"ปชป."ไม่หวั่น"รปช."จ่อหาคนใหม่ลงแทน"อดีตส.ส."ย้ายพรรค

          เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 61 นายองอาจ  คล้ามไพบูลย์   รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ว่า การจัดตั้งพรรคการเมือง ถือเป็นสิทธิ เสรีภาพของบุคคลที่มีแนวทางการเมือง หรือ อุดมการณ์ทางการเมืองสอดคล้องกัน จะรวมตัวกันจัดตั้งพรรคการเมืองในมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญก็บัญญัติไว้ชัดเจนว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมตัวกันจัดตั้งพรรคการเมืองตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตามที่กฎหมายบัญญัติ

นายองอาจ กล่าวว่า การมีพรรคการเมืองจัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้น  ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ประชาชนจะได้มีทางเลือกมากขึ้น  เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองมากกว่าเป็นโทษ  เพราะประชาชนจะได้มีโอกาสเลือกพรรคการเมืองที่หลากหลายมากขึ้น  ประชาชนมีทางเลือกมากย่อมดีกว่าประชาชนมีทางเลือกน้อย เชื่อว่าประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองที่เหมาะสมที่สุดเพื่อกำหนดอนาคตของบ้านเมืองด้วยมือของตนเอง จึงไม่รู้สึกวิตกกังวล ไม่หนักใจที่มีการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ เกิดขึ้น  ถือเป็นเรื่องปกติในทางการเมืองทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งทั่วไป ก็จะมีพรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่เข้ามาแข่งขันกันในสนามเลือกตั้งทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญมากกว่าการแข่งขันกับพรรคการเมืองอื่นๆ คือการแข่งขันกับตัวเอง เราต้องทำงานหนัก นำเสนอทางออกให้บ้านเมืองที่สามารถตอบโจทย์ของประชาชนได้

"การเลือกตั้งเป็นการแข่งขันกันทำความดี ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง เพื่อส่วนรวม เพื่อทำให้ประเทศชาติพัฒนาก้าวหน้าขึ้น การตัดสินใจอยู่ที่ประชาชนคนไทยทั้งชาติว่าจะมอบความไว้วางใจให้ใคร ส่วนกรณีที่ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย เคยเป็นอดีต ส.ส.หรือ เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ จะเกิดผลกระทบต่อการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไร เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจได้ และพร้อมจะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป" นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวอีกว่า สำหรับกระแสข่าวที่ว่ามีอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จะไปทำงานกับพรรครวมพลังประชาชาติไทยจำนวนมากนั้น เชื่อว่าอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ส่วนมากยังทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม จะเห็นได้ว่าในช่วงที่มีการยืนยันสมาชิกพรรค อดีตส.ส.ของพรรคเกือบทั้งหมดก็แสดงตนยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคกันอย่างพร้อมเพรียง อย่างไรก็ตาม การย้ายไปทำงานกับพรรคใหม่ที่จัดตั้งขึ้นก็อาจมีบ้าง ซึ่งเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลของแต่ละคนที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตทางการเมืองว่าจะเดินไปทางไหน ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากให้ทุกคนอยู่ร่วมทำงานกันที่พรรคประชาธิปัตย์ต่อไป เพราะเราก็อยู่ด้วยกันแบบพี่น้องมานานร่วมไม้ร่วมมือกันทำประโยชน์ให้บ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้ามีอดีต ส.ส. คนไหนตัดสินใจไปทำงานกับพรรคอื่น ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะหาบุคคลที่มีความเหมาะสมลงสมัครรับเลือกตั้งทดแทนในเขตนั้นๆ โดยในขณะนี้มีคนหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย พร้อมที่จะทำงานการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ให้ทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติบ้านเมืองให้ก้าวหน้าต่อไป