ข่าว

"บิ๊กตู่" โต้ "มาร์ค" ไม่ได้เป็นเครื่องดูด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กตู่" โต้ "มาร์ค" ไม่ได้เป็นเครื่องดูด แจง ห้าม "นักธุรกิจ" หนุน "พรรคการเมือง" ถ้ากม.ห้ามก็ทำไม่ได้อยู่ดี

           เมื่อวันที่ 24 เม.ย.61 เวลา 14.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า คสช.เดินสายใช้พลังดูดกับอดีตนักการเมืองโดยใช้ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นตัวล่อ

            โดย พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมบอกแล้วว่า ผมไม่ใช่เครื่องดูดอากาศ หรือ เครื่องดูดฝุ่น เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่า ข้อกล่าวหาที่ว่า คสช. หรือรัฐบาลนี้จะไปบังคับคนนั้นคนนี้ บังคับนักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน ผมจะเอาอำนาจอะไรไปบังคับเขาเหล่านั้น ดังนั้น คำพูดดังกล่าวก็เป็นเรื่องของท่านเอง การที่บอกว่า นักธุรกิจจะต้องสนับสนุนสิ่งต่างๆให้กับนักการเมืองและพรรคการเมืองนั้น ควรไปดูข้อกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ เพราะถ้ากฎหมายระบุว่าทำไม่ได้ ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เรื่องนี้ ไม่ต้องไปห้ามใครเขา และเรื่องเหล่านี้ก็มีการตรวจสอบกันอยู่แล้ว"

           ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่า "ตระกูลชิดชอบ"จะเป็นกลุ่มรายต่อไปที่ คสช.และรัฐบาลจะดูดเข้ามาเป็นพรรคพวก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ทุกคนไปใช้คำดังกล่าว ตามที่นักการเมืองพูดออกมา เพราะการที่จะกล่าวว่าใครดูดใคร ก็ต้องไปดูว่า ผลงานของพรรคการเมืองของเขาที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีการดูแลสมาชิกพรรค ส.ส.ทุกคนมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นและนำความต้องการของประชาชนไปสู่การขับเคลื่อนของพรรคหรือไม่ ในขณะที่พรรคอื่นเป็นรัฐบาล หรือไม่ได้เป็น ได้ให้ความสำคัญกับสมาชิกที่เป็นลูกพรรคหรือไม่แค่ไหน หรือให้ความสำคัญไม่เพียงพอ

          "ผมเข้าใจว่านักการเมืองทุกคน อยากเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง แต่ก็มักไปติดที่นโยบายพรรค นโยบายหัวหน้าพรรค หรือผู้สนับสนุน แต่ยืนยันว่า คสช. ไม่มีใครมีบทบาทเหนือตรงนี้ เราสามารถที่จะทำงานทุกอย่าง อย่างเป็นอิสระ ดังนั้นขอให้กลับไปดูที่ผลงาน ใครจะดูดหรือถูกดูดก็เป็นเรื่องของเขา และขอให้ไปดูแลสมาชิกของท่านให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ผมเคยฟังนักการเมืองพูดว่า การเข้ามาทำงานให้ประเทศสำหรับพรรคการเมืองที่ได้เข้ามาเป็นรัฐบาลก็อยากจะทำงานให้ครบตลอด 4 ปี ตามอายุรัฐบาล แต่ก็ทำไม่ได้มากนัก ช่วง 2 ปีแรกก็เริ่มทำงานได้ดีอยู่ แต่หลังจากปีที่ 2 ไปแล้ว มันทำไม่ค่อยได้ เพราะต้องเตรียมตัวยุบสภา เขาพูดกับผมแบบนี้เลย เพราะฉะนั้นเขาอาจจะต้องทำอะไรต่างๆ ตามแนวทางนโยบายของพรรคและหัวหน้าพรรค ซึ่งมันไม่ถูกต้อง การที่จะเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะมากหรือน้อย จะต้องร่วมมือให้ได้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ต้องดูแลทั้งสองฝ่าย บอกแล้วไงว่า ประชาธิปไตย คือต้องปฏิบัติตามเสียงส่วนใหญ่ ขณะเดียวกัน ก็ต้องดูแลเสียงส่วนน้อย ซึ่งเป็นฝ่ายค้านด้วย ว่าจะทำอย่างไรให้พื้นที่ และประชาชนในพื้นที่ของฝ่ายค้านได้ประโยชน์ด้วย ก็จะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งการกระจายรายได้ ที่ผ่านมาก็มีการโทษกันไปมา ว่ารัฐบาลนี้รัฐบาลนั้นตัดงบประมาณในพื้นที่ต่างๆ ที่ไม่ใช่ของตัวเอง ที่ผ่านมาการลงพื้นที่เดินสายหาเสียงยังทำไม่ได้เลย แล้วมันจะพัฒนาประเทศได้อย่างไร" นายกฯ กล่าว
 

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนท้ายว่า อยากขอร้องว่า รัฐบาลหน้าไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาลก็ต้องร่วมมือกันในกิจการที่จะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ประชาชนทั้งประเทศได้ประโยชน์ ไม่ใช่ได้ประโยชน์เฉพาะพื้นที่ที่เป็นฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว ตนตั้งใจแบบนี้ในการที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ทุกคนที่เข้ามาทำงานการเมือง ไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งสิ้นจะเลือกตั้งเมื่อไหร่มันอยู่ที่ว่าเราจะบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไรให้โปร่งใส เป็นธรรม ไม่เช่นนั้นก็จะมีการซักฟอกคัดค้านอภิปรายกันไปเรื่อย เหมือนที่ผ่านมาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้สักอย่าง คสช. และรัฐบาลเข้ามาทำงานตรงนี้ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร รัฐบาลเป็นเหมือนคนกลางที่เข้ามาในสถานการณ์วันนี้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลนี้ก็จะต้องอยู่ตรงกลาง และทำทุกอย่างไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านในวันข้างหน้าก็จะต้องร่วมมือกันให้ได้ รัฐบาลมุ่งหวังเพียงเท่านั้น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ