ข่าว

กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ย้ำจุดยืน ยุบคสช. เลือกตั้งในปีนี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กลุ่มอยากเลือกตั้ง ออกแถลงการณ์ เรียกร้อง ยกเลิกประกาศคำสั่งจำกัดสิทธิ ยุบ คสช.เปลี่ยนเป็นรัฐบาลรักษาการ กองทัพต้องเลิกหนุน คสช. เลือกตั้้งต้องเกิดขึ้นในปีนี้

 

 

          22 พ.ค. 61 - ในการเคลื่อนขบวนไปทำเนียบฯ ในวันนี้ (22 พ.ค.) กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 4 เดือน ที่พวกเราได้จัดกิจกรรมแสดงพลังมาแล้วถึง 6 ครั้ง 

 

          ในทุกครั้งที่พวกเราได้ส่งเสียงนำเสนอข้อเรียกร้องต่างๆ ที่จะนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งและคืนอำนาจกลับสู่ประชาชนอย่างแท้จริง แต่ทว่าไม่มีครั้งไหนเลยที่ คสช. และบรรดาบริวารทั้งหลายจะรับฟังและนำไปปฏิบัติ มิใช่เพราะข้อเสนอของพวกเราเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้ แต่เป็นเพราะหูของพวกเขาได้ยินแต่คำเย้ายวนจากปีศาจแห่งความกระหายอำนาจที่อยู่ภายในจิตใจของตนเองอยู่ตลอดเวลา

 

          ในวันนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 4 ปีของการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เราสามารถสรุปได้อย่างหนึ่งว่าตลอดสี่ปีที่ผ่านมาคือสี่ปีแห่งการบ่อนทำลายชาติโดยรัฐบาลคสช. อันประกอบไปด้วยอการบ่อนทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน บ่อนทำลายเศรษฐกิจ และบ่อนทำลายอนาคต

 

          ในด้านหลักนิติรัฐนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนนั้น รัฐบาลคสช.ได้สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดโอกาสให้ตนใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ โดยมีมาตรา 44 ที่สถาปนาอำนาจเบ็ดเสร็จให้หัวหน้า คสช. ในการออกคำสั่ง เพื่อให้ประชาชนปฏิบัติตาม ซึ่งอำนาจเหล่านี้ รัฐธรรมนูญที่พวกพ้องของ คสช. ร่างขึ้น ได้รับรองเอาไว้ในมาตรา 279 มากไปกว่านั้น มาตราดังกล่าว ยังได้รับรองการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศใช้ ซึ่งหมายความว่า ความเลวร้ายใดๆ ที่ควรถูกถือกันว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ ได้ถูกแปรสภาพให้เป็นเสมือนเป็นสิ่งปกติ อันรวมถึงการนิรโทษกรรมตัวเอง โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆต่อผลกรรมที่เคยก่อขึ้น


          นอกจากนี้บทบัญญัติดังกล่าวยังได้ส่งผลกระทบที่ทำให้หัวหน้า คสช.มีอำนาจในการออกคำสั่งใดๆ เพื่อเป็นการละเมิดสิทธิประชาชน เพื่อให้พรรคการเมืองอ่อนแอ โยกย้ายข้าราชการเพื่อสนับสนุนการใช้อำนาจตามอำเภอใจ และส่งเสริมกลไกในการสืบทอดอำนาจ ทั้งยังใช้องค์กรอิสระเพื่อส่งเสริมความมั่นคงของอำนาจของตัวเอง ดังตัวอย่างการอนุมัติให้กรรมการป.ป.ช.ที่ขาดคุณสมบัติยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป เพื่อทำให้การตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นของพวกพ้องในรัฐบาลคสช. ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ไม่สามารถเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้
         

 

          ดังที่ปรากฎในกรณีนาฬิกา 25 เรือนของ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ขณะเดียวกัน ประชาชนและสื่อมวลชนก็ได้สูญเสียเสรีภาพในการแสดงออก เพราะการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ถูกตีความว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ มีการเรียกรายงานตัว ปรับทัศนคติ ข่มขู่คุกคาม ติดตาม ปิดกั้นและแทรกแซงการจัดกิจกรรม ซึ่งรวมถึงกิจกรรมทางวิชาการ ประชาชนถูกดำเนินคดีข้อหาชุมนุมทางการเมืองเกือบ 400 ราย ถูกดำเนินคดีข้อหาตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะและข้อหายุยงปลุกปั่น รวมกว่า 300 คน พลเรือนถูกดำเนินคดีในศาลทหารกว่า 2,000 คน ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัย

 

           ในด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล คสช. ใช้วิธีการหว่านงบประมาณในลักษณะแจกจ่ายเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการโดยที่ขาดสติปัญญาได้ก่อให้เกิดรายจ่ายเกินรายได้ ทำให้เกิดการขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง และสูงเป็นประวัติศาสตร์ โดยแตะ 6 แสนล้านบาทในที่สุด ซ้ำร้ายยังมีการจัดสรรงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับกองทัพเป็นอันดับหนึ่ง การใช้งบมหาศาลในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แม้แต่การเกณฑ์ทหารซึ่งควรถูกยกเลิกไปตามบริบทที่เปลี่ยนไปของสงครามทั่วโลกแล้ว ยังไม่นับรวมถึงการทุ่มงบประมาณหลายแสนล้านลงไปกับโครงการไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีได้เดินสายหาเสียง ปูทางสู่การสืบทอดอำนาจเป็นนายกนอกครรลองประชาธิปไตยผ่านงบประมาณภาษีของประชาชนต่อไป

 

           ในด้านการบ่อนทำลายอนาคต นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่รัฐบาล คสช.ได้มอบให้ไว้ต่อประชาชน ได้มีการวางสารพัดกับดักเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าภาคการเมืองและภาคประชาชนจะอ่อนแอ จนไม่สามารถเป็นปฏิปักษ์กับอำนาจเผด็จการได้ ด้วยการร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วม โดยมีสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 250 คนที่เป็นสมัครพรรคพวกของ คสช.มีอำนาจในการกำกับดูแล กลไกเหล่านี้ก็จะคอยปกป้องคุ้มครองระบอบคสช.ในดำรงอยู่ต่อไปอีกแสนนาน 
 
          พวกเราจึงเดินทางมา ณ ทำเนียบรัฐบาล ที่ซึ่ง คสช. ได้ยึดครองและใช้เป็นฐานมากว่า 4 ปี เพื่อที่จะบอกย้ำกับพวกเขาอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่จะเปล่งออกมาได้ ถึงจุดยืนของพวกเราว่า
 1.การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นภายในเดือนพ.ย. 2561 ตามที่ คสช. เคยให้คำมั่นไว้  2.คสช. จะต้องยุติความพยายามใดๆ ที่จะสืบทอดอำนาจหรือเข้ามามีบทบาทในทางการเมืองต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง  3.จะต้องยกเลิกประกาศและคำสั่งต่างๆ ของ คสช. ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมถึงประกาศหรือคำสั่งที่ขัดขวางการดำเนินการต่างๆ ของพรรคการเมืองเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งโดยทันที  4.คสช. จะต้องยุติการดำรงอยู่ของตัวเอง และเปลี่ยนสถานะของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลรักษาการทันที เพื่อสร้างหลักประกันในการจัดการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม โปร่งใส และปราศจากการแทรกแซงจาก คสช.  5.กองทัพจะต้องยุติการสนับสนุน คสช. ในทุกประการโดยทันที  

 

          การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะของพวกเราแต่เป็นการต่อสู้ระหว่างคสช. กับประชาชนชาวไทยทุกคน หาก คสช. ยังดันทุรังสืบทอดอำนาจต่อไป เราก็ขอถือว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยทุกคนดีจะร่วมกันแสดงพลังต่อต้านทุกวิถีทางตามบทบาทและความสามารถของแต่ละคน

 

  

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ