสร้างกระแสให้เกิดขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ พล.อ.วัลลภกล่าวว่า เป็นการดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มซึ่งรณรงค์ให้เกิดการเลือกตั้ง คงพยายามทำให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่วนที่ถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่ายิ่งใกล้ช่วงหารือกับพรรคการเมืองหรือการเลือกตั้งแล้วจะมีเหตุการณ์เหล่านี้มากขึ้นนั้น ต้องมีมากขึ้นอยู่แล้ว แต่ทุกคนต้องทำให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นเรื่องธรรมดาของช่วงที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง

     เมื่อถามถึงกรณีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงออกถึงการต่อต้านรัฐบาล คสช. โดยการชูสามนิ้วบนเวทีออสโล ฟรีดอม ฟอรั่ม ที่ประเทศนอร์เวย์ พล.อ.วัลลภกล่าวว่า ต้องดูว่าเป็นการแสดงความเห็นในลักษณะใด

“ผบ.ทบ.” ยันกองทัพเป็นกลาง

     พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวกรณีการตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มีนายสุเทพ เป็นที่ปรึกษาพรรคว่า ไม่มีอะไร เป็นไปตามกลไก ห้วงเวลาของการเปิดตัวพรรคการเมืองหลายพรรค จึงเป็นเรื่องปกติจะต้องมีการพูดถึงนโยบาย ถ้าอยู่ในกรอบ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ ขั้นตอนของกระบวนการที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งในเวลานี้ ยังมีกรอบระยะยาวอยู่ในกลไกที่ใช้ทั้งของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาจักร (กอ.รมน.) และกองทัพบก ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะได้รับการร้องขออย่างไรจาก กกต. ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง อาจจะมีการใช้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ในภาพรวม กระบวนการเลือกตั้ง การใช้สถานที่ ในเวลานี้ยังไม่มีอะไรไปถึงขั้นตอนนั้น หากมีการร้องขอก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน

    เมื่อถามว่า มองอย่างไรกรณี นายสุเทพ เป็นที่ปรึกษาพรรค รปช. และมีเป้าหมายสนับสนุนทหาร พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า “แต่ละพรรคก็มีความชื่นชอบในแนวนโยบายของแต่ละกลุ่ม ของแต่ละคน ไม่แปลกที่จะสนับสนุนใครอย่างไร แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด เรื่องการเมืองก็ว่ากันไป ใครจะสนับสนุนใคร ในส่วนกองทัพก็จะยืนอยู่ตรงกลางทำหน้าที่ในกรอบที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง”

ย้ำคสช.ปฏิบัติเหมือนกันทุกพรรค

    พล.อ.เฉลิมชัย ยังกล่าวถึง กรณีนายสุเทพเตรียมลงพื้นที่พบประชาชนทั่วประเทศว่า ขณะนี้กระบวนการต่างๆ ยังไม่ได้ปลดล็อกพรรคการเมือง อะไรที่ทำได้ในเรื่องของนโยบายพรรคก็ทำไป แต่ในเรื่องของการเดินออกมาหาเสียง คงทำไม่ได้ ซึ่งเป็นเหมือนกับทุกพรรคไม่ใช่เฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง ทั้งนี้ คสช. ยังมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลให้เป็นไปตามกรอบและเจตนารมณ์ แต่ต้องพิจารณาให้มีจุดที่เหมาะสมพอสมควร ทุกคนสามารถใช้วิจารณญาณ จิตสำนึกเองว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร

     “ในกรอบปัจจุบันถ้าเป็นเรื่องของการดำเนินการของพรรคการเมือง เราให้การสนับสนุนทุกพรรคการเมืองที่มาร้องขอจัดประชุมพรรค หลังจากผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว กองทัพบกหรือคสช.ก็พร้อมอำนวยความสะดวกกับการดำเนินงาน ของทุกพรรคในกรอบ” ผบ.ทบ. กล่าว

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

ปัดส่งทหารคุกคามอนาคตใหม่

     นอกจากนี้ พล.อ.เฉลิมชัย ยังได้กล่าวถึงกรณีพรรคอนาคตใหม่ ออกแถลงการณ์ว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐตามประกบว่า ขณะนี้เป็นการเปิดตัวพรรค ซึ่งจะมีพรรคการเมืองอยู่ 2 กลุ่ม คือ พรรคที่จัดตั้งมานานแล้ว มีโอกาสเป็นรัฐบาล พรรคพวกนี้จะมีผลงาน ขณะที่อีกกลุ่มคือพรรคตั้งใหม่ ซึ่งตรงนี้ไม่เคยมีผลงานทางการเมือง จึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งตรงนี้หลายพรรคการเมืองใหม่พยายามกำหนดแนวทางการดำเนินงานของพรรค อาจจะหวือหวา เรียกร้องความสนใจอะไรบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีประเด็นปัญหาอะไร ทาง คสช.ก็ไม่ได้กดดันใครอย่างไร เพราะเข้าใจดีว่าบทบาทควรจะทำอะไรมากน้อยแค่ไหน หากผลการเลือกตั้งออกมาก็ต้องยอมรับ เพราะทุกวันนี้เราเรียกร้องการเลือกตั้ง เมื่อการเลือกตั้งผ่านไปแล้วผลออกมาอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น

ลั่นเจอให้ถ่ายรูปส่งหลักฐานมา

     เมื่อถามย้ำว่าการที่พรรคอนาคตใหม่ออกแถลงการณ์แบบนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ในทางปฏิบัติไม่ได้มีการสั่งการให้ดำเนินการในลักษณะนั้น ไม่มีใครไปทำอะไร ถ้ามีหลักฐานว่ามีเจ้าหน้าที่คุกคาม สามารถถ่ายรูปแล้วก็แจ้งได้เลย เราจะลงโทษตามกรอบ โดยสำนึกพื้นฐาน อาจจะมีบ้างหน่วยข่าวอยากรู้ใครทำอะไร เป็นพื้นฐานของหน่วยข่าว แต่ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องไปคุกคาม

     “ผมเข้าใจดีพรรคอนาคตใหม่ยืนทิศทางที่ตรงข้ามกัน ถ้าเรายิ่งใช้อำนาจเผด็จการก็เป็นการเพิ่มคะแนนนิยมให้เขา เราไม่ทำอยู่แล้ว ผมยืนยันว่าการคุกคามปัจจุบันไม่เกิดผลประโยชน์ แต่ไปเพิ่มคะแนนบวกให้แก่ฝ่ายที่กล่าวหาว่าถูกคุกคาม เราระมัดระวังตนเอง และเราก็เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างที่บอกพรรคการเมืองใหม่ๆ ก็ต้องหาแนวทางที่หวือหวา คะแนนความเห็นใจ จริงเท็จ ไม่รู้พูดให้สื่อรับฟังได้ ถือเป็นทิศทาง แต่สื่อก็อย่าไปตามข่าวในทุกประเด็นที่คิดว่าต้องใช่” ผบ.ทบ.กล่าว

แจงโครงการดาวเทียมเพื่อประเทศ

    พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวถึง การดำเนินงานด้านกิจการอวกาศกระทรวงกลาโหม ในการจัดหาดาวเทียมดวงใหม่ ว่า เรามีโอกาสใช้ดาวเทียม 2 ส่วนที่หนึ่งคือ สำรวจตามภาพของธีออส ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เป็นข้อตกลงที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเพื่อภาพถ่ายทางอากาศทั้งหลาย ส่วนที่สองก็คือดาวเทียมเพื่อการสื่อสารเป็นช่องสัญญาณของไทยคมที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2534 จะหมดสัญญาในปี 2564 จึงมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาว่าแนวทางการดำเนินการต่อไปหลังจากสิ้นสุดสัญญาแล้ว กระบวนการเรื่องนี้จะดำเนินการอย่างไรก็ไปอยู่ขั้นตอนกลางการศึกษาในกรอบรายละเอียด ยังไม่ได้มีอะไรที่เป็นรูปเป็นร่าง แต่มีการพูดคุยกันว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไปซื้อดาวเทียมมีราคาหลายล้านบาท แต่เป็นในลักษณะศึกษาร่วมกันและใช้ประโยชน์ร่วมกัน

    พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ผลผลิตของดาวเทียมเช่นของไทยคม เพื่อใช้ติดต่อการสื่อสารไม่ว่าจะเป็น วีทีซี(วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์) เครื่องสื่อสารต่างๆ รวมทั้งของธีออส เพื่อเป็นประโยชน์บรรเทาสาธารณภัย ทั้งหมดเป็นประโยชน์แก่ภาพรวมของประเทศ ไม่ได้เป็นไปตามที่มีการกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่ดาวเทียมทหาร แต่เป็นดาวเทียมที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อการสื่อสาร มีทุกภาคส่วน และไม่ใช่การซื้อ แต่อยู่ในขั้นตอนการวิจัยหาแนวทาง และเตรียมการจะดำเนินการอย่างไร

ฉะกองทัพเฉไฉปมซื้อดาวเทียม

    ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและโฆษกกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีข้อคัดค้านของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยที่ไม่เห็นด้วยที่สภากลาโหมหรือกองทัพไทยกำลังดำเนินการจัดซื้อจัดหาดาวเทียม THEIA(เธ-เออ) จากสหรัฐอเมริกา มูลค่า 91,200 ล้านบาท มาใช้ในขณะที่ประเทศยังอยู่ในสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนยังยากจน ฯลฯ โดยอ้างว่ากองทัพยังไม่ซื้อดาวเทียมจารกรรมดังกล่าว เป็นแค่การศึกษา และยังกล่าวหาว่ามโนไปเอง และหรือดูหนังมากเกินไป ซึ่งพิเคราะห์แล้วน่าจะมีลักษณะเฉไฉเลี่ยงบาลี ตอบคำถามไม่ตรงประเด็นมากกว่า

    นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวหากสมาคมจะมโนไปเองหรือไม่นั้น กองทัพก็ควรที่จะต้องตอบคำถามของสมาคมเพื่อให้ประชาชนทราบให้ได้เสียก่อนว่าเหตุใด 1.ทำไมประธานกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป. : DTi) และคณะ จึงได้เดินทางไปลงนามในหนังสือแสดงการรับรู้ หรือ LOA (Letter of Acknowledge) แล้วเมื่อวันที่ 14-23 ธันวาคม 2560 และต่อมาได้เดินทางไปลงนามในหนังสือแสดงความจำนง หรือ LOI (Letter of Intent) เมื่อเดือนมีนาคม 2561 และล่าสุดผู้บริหารในระดับบิ๊กๆ ของรัฐบาลได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายเดือนเมษายน 2561 เพื่อเป็นสักขีพยานในการลงนามในหนังสือยืนยัน หรือ LOC (Letter of Confirm)

    ทั้งนี้ กรณีการใช้อำนาจในการไปลงนามในหนังสือสัญญาต่างๆ กับต่างชาติในการจัดซื้อจัดหาดาวเทียมจารกรรมที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ 2560 นั้น สมาคมต้องนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อไต่สวนและมีความเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีการจงใจที่จะปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายหรือไม่ โดยสมาคมจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ในวันพุธที่ 6 มิถุนายน เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี และเพื่อพิสูจน์ว่าสมาคมมโนหรือดูหนังมากเกินไปหรือไม่ด้วย

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

“ดอน” ไม่ลาออก-รอศาลตัดสิน

    วันเดียวกัน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นว่าการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ของภรรยาโดยไม่แจ้ง ป.ป.ช. ขัดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี จนมีกระแสกดดันให้ลาออกว่า ถ้าตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งก็คงไม่มาร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ และคงไม่เดินมาในช่องทางนี้ที่เคยมาประจำ ทั้งนี้ ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องดังกล่าวกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้คุยกันในหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น

    เมื่อถามว่ายืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ต่อใช่หรือไม่ นายดอนกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า คำตอบอยู่ในใบหน้านี้แล้ว ไม่รู้สึกกดดัน เพราะกระแสกดดันเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างสรุปกัน ส่วนเรื่องนี้ก็ค่อยว่ากันไป ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ต้องรอให้มีความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน เราตอบได้เพียงตามกระแสข่าว

แสดงสปิริตให้ไปหากับนักกีฬา

    นายดอน กล่าวอีกว่า การประชุมครม. หรือแม้แต่ตอนรับประทานอาหารกลางวัน นายกรัฐมนตรีไม่ได้สอบถามหรือพูดอะไรกับตนถึงเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่พูดคุยกันถึงเรื่องอื่น ไม่มีใครซีเรียสอะไร ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลหรือหวั่นไหวกับแรงกดดัน เรื่องแบบนี้ทำงานมา 4 ปีแล้ว รู้ว่ามันเป็นอย่างไร

    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเรียกร้องให้แสดงสปิริตในเรื่องดังกล่าว นายดอน กล่าวว่า ให้ไปเรียกร้องกับนักกีฬา

 

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

“วิษณุ” ยัน“ดอน”ปฏิบัติหน้าที่ต่อได้

     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสกดดันให้นายดอนลาออกจากตำแหน่งว่า ไม่ทราบรายละเอียดที่นายดอนได้พบกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับขั้นตอนทั้งหมดเกี่ยวกับกฎหมาย 3 มาตรา คือ 187, 170 และ 82 ของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงการพ้นจากตำแหน่งหรือออก จะต้องไปออกเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งวินิจฉัยสุดท้าย ซึ่งไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ เพราะขณะนี้ยังไม่มีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเลย “ทั้งหมดอยู่ที่ศาลว่าจะสั่งหรือไม่สั่ง มี 2 ขั้นตอน 1.เราจะมาเจอขั้นตอนแรกตอนฟ้องแล้วว่าศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหรือไม่ 2.หากเลยไปจนถึงขั้นศาลพิจารณาสืบพยานแล้วเห็นว่าผิดหรือไม่ ก็ไปชี้กันในตอนนั้น ส่วนระหว่างทางจากนี้ไปรัฐมนตรีดอนจะคิดว่าจะขอหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง หรือท่านจะขอลาออก หรือท่านจะอยู่ต่อไปก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน” นายวิษณุกล่าว

ปชป.ภาคใต้เชื่อถูกตีฐานแตก

     รายงานข่าวจากอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภาคใต้ เปิดเผยว่า อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กลุ่มภาคใต้ได้ประชุมกลุ่มย่อย เพื่อประเมินสถานการณ์การเลือกตั้ง และยอมรับว่า การตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ซึ่งมีนายสุเทพ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำด้วยนั้น ส่งผลกระทบต่อพรรคอย่างแน่นอน ส่วนจะมากหรือน้อยยังประเมินไม่ได้ ต้องประเมินในวันและเวลาใกล้เลือกตั้ง ส.ส.ชัดเจนที่สุด

    “พรรคประชาธิปัตย์อาจจะเสียที่นั่ง ส.ส.ในภาคใต้ให้แก่พรรครวมพลังประชาชาติไทยในบางพื้นที่ โดยเฉพาะใน จ.สุราษฎร์ธานี เพราะมี อดีต ส.ส.ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปสังกัดพรรครวมพลังประชาชาติไทย 2 คน และในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้อีก 2-3 คนแล้ว อาจเสียให้กับพรรคประชาชาติของกลุ่มวาดะห์ ซึ่งมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคด้วย 2 คน"

บิ๊กป๊อกเมินข่าวพลเรือนนั่งมท.1

      เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีว่าคนที่จะตอบเรื่องนี้ได้ชัดเจนคือนายกฯ คนเดียว ไม่มีใครตอบได้ เพราะอำนาจอยู่ที่นายกฯ ซึ่งนายกฯ ก็ได้ตอบชัดเจนไปแล้วเมื่อวาน (4 มิ.ย.) ส่วนที่ถามถึงกระแสที่จะให้พลเรือนมานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น เรื่องการทำงานใกล้ชิดประชาชน พยายามอยู่แล้ว เพราะ คสช.ไม่มี ส.ส. ก็ต้องใช้เครื่องมือที่มีหรือกลไกที่เรียกว่าประชารัฐเป็นตัวไปเชื่อมกับประชาชน เพื่อให้เกิดความใกล้ชิดกับประชาชน และตอนนี้ทุกกระทรวงก็ทำงานร่วมกัน เช่น โครงการไทยนิยม มีทีมทำงานลงไปทุกกระทรวง ทุกท้องที่ ทำให้ใกล้ชิดประชาชนได้

   

ไม่ขัดรัฐธรรมนูญคำสั่ง53/2560-ครม.เด้งแล้วรองเลขาฯสพฐ.

ครม.เด้ง รองเลขาฯสพฐ.

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ครม.พิจารณาอนุมัติแต่งตั้งนายณรงค์ แผ้วพลสง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้ดำรงตำแหน่ง ศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค 15 (เชียงใหม่) ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสาเหตุในการโยกย้ายครั้งนี้ มีกระแสข่าวว่าเนื่องจากนายณรงค์ เซ็นลงนามโอนงบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น งบประมาณ 6 แสนบาทต่อโรงเรียน วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 279 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าอาจจะล็อกสเปก แต่กลับมีการเซ็นอนุมัติดังกล่าว

(ข่าวหน้า1นสพ.คมชัดลึก)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ