ข่าว

ปชป.ส่งสัญญาณเลือกตั้งส่อยืดปี63

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'นิพิฏฐ์' แฉคำสั่ง 53/2560 ส่อทำให้เลือกตั้งเลื่อนไปอีก 1 ปี อัด 'บิ๊กตู่' อย่าเหนียมให้ 'สมคิด' ใช้ทำเนียบเป็นที่ทำการดูดนักการเมือง

     เมื่อวันที่ 25 เมษายน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) 4 ฉบับที่จะใช้ในการเลือกตั้งทั่วไปนั้น คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามี 2 ฉบับที่ถูกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. แต่ข้อเท็จจริงแล้วมีอีก 1 ฉบับ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หลังจากมีการออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 สั่งให้ดำเนินการนอกเหนือจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดกรณีให้สมาชิกพรรคต้องมายืนยันตน ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระเกินสมควรแก่เหตุให้แก่สมาชิกพรรคการเมือง และเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ว่าคำสั่งหัวหน้าคสช.ดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญจริง จะทำให้คำสั่งนี้เป็นโมฆะ และเกิดปัญหาทางข้อกฎหมายว่าคสช.จะตัดสินใจทำอย่างไร จะบังคับใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองเดิมก่อนการแก้ไข หรือจะปรับปรุงพ.ร.ป.นี้ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

‘นิพิฏฐ์’แฉส่อยื้อเลือกตั้ง1ปี

     นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า คสช.มี 2 ช่องที่จะเดิน คือ 1.ปรับปรุงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยส่งกลับมาให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเกือบปี เพราะต้องย้อนกลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่การเสนอญัตติเข้าที่ประชุม สนช. วาระที่ 1-3 จากนั้นจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย โดยกระบวนการนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป หรือ 2.คสช.จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 สั่งให้ปรับปรุงแก้ไขพ.ร.ป.นี้ให้สอดคล้องตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งวิธีนี้จะใช้เวลาไม่นานเท่ากับการส่งให้สนช.แก้ไข แต่ยังมีผลกระทบต่อกำหนดการจัดการเลือกตั้งตามโรดแม็พเดือนกุมภาพันธ์ 2562

     “สิ่งเหล่านี้คือปาฏิหาริย์ทางกฎหมายที่คนส่วนใหญ่ยังคิดไม่ถึง ผมจึงบอกว่าข่าวจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หรืออุกกาบาตตกใส่ประเทศไทย ยังไม่น่ากลัวเท่าปาฏิหาริย์ทางกฎหมายที่คสช.จะเลือกใช้เพื่อยื้อการเลือกตั้งหรือไม่ และผมขอเรียกร้องให้สถาบันศึกษาวิชาการทางกฎหมายและอาจารย์คณะนิติศาสตร์ของสถาบันต่างๆ ร่วมกันติดตามและตรวจสอบประเด็นข้อกฎหมายเหล่านี้ เพราะเกี่ยวข้องกับการวางบรรทัดฐาน ทั้งการยกร่างและการบังคับใช้กฎหมายในไทย ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตของบ้านเมืองเรา ทั้งหมดอยู่ที่ความพอใจของคสช.ว่าเขาจริงใจที่จะกำหนดให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใดกันแน่” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

ปชป.ส่งสัญญาณเลือกตั้งส่อยืดปี63

อัดอย่าเหนียมใช้ทำเนียบดูดส.ส.

       นอกจากนี้ นายนิพิฏฐ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกฯ บอกไม่คิดตั้งพรรคทหารเพื่อดูดส.ส.ว่า การกระทำของนายกฯ ส่อเจตนาว่าจริงหรือไม่จริง แต่จิ้งจกในทำเนียบมันบอกว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เรียกใครไปพูดคุยบ้าง ก่อนหน้านี้เคยพูดไปแล้วว่าอย่าใช้ทำเนียบเป็นที่ทำการพรรคการเมือง แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้ว เพราะนักการเมืองที่ไปพบนายสมคิดมาบอกให้ฟัง บางคนมั่นคงก็ไม่ไป นายกฯ ต้องยอมรับความจริงว่านายสมคิดกระทำอย่างนั้น ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ถูกเรียกไป มีทั้งนักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น ถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าเกลียดแล้ว เพราะต้องทำอย่างตรงไปตรงมา ถ้าจะเข้าสู่การเมืองก็ยินดี แต่ควรเหนียมแบบพองาม แต่นี่จริตจะก้านเหนียมจนเกินงาม

 

บิ๊กตู่ยันไทยทำตามโรดแม็พ

        ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายปีร์กะ ตาปีโอละ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน นับตั้งแต่เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา และมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับข้อมติเกี่ยวกับประเทศไทย ทำให้ความร่วมมือระหว่าง 2 ฝ่ายในด้านต่างๆ กลับมามีพัฒนาการอีกครั้ง รวมทั้งในปลายปีนี้ยังได้ตอบรับเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมด้วย 

     ทั้งนี้ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอียู รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างอียูกับอาเซียน เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้ง 2 ภูมิภาคร่วมกัน สำหรับพัฒนาการทางการเมืองของไทยนั้น นายกรัฐมนตรีขอให้อียูไว้วางใจว่ารัฐบาลไทยยังเดินหน้าตามโรดแม็พและกรอบระยะเวลาของกฎหมาย นอกจากนี้จะให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อนำไทยกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน

ปชป.ส่งสัญญาณเลือกตั้งส่อยืดปี63

ฟิตเดินรอบทำเนียบกว่า2กม.

    ก่อนหน้านี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. และ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะทำงานได้เดินออกกำลังกาย โดยเริ่มเดินจากตึกไทยคู่ฟ้า ลัดเลาะไปยังโรงยิมสร้างใหม่ข้างตึกที่ 20 เยี่ยมชมห้องออกกำลังกาย ซึ่งมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาลกำลังเตรียมตัวเพื่อออกกำลังกาย

      จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินออกจากโรงยิม ออกทางประตู 5 ถนนราชดำเนินนอก เลี้ยวซ้ายไปยังถนนกรุงเกษมเลียบริมคลองผดุงกรุงเกษม โดยช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาเลิกงานจึงมีรถสัญจรเป็นจำนวนมาก ทำให้รถติดขัดเป็นบางช่วง นายกรัฐมนตรีจึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าปล่อยให้รถสัญจรตามปกติ ไม่ต้องปิดถนนแต่อย่างใด

      หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินเท้ามุ่งหน้าเข้าสู่ถนนนครสวรรค์เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพิษณุโลก ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ผ่านหน้าอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ และเดินเข้าประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกลับเข้าไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เดินเท้าไปกับนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ใช้รถเซกเวย์และขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตาม

สื่อแซวซ้อมเดินหาเสียง

     มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเดินออกนอกทำเนียบรัฐบาลโดยไม่มีการกำหนดเส้นทางล่วงหน้า ทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวลุ้นว่านายกรัฐมนตรีจะเดินไปตามเส้นทางใด อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่งระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินผ่านร้านขายก๋วยเตี๋ยวจึงแวะทักทายบรรดาแม่ค้าว่าขายดีหรือไม่ รวมทั้งเมื่อผ่านรถจักรยานยนต์รับจ้าง มีการสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผู้สื่อข่าวจึงถามนายกฯ ว่า เป็นการซ้อมเดินหาเสียงในการลงพื้นที่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ แค่หันมามองแล้วยิ้มๆ พร้อมชมผู้สื่อข่าวว่า “แข็งแรงมาก เดินกันไม่รู้จักเหนื่อย แต่เป็นผู้สื่อข่าวก็ต้องอึดและอดทน” โดยระยะทางที่นายกรัฐมนตรีเดินรวมทั้งหมดประมาณ 2.3 กิโลเมตร

     ผู้สื่อข่าวถามว่าเหนื่อยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบยอมรับว่า “เหนื่อย แต่ก็ต้องอดทน เป็นนายกฯ ต้องอดทน” เมื่อถามว่าจะแวะไปเยี่ยมห้องบัญชาการของผู้สื่อข่าวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะไปทำไม ไม่ต้องไปหรอก พร้อมหันมาบอกว่า “จะให้เราไปบัญชาการใคร”

      สำหรับการออกกำลังกายครั้งนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นการออกกำลังกายครั้งแรกของปี 2561 โดยครั้งล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้ออกกำลังกายเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการห่างหายจากการออกกำลังกายประจำวันพุธตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ปชป.ส่งสัญญาณเลือกตั้งส่อยืดปี63

มีชัยแจงม.44ระงับสรรหากสทช.

      นายมีชัย ฤชุพันธุ์​ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสมาชิกคสช. กล่าวถึงการออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 7/2561 ว่าด้วยการยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นั้น ว่า ที่ประชุมคสช.ได้ระบุถึงปัญหาที่เกิดกับกระบวนการสรรหา และจำเป็นต้องแก้ไข พ.ร.บ.กสทช. (ฉบับที่ 2) ใน 2 ประเด็น ส่วนรายละเอียดของบทบัญญัติที่จะแก้ไขนั้น ไม่ทราบ ขอให้สอบถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่ากระบวนการแก้ไขกฎหมายนั้น ต้องให้ กสทช.​ปรับแก้ก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และส่งให้ สนช.พิจารณาตามกระบวนการ ซึ่งตามพ.ร.บ.กสทช. ระบุว่า เมื่อกระบวนการสรรหาต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ต้องทำให้เสร็จภายใน 30 วัน หากไม่ระงับการสรรหาไว้ก่อน ปัญหาอาจจะเกิดซ้ำได้ และการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวอาจจะแก้ไขไม่ทัน แม้ตนจะเสนอในวงประชุม คสช.​ว่าให้ใช้การพิจารณาแบบ 3 วาระรวด เขาบอกอาจจะไม่ทัน จึงใช้คำสั่งมาตรา 44 ออกมาเป็นแนวทางให้ระงับไว้ก่อน

     นายมีชัย กล่าวอีกว่า ประเด็นที่เป็นปัญหาคือส่วนของการแปลความบทบัญญัติของคุณสมบัติ หรือรายละเอียดของบุคคลที่มีสิทธิเข้ารับการสรรหา ที่ตีความต่างไปจากบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อกำหนดให้บุคคลที่เคยทำหน้าที่ตำแหน่ง อธิบดีหรือเทียบเท่า สามารถเข้ารับสมัครได้ แต่กรรมการสรรหาตีความว่า ต้องเป็นตำแหน่งขององค์กรนิติบุคคล ทั้งที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนุญไม่ได้ระบุว่าให้เป็นนิติบุคคลหรือไม่ ขณะที่ประเด็นที่ สนช.อภิปรายในที่ประชุมต่อจำนวนบุคคลที่เสนอชื่อให้ สนช.ลงมติ ที่ต้องเสนอจำนวน 14 คน แบ่งเป็นด้านละ 2 คน แต่พบมีผู้ที่คุณสมบัติไม่ครบและมีลักษณะต้องห้ามทำให้จำนวนที่เสนอไม่ครบจึงตีกลับบัญชีรายชื่อ เพราะไม่มีตัวเลือก ทั้งนี้ตามหลักการไม่ทราบว่าสามารถแก้ไขกฎหมายกสทช.เพื่อปลดล็อกให้ส่วนที่ไม่มีปัญหาเดินหน้าไปก่อนได้หรือไม่

ยันนายกฯ-คสช.ไม่เกี่ยว

     เมื่อถามว่าควรแก้ปัญหากระบวนการสรรหา ที่มาจากการแปลความของบทบัญญัติกฎหมาย ด้วยการออกประกาศกรรมการสรรหากสทช.​ได้หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ แต่เชื่อว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ฐานะกรรมการสรรหา กสทช. ​ควรจะนำประเด็นที่ สนช.​อภิปราย ไปพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และทำความเข้าใจกับการสรรหาให้ชัดเจน หรือสอบถามมายังผู้ร่างรัฐธรรมนูญถึงการแปลความหมายก่อนกำหนดรายละเอียดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้ารับสมัครก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

     “จริงๆ การสรรหาไม่ได้พิสดารอะไร และเรื่องที่เกิดขึ้นจะไปโทษกรรมการสรรหาจนถึงขั้นเปลี่ยนตัวกรรมการไม่ได้ เพราะตามวิธีการของการให้ได้มาซึ่งกรรมการองค์กรอิสระทุกองค์กร สามารถใช้แมวมองเพื่อทาบทามบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเข้ามาสู่กระบวนการคัดเลือกได้ แต่ตอนนี้ที่เขาไม่ใช้ คงเป็นเพราะกังวลว่าจะถูกมองว่าเป็นคนของคนนั้นคนนี้” นายมีชัย กล่าว

     เมื่อถามว่าการที่ สนช.คว่ำการสรรหา กสทช. หรือกรณีกรรมการองค์กรอิสระอื่นๆ รวมทั้งกรณีคลิปเสียง ทำให้ถูกมองว่า คสช.ต้องการส่งคนของตัวเองมาดำรงตำแหน่งหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า เห็นว่าอ้างถึงนายกฯ เท่านั้น และนายกฯ ก็ปฏิเสธแล้วว่าไม่เกี่ยวข้อง รวมทั้งไม่เกี่ยวกับคสช. เพราะคสช. มีหน้าที่แก้ปัญหาที่ ครม.เสนอมา

ปชป.ส่งสัญญาณเลือกตั้งส่อยืดปี63

วิษณุชี้คนคิดได้ทุกอย่าง

     นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในคำสั่งดังกล่าวให้ระงับการสรรหาไปก่อน ไม่เช่นนั้นจะต้องดำเนินการสรรหาให้ได้ภายใน 30 วัน ซึ่งหากใช้กติกาเดิมจะเกิดปัญหามากมายตามมา เช่น ระยะเวลา 30 วันในชั้นคณะกรรมการสรรหาไม่เพียงพอต่อการตรวจสอบคุณสมบัติ เป็นต้น จึงควรแก้ไขวิธีการสรรหาก่อน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูว่าจะต้องแก้ระเบียบการสรรหาอย่างไร ถ้าไม่มีการแก้ไขปัญหาเดิมๆ จะกลับมาอีก ส่วนระยะเวลาการแก้ไขแม้ไม่ได้กำหนดไว้ แต่ก็ไม่มีอะไรชะงัก เพราะ กสทช.ชุดเดิมสามารถทำหน้าที่ต่อได้ และหากมีกรรมการ กสทช.ลาออก คนที่เหลือยังสามารถทำงานได้ เรื่องนี้คงต้องรีบแก้ไข เนื่องจาก กสทช.ชุดเดิมก็ไม่อยากรักษาการนาน

     เมื่อถามว่า ก่อนที่ สนช.จะมีมติคว่ำการสรรหา กสทช. เพราะรู้ปัญหาดังกล่าวก่อนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่ยอมรับว่าเป็นเหตุเป็นผลกัน เพราะมีการรายงานเข้ามาว่ามีปัญหาอะไร หากทิ้งไว้จะเกิดปัญหาอะไร ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเรื่องคุณสมบัติ แต่เป็นเรื่องวิธีการ โดยสนช.และ กสทช.คือผู้เห็นปัญหาดังกล่าว ส่วนมีการตั้งข้อสังเกตว่าที่ดึงระยะเวลา เพราะต้องการนำคนของตัวเองเข้าไปเป็น กสทช.ใช่หรือไม่นั้น ก็สามารถตั้งข้อสังเกตได้ทุกอย่าง ไม่ได้แปลกอะไร

จ่อรื้อคตช.ปรับโครงสร้าง

     นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีนายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ตั้งคำถามถึงคสช. เรื่องความจริงจังในการปราบทุจริต หลังไม่มีประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) มา 8 เดือนแล้วว่า ที่เขาแสดงความเห็นมาเรารับทราบ แต่อยากให้ทราบว่า คตช.เป็นฝ่ายนโยบาย เมื่อมีเรื่องถึงจะประชุม ถ้าไม่มีเรื่องไม่จำเป็นต้องประชุม และระหว่างที่ คตช.ไม่ได้ประชุม ศูนย์อำนวยการการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติของ คตช. ยังทำงานอยู่และมีการรายงานนายกฯ อยู่ตลอด เพียงแต่ไม่ได้รายงานออกสู่สาธารณชน

     นายวิษณุ กล่าวต่อว่า การประชุมคตช.จะมีเร็วๆ นี้ เพราะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม คสช. เพื่อหารือเรื่องการปรับโครงสร้าง คตช. เนื่องจากมีปัญหาในเชิงบริหาร คณะกรรมการที่แต่งตั้งตามคำสั่ง คสช.หลายคนมีการปรับเปลี่ยน บางคนไม่ได้แต่งตั้งโดยตำแหน่ง แต่แต่งตั้งโดยรายชื่อบุคคล เมื่อบางคนเกษียณอายุราชการไปแล้ว จึงต้องแต่งตั้งบุคคลอื่นเข้ามา ดังนั้น เมื่อมีการปรับโครงสร้างเสร็จจะมีการประชุมต่อไป ยืนยันไม่ชะงัก เพราะ ศอตช.ยังทำงานได้ ส่วนที่ถามว่ายืนยันหรือไม่ว่ารัฐบาลยังจริงจังในการปราบคอร์รัปชั่นนั้น รัฐบาลจริงใจ เพราะเน้นย้ำ ศอตช.ให้ทำงานหนักทุกวัน และคสช.ติดตามระหว่างไม่มีการประชุมว่าคตช.มีอะไรสะดุดหรือไม่ ส่วนจะแต่งตั้งบุคคลใดเข้ามาบ้างขึ้นอยู่กับหัวหน้า คสช.

ปชป.ส่งสัญญาณเลือกตั้งส่อยืดปี63

อัด‘วัชระ’มีความผิดพูดเท็จ

     นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบเอาผิดนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่อ้างว่ามีการระดมเงิน 4 หมื่นล้านบาทตั้งพรรคทหาร ว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจมองว่าไม่ใช่เรื่องจริง จึงอาจทำให้คนเข้าผิด จึงต้องไปดูว่าผู้พูดมีเจตนาอะไรที่เอาเรื่องไม่จริงมาพูด เพราะเมื่อนายวัชระอ้างตัวเลข 4 หมื่นล้านบาทได้ คนอื่นก็สามารถพูดโดยไม่มีมูลความจริงได้เช่นกัน และการพูดโดยไม่มีมูลความจริงออกผ่านสื่อสาสาธารณะนั้นก็ย่อมมีความผิด

      เมื่อถามว่าจะเอาผิดนายวัชระอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้เป็นคนคิดว่าจะเอาผิดหรือตั้งข้อหา และนายกฯ ก็เพียงแต่ให้เจ้าหน้าที่ไปช่วยดู ส่วนจะเป็นการดิสเครดิตก่อนการเลือกตั้งหรือไม่นั้น อาจไม่ถึงขนาดนั้น แต่อาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ และลือกันไปต่างๆนานา เหมือนกับที่ปัจจุบันมีการส่งต่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงมากมาย ซึ่งจะทำให้คนเกิดความเชื่อ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่หากพิสูจน์ข้อเท็จจริงก็อาจจะเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ได้ เช่น ถ้าเราตบหน้าคนเฉยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ถ้าเราตบหน้าเพื่อดิสเครดิตทางการเมือง ก็จะเป็นเรื่องการเมือง

ท้า“บิ๊กตู่”สาบานวัดพระแก้ว

    ด้านนายวัชระ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าเตรียมจะฟ้องร้องนายวัชระที่เปิดเผยว่ามีการระดมทุน 4 หมื่นล้านบาท เพื่อตั้งพรรคการเมืองมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ว่า พล.อ.ประยุทธ์คงฟังความไม่หมด เพราะบอกว่าได้รับข่าวที่ว่ามีการระดมทุนสำหรับการจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนทหาร ซึ่งตั้งเป้าให้ได้ 4 หมื่นล้านบาท แต่ไม่ได้กล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ จึงอยากเสนอให้ไปตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะคนในรัฐบาลอาจเกี่ยวข้องกับการระดมทุนหรือไม่

     “พล.อ.ประยุทธ์กล้าสาบานต่อวัดพระแก้วใน 7 วันหรือไม่ว่าไม่มีการใช้ทำเนียบรัฐบาลพูดคุยกันเรื่องการตั้งพรรคการเมือง ในเมื่อท่านขู่ว่าจะฟ้องร้องผมและสื่อมวลชน ผมพร้อมต่อสู้คดีตามกระบวนการ เพราะมีความสุจริตใจในการให้ข้อมูล และหวังดีต่อท่าน ไม่อยากให้ท่านเป็นนายกฯ ต่อ อยากให้พอแล้ว เพราะท่านไม่ทันนักการเมืองที่ฉ้อฉลแน่นอน” นายวัชระ กล่าว

    นายวัชระ กล่าวย้ำว่า ส่วนการที่ได้แจ้งเรื่องการทุจริตต่างๆ ถือเป็นการทำหน้าที่ของนักการเมืองและประชาชน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เชิญชวนให้ประชาชนแจ้งเบาะแสการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงได้ทำหนังสือแจ้งเรื่องทุจริตไปกว่า 10 เรื่องไปยังรัฐบาล แต่ไม่มีคำตอบกลับมา

เชื่อไร้ใบสั่งปมล้มกระดาน

     ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.วิทวัส รชตะนันท์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสนช.ไม่เห็นชอบให้นางภรณี ลีนุตพงษ์ เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอว่า กรรมาธิการตรวจสอบประวัติของ สนช.คงมีเหตุผลรวมถึงข้อมูลในการพิจารณา ซึ่งก็ถือว่าเป็นดุลพินิจของสนช. ทั้งนี้ มองว่าการสรรหาใหม่ที่จะเกิดขึ้นนั้น ถ้ามีการประชาสัมพันธ์เรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะมาทำหน้าที่ของผู้ตรวจฯ ที่ระบุว่าต้องมีความรู้เรื่องกิจการสาธารณะไม่น้อยกว่า 20 ปี ก็น่าจะเป็นประโยชน์ และอาจจะทำให้มีผู้สนใจเข้ามาสมัครมากขึ้น

    ส่วนกรณีที่มีการล้มการสรรหาองค์กรอิสระหลายองค์กรนั้น มองว่าผู้มีหน้าที่ก็คงพิจารณาดีแล้ว และเป็นไปด้วยความตั้งใจดีที่อยากให้ได้คนดีเข้ามาทำหน้าที่องค์กรอิสระ ทั้งนี้ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องของใบสั่ง เพราะจากที่ได้รู้จักผู้ทำหน้าที่กรรมการตรวจสอบประวัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการองค์กรอิสระ สนช.แต่ละคนมีความตรงไปตรงมา เชื่อว่าการตัดสินใจของกรรมการตรวจสอบอยู่บนพื้นฐานปราศจากอคติ อย่างไรก็ตามเห็นว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระต้องซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม ถ้าไม่มีความเสียหายก็จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เฉพาะองค์กรอิสระแต่จะเกิดปัญหาทั้งประเทศ

ชี้ทำไมเพิ่งคิด-ดึงนักการเมือง

     ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายภราดร ปริศนานันทกุล อดีตส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีกระแสพลังดูดของรัฐบาลทหารที่เอานักการเมืองเข้ามาทำงานกับรัฐบาล ว่า การแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม และนายอิทธิพล คุณปลื้ม จากพรรคพลังชล เข้าร่วมทำงานในรัฐบาลนั้น เห็นด้วยกับความเห็นของนายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตรมช.คมนาคม ได้พูดไว้ว่าเห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีเห็นประโยชน์ของฝ่ายการเมือง เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าการทำงานระหว่างทหารกับประชาชนนั้นมีช่องว่างอยู่มาก ต้องยอมรับว่าการทำงานระหว่างทหาร นักการเมือง และประชาชน มีความแตกต่างกัน โดยที่การทำงานแบบทหารจะรับฟังการรายงานจากข้าราชการเป็นส่วนใหญ่ซึ่งข้อมูลถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่การทำงานของนักการเมืองเขาอยู่กับประชาชน เขาใกล้ชิดประชาชนและรับฟังปัญหาจากประชาชน เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาของนักการเมืองจึงแก้ไขได้ถูกจุดมากกว่า เพราะเขารู้ปัญหาของชาวบ้านมากกว่า

     “การเอาฝ่ายการเมืองเข้าไปเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลเอง ผมเชื่อว่าสุดท้ายน่าจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลในการเข้าถึงความต้องการของประชาชนในมุมมองของนักการเมืองได้มากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องย้อนถามคือ ทำไม 4 ปีแล้วเพิ่งจะมาให้ความสำคัญกับนักการเมือง ทำไมเพิ่งเห็นความสำคัญ ทั้งที่ตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมาคสช. หรือรัฐบาล พยายามนำเสนอต่อประชาชนว่านักการเมืองเป็นคนเลว นักการเมืองส่วนใหญ่ทุจริต แต่สุดท้ายแล้วจะเห็นว่าสิ่งที่กล่าวหามาทั้งหมด สิ่งที่พูดมาทั้งหมดนั้นมันก็เป็นแค่ส่วนเดียว ดังนั้นน่าจะเป็นทิศทางที่ดีขึ้นสำหรับฝ่ายการเมืองกับผู้ที่มีอำนาจ แต่ที่จะติงคือทำไมเพิ่งมาคิดทำ” นายภราดร กล่าว

ปชป.ส่งสัญญาณเลือกตั้งส่อยืดปี63

เด็กพท.ยันส.ส.เหนือยังเหนียว

     นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการดึงตัวอดีตส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ ไปร่วมงานกับพรรคของรัฐบาลว่า ในส่วนของอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยในภาคเหนือไม่มีการถูกทาบทาม เพราะถึงแม้จะมาดูดก็คงไม่มีใครไป ไม่มีข่าวทั้งในส่วนของภาคเหนือตอนบนและภาคเหนือตอนล่าง ส.ส.ทุกคนยังคงยืนยันชัดเจนว่ายังเหนียวแน่นอยู่กับพรรคเพื่อไทย ส่วนที่นายกฯ ระบุจะเป็นตัวกลางพาทุกฝ่ายนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยนั้น มองว่าหากเราเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คนกลางซึ่งเป็นคนที่ยึดอำนาจเข้ามาจัดการปัญหา เพราะประชาชนเขาจะเป็นคนตัดสินใจเอง ทั้งนี้ หากพล.อ.ประยุทธ์จะเข้ามาเป็นนายกฯ ต่อก็ควรเข้ามาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย หรือครบ 4 ปีนี้ก็ควรวางมือได้แล้ว

ปชป.ส่งสัญญาณเลือกตั้งส่อยืดปี63

จัดระเบียบผู้พันทั่วประเทศ

    วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบกที่ 250/2561 เรื่องให้นายทหารรับราชการ และปรับระดับเงินเดือน จำนวน 169 นาย โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อนและลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ. 2501 หมวด 2 ข้อ 5 (2) ซึ่งมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ มีตำแหน่งที่น่าสนใจ อาทิ พ.ท.พงศกร เพียรมาก ผบ.พัน.รร.สห.สห.ทบ. เป็นผบ.พัน.สห.12, พ.ท.ณัฐภัทร ม่วงกล่ำ ผบ.ร.9 พัน.3 เป็น ผบ.พัน.ร.มทบ.11, พล.ท.วีรวัฒน์ สุนทรพรม หน.ฝขว.พล.ร.9 เป็น ผบ.ร.9 พัน.3, พ.ท.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ร.12พัน.2 รอ. เป็น ผบ.ร.12 พัน.3 รอ., พ.ท.ภาณุ ขวัญสุวรรณ รองเสธ.ร.12 รอ. เป็น ผบ.ร.1 พัน.2 รอ.

     พ.อ.ไชยปราการ พิมพ์จินดา เสธ.ร.21 รอ. เป็น รองผบ.ร.21 รอ., พ.อ.สมพร โตภาพ รองเสธ.พล.ร.2 รอ. เป็น เสธ.ร.21 รอ., พ.ท.อภิชัย จูสนิท ผบ.ร.12พัน.1 รอ., เป็น เสธ.ร.12 รอ., พ.ท.พรพิสุศ์ บุญรอด หน.ฝกพ.พล.ร.2 รอ. เป็นผบ.ร.12 พัน.1 รอ., พ.อ.สุทัศน์ ยุทธภีมพล รองผอ.กกบ.ทน.1 เป็น ผบ.กรม ทพ.13, พ.ท.สมเจตน์ ผลประเสริฐ รองผบ.กรม ทพ.12 เป็น ผบ.ม.พัน.30 พล.ร.2 รอ., พ.อ.สิทธิชัย พร้อมเจริญ เสธ.ป.2 รอ. เป็น รองผบ.ป.2 รอ., พ.ท.บดินทร์ อุปสาร ผบ.ม.6พัน.21 เป็น ผบ.ม.6 พัน.6

    พ.ท.ไมตรี สุวะไกร หน.ฝขว.พล.ร.6 เป็น ผบ.ร.6 พัน.2, พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย ผบ.กรม ทพ.26 เป็น เสธ.ร.3, พ.ท.ธานินทร์ ดมหอม ผบ.ร.23 พัน.1 เป็น ผบ.กรม ทพ.26, พ.อ.สุพรเทพ ไชยยงค์ เสธ.ร.8 เป็นผบ.กรม ทพ.22, พ.ท.ใหญ่ยิ่ง หาญสุทธิธรรม ผบ.ร.8 พัน.1 เป็น เสธ.ร.8, พ.ท.อภิวัชร์ ชารีโคตร หน.ฝขว.พล.ร.3 เป็น ผบ.ร.8 พัน.1, พ.อ.ไกรพินิช วาเล็กบุตร ผบ.ร.7 พัน.5 เป็น ผบ.กรม ทพ.36, พ.ท.สืบสกุล ชมภูนุช ผบ.พัน.ร.7 พัน.2 เป็น ผบ.ร.7 พัน.5, พ.ท.กฤตินันท์ นิโลบล หน.ฝขว.พล.ม.1 เป็นผบ.ม.2 พัน.7

พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ เสธ.ร.14 เป็น ผบ.กรม ทพ.35, พ.ท.ชนกานต์ แสงศร ผบ.ร.4 พัน.2 เป็น เสธ.ร.14, พ.ท.วรัญชิต หลักหาญ หน.ฝกบ.พล.ร.4 เป็น ผบ.ร.4 พัน.2, พ.อ.วีระวัตร คำคุณ เสธ.รพศ.2 เป็นรอง ผบ.รพศ.2, พ.อ.สถาพร ชูศรี ฝยก.นสศ. เป็น เสธ.รพศ.2, พ.อ.สมพงษ์ สุขประดิษฐ์ รองเสธ.พล.ม.2 รอ. เป็น รองผบ.ม.4 รอ., พ.ท.ปรีดา ปรีดานันต์ หน.ฝกร.พล.ม.2 รอ. เป็น ผบ.ม.1 พัน.1 รอ. เป็นต้น

(ข่าวหน้า1 นสพ.คมชัดลึก)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ