ข่าว

ปชป.แฉคนมีอำนาจทุ่มสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหาร-ดูดส.ส.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"มาร์ค"แฉคนมีอำนาจบีบภาคธุรกิจห้ามหนุนพรรคใด "วัชระ"ขย่มซ้ำพบระดมสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหารสืบทอดอำนาจ."วิษณุ"ขู่พรรคการเมืองเมินถกคสช.ระวังตกขบวน 

 

     เมื่อวันที่ 23 เมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า นอกจากจะได้ยินเรื่องดึงพรรคพลังชลก่อนหน้านี้แล้วยังได้ยินเรื่องกระบวนการของรัฐ คนที่มีอำนาจรัฐจะมาเล่นการเมือง ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงส.ส. แต่อาจใช้สถานะตรงนั้นในการติดต่อภาคธุรกิจ ส่งสัญญาณว่าไม่ควรสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใด ซึ่งคิดว่าการกระทำลักษณะดังกล่าวไม่ต่างจากหลายระบอบที่ต่อสู้ในอดีต และคิดว่าขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้ผู้มีอำนาจขณะนี้ยุ่งกับการเมือง หรือไม่มีส่วนได้เสียในการเลือกตั้งต่อไป

 

แฉคนมีอำนาจระดม4หมื่นล้าน

    “ผมได้ยินมาอีกว่าตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรียังเสนอให้หลายคนหลายพรรค เสนอตำแหน่งไม่ใช่เพียงตระกูลสะสมทรัพย์ แต่ประชาธิปัตย์ก็เสนอเช่นกัน และคิดว่าเป้าหมายของพรรคนี้จะต้องได้รับเสียงพอสมควร อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 25 เสียง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

    ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า เคยแถลงไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามีความพยายามระดมเงินสี่หมื่นล้านบาทเพื่อจัดตั้งพรรคทหารสืบทอดอำนาจ ซึ่งได้บอกผู้ใหญ่ในพรรคแต่ผู้ใหญ่ในพรรคไม่เชื่อ แต่ปัจจุบันข่าวก็ออกมาเป็นระยะว่ามีการระดมเงินจำนวนมากเพื่อดูดส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ ให้ไปสนับสนุนพรรคการเมืองของทหาร

ชทพ.ทำบุญครบรอบ 2 ปีบรรหาร

     ที่ศาลาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จ.สุพรรณบุรี ครอบครัว “ศิลปอาชา” คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา น.ส.ภัคณีรัศ ศิลปอาชา และนายวราวุธ ศิลปอาชา พร้อมด้วยสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา อาทิ ธีระ วงศ์สมุทร นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายนิกร จำนง นายประภัตร โพธสุธน นายจองชัย เที่ยงธรรม นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ นายนพดล พลเสน นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล นายเสมอกัน เที่ยงธรรม นายยุทธพล อังกินันทน์ นายสรชัด สุจิตต์ นายนพดล มาตรศรี นางอรนุช จินตะเวช น.ส.ตวงทิพย์ จินตะเวช นายศักดิ์ชัย จินตะเวช ว่าที่ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร นายบุญลือ ประเสริฐโสภา พร้อมด้วย นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นักธุรกิจ ประชาชน ได้ทำบุญครบรอบ 2 ปี นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคหอบหืดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2559

ปชป.แฉคนมีอำนาจทุ่มสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหาร-ดูดส.ส.

     นายวราวุธ​ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะมุ่งมั่นทำงานการเมืองไทยต่อไป การเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องมีหัวหน้าหรือกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ สมาชิกจะเป็นคนตัดสิน ตนในฐานะหนึ่งในร่มเงาของชทพ.ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้า เพราะถึงอย่างไรศิลปอาชาก็จะอยู่กับชทพ.ตลอดไป พวกเราทุกคนรวมไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาจะมุ่งมั่นต่อสนามการเมืองเพื่อพัฒนาให้พรรคเป็นอีกหนึ่งเสาหลักและเป็นความหวังของสังคมไทยในการเมืองยุคใหม่ ส่วนกรณีที่มีนักการเมืองเข้าไปร่วมกับรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น มองว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีเพราะตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สังคมได้เห็นแล้วว่าการบริหารงานของคสช.อาจจะตรงแบบทหารทำให้ไม่มีความยืดหยุ่นในการแก้ปัญหารากหญ้า การที่นายกฯ มีนักการเมืองเข้าไปช่วยให้คำปรึกษา รัฐบาลจะได้เข้าถึงประชาชนว่ามีความต้องการหรือมีความเดือดร้อนเช่นไร จะได้เห็นภาพจริงๆ มากกว่าคนอื่นมาเล่าให้ฟัง

 

‘วราวุธ’เมินคนมองขายตัวรบ.

     เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ที่มองว่าเป็นการขายตัวให้รัฐบาลคสช.หรือไม่นั้น นายวราวุธ กล่าวว่า คิดว่าแล้วแต่มุมมอง มองดีก็มองได้ มองไม่ดีก็ได้ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวเรือใหญ่ที่นำเรือออกทะเลไปแล้ว วันนี้เราไม่สามารถเปลี่ยนเรือได้ แต่สามารถเปลี่ยนวิธีการทำงานของเรือลำได้ การปรับเปลี่ยนเช่นนี้จะทำให้เรือไปถึงฝั่งด้วยความเข้มแข็ง ส่วนจะเป็นการต่างตอบแทนหรือสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อหรือไม่ คิดว่าท้ายที่สุดตัวเลขหลังการเลือกตั้งจะเป็นตัวตัดสินว่าการฟอร์มรัฐบาลจะเป็นอย่างไร วันนี้ได้แต่คาดการณ์ ยังไม่มีใครถามนายกฯ ว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ดังนั้นคิดว่านาทีนี้ไม่ใช่ผลประโยชน์ต่างตอบแทน แต่เป็นการเพิ่มศักยภาพการทำงานของรัฐบาลมากกว่า ส่วนเรื่องการดูดส.ส.ก็เป็นเรื่องปกติของการเลือกตั้ง มีออกและมีเข้า มีเข้าและมีออกอยู่ตลอด แต่ที่แน่ๆ ชทพ.จะปักธงบนแผนที่ของประเทศไทยทุกภาคหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน

    นายวราวุธกล่าวด้วยว่า ในฐานะที่เป็นนักการเมืองยังคาดหวังว่าโรดแม็พการเลือกตั้งจะเป็นไปตามที่รัฐบาลได้วางไว้ คือกุมภาพันธ์ 2562 ขณะเดียวกันการยืนยันความเป็นสมาชิกภาพของชทพ.รวมไปถึงการเตรียมการต่างๆ อาทิ ทุนประเดิม 1 ล้านบาท หรือการเตรียมผู้สมัครในแต่ละพื้นที่แล้ว ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็ขยับแล้วเช่นกันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่กำลังจะมาถึง

 

“อนุทิน” เชื่อไม่มีใครดูดภูมิใจไทย

    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมงานทำบุญครบรอบ 2 ปี นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า นายบรรหาร ถือเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่นักการเมืองทุกคนเคารพ จึงถือเป็นความจำเป็นที่ต้องเดินทางมาร่วมงานทำบุญดังกล่าว อย่างไรก็ตามการเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ไม่มีนัยใดทางการเมือง เพราะพรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด

    ส่วนกรณีมีข่าวระบุว่าสมาชิกของพรรคชาติไทย อาทิ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีตส.ส.พิจิตร จะไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยนั้น ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนพูดคุยเพราะมีบุคคลที่นำรายละเอียดมาบอกให้ทราบว่านายศิริวัฒน์จะเข้ามาเป็นผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ อย่างไรก็ตามกระแสข่าวการดึงตัวส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น จากการลงพื้นที่พบปะกับอดีตส.ส. และผู้สมัครหน้าใหม่ ยังมั่นใจว่าจะอยู่กับพรรคต่อไป

ปชป.แฉคนมีอำนาจทุ่มสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหาร-ดูดส.ส.

ยันครม.สัญจรไม่มีนัยการเมือง

    เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. เตรียมนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประชุมนอกสถานที่ที่ จ.บุรีรัมย์ และจ.สุรินทร์ ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เชื่อว่าไม่มีนัยใดทางการเมืองเพราะทราบว่าเป็นการเตรียมการประชุมไว้ล่วงหน้านานหลายเดือน โดยฐานะที่เป็นคนในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมต้อนรับ โดยไม่เกี่ยวและขออย่าให้โยงไปเป็นประเด็นทางการเมือง ทั้งนี้กรณีที่ลงพื้นที่จ.บุรีรัมย์ ที่คณะของพล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าไปดูการเตรียมความพร้อมของการจัดแข่งขันมอร์เตอร์จีพี ที่สนามบุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นเนล เซอร์กิต ที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษาโครงการสนามรถแข่งรับผิดชอบ ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนกรณีที่มีผู้คาดการณ์ว่าอาจจะเป็นการพูดคุยเพื่อเตรียมดึงตัวไปร่วมงานรัฐบาลนั้น เชื่อว่านายเนวิน ฐานะประธานที่ปรึกษาโครงการคงทำหน้าที่ในขณะนี้อย่างมีความสุขอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามที่มีหลายคนคาดว่าคนของพรรคภูมิใจไทยอาจจะถูกทาบทามไปร่วมงานรัฐบาลนั้นไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าดึงคนของพรรคไปแน่

“พลังพลเมืองไทย”ถกแนวทาง

    ที่บ้านพักย่านราชวิถี นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมแกนนำพรรคพลังพลเมืองไทย อาทิ นายโสภณ เพชรสว่าง อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ อดีตสภาผู้แทนราษฎร นายเกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์ อดีตรมช.มหาดไทยนายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย นายเอกพร รักความสุข อดีตรมช.แรงงานและสวัสดิการสังคม จัดการหารือก่อนการประชุมใหญ่ในวันที่ 29 เมษายน

    นายสัมพันธ์ กล่าวแนะนำสมาชิกของพรรคก่อนแถลงว่า นโยบายของหลักคือต้องการเข้ามาลดความขัดแย้ง ลดความเหลื่อมล้ำ เพราะที่ผ่านมา พรรคการเมืองมีปัญหาเรื่องการบริหาร การทุจริตก็มีส่วน ดังนั้นพวกเราที่มารวมกันวันนี้เราตั้งใจว่าจะมาเป็นฝ่ายตรวจสอบ ถ้ามีโอกาสเลือกได้ เราต้องการเป็นฝ่ายค้านเพื่อที่จะทำงานในฐานะผู้แทนราษฎรให้พี่น้องประชาชน เราไม่สนใจเรื่องฝ่ายบริหาร เพราะเสียงเราน้อย อย่างไรก็ตาม ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือความฉ้อฉล ถ้าเราตรวจสอบให้ชัดเจน ปัญหาความขัดแย้งจะลดเบาลงไป

ลั่นขอเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐ

    “นอกจากนี้เราอยากเชิญชวนเพื่อนๆ มาร่วมพรรคเรา ไม่ว่าพรรคเหล่านั้นจะเป็นของฝ่ายไหนก็แล้วแต่ เรามีที่นั่งให้ เรามาใช้ความคิดและมาต่อสู้ร่วมกัน ถ้าเป็นไปได้อยากเชิญชวนพรรคที่ก่อตั้งสำเร็จแล้วทั้งที่เป็นพรรคใหม่และพรรคเก่าแก่ ถ้ามีอุดมการณ์ตรงกันกับเรา แล้วอยากมาเป็นฝ่ายตรวจสอบ มารวมกันเป็นสหพรรค เพื่อต่อสู้พรรคการเมืองที่คิดว่าจะเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งฝ่ายที่กำลังล่าส.ส. และฝ่ายที่กำลังตั้งพรรคใหม่ กลุ่มทุน” นายสัมพันธ์ กล่าว

    เมื่อถามว่าจุดดึงดูดของพรรคพลังพลเมืองไทยที่จะทำให้กลุ่มต่างๆเข้ามาร่วมด้วยคืออะไร นาสัมพันธ์ กล่าวว่า การเป็นฝ่ายตรวจสอบ เนื่องจากทุกวันนี้การตรวจสอบของเราอ่อนแอ หน่วยงานตรวจสอบสูงสุดของประเทศ อาทิ ป.ป.ช.ก็ยังไม่เป็นที่เชื่อถือของประชาชน

ส่วนพรรคพลังพลเมืองไทยสนใจที่จะร่วมพูดคุยกับพรรคของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หรือไม่ นายสัมพันธ์ กล่าวว่า ก็ยินดีที่จะพูดคุยเพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อพูดคุยกันแต่อย่างใด

ปชป.แฉคนมีอำนาจทุ่มสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหาร-ดูดส.ส.

“วิษณุ”ขู่ไม่ถกคสช.ระวังตกขบวน

    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ฝ่ายการเมืองแสดงความไม่แน่ใจต่อประเด็นที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เชิญพรรคการเมืองไปพูดคุยในเดือนมิถุนายนนี้ ว่ายังไม่ต้องรู้ ตอนนี้ยังไม่เข้าเดือนพฤษภาคม ขอให้รอก่อน ถ้ารู้เร็วก็จะออกมาปฏิเสธหรือด่าทอกันเร็ว และจะเสียบรรยากาศ เมื่อถึงเวลาก็จะเห็นเองว่ามีความจำเป็นต้องมา มิฉะนั้นจะตกขบวน

    เมื่อถามว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่าการพูดคุยดังกล่าวจะไม่เกิดประโยชน์และพรรคเพื่อไทยจะไม่เข้าร่วมนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า “รอดูตอนนั้นดีกว่า แล้วจะรู้ว่าประโยชน์มี”

ปชป.แฉคนมีอำนาจทุ่มสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหาร-ดูดส.ส.

ขอยืดเวลายืนยันสมาชิกอีก1เดือน

     ขณะที่นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากได้ตรวจสอบการขึ้นทะเบียนยืนยันสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์หลายจังหวัด พบว่าสมาชิกร้องเรียนว่าเสียดายโอกาสที่มีเวลาน้อยในการจะยืนยันการเป็นสมาชิก เพราะช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ต่างติดภารกิจกิจกรรมส่งเสริมความสุขภายในครอบครัว ซึ่งหลังเทศกาลสงกรานต์อีกไม่กี่วันก็จะหมดเขตการยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคในวันที่ 30 เมษายนนี้แล้ว

    “อยากเสนอหัวหน้าคสช.ให้โอกาสประชาชนได้มีเวลายืนยันสมาชิกพรรคออกไปอีก 1 เดือน เพราะไหนๆ เวลานี้ก็ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เตรียมตั้งพรรคการเมืองใช่หรือไม่ การยืดระยะเวลาการยืนยันสมาชิกเดิมของสถาบันการเมืองอื่นๆ น่าจะเป็นการโชว์สปิริตในฐานะลูกผู้ชาย” นางมัลลิกา กล่าว

พท.สวน“วิษณุ”พวกคิดไปเอง

    วันเดียวกัน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุพรรคการเมืองยังไม่ต้องรู้ว่ารัฐบาลจะเรียกคุยในประเด็นอะไร เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นว่าจำเป็นต้องมา ไม่อย่างนั้นจะตกขบวน ว่าพรรคเพื่อไทยยึดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ท่านทั้งหลายเป็นผู้เขียนขึ้น ซึ่งอำนาจในการกำหนดวันเลือกตั้งและกระบวนการต่างๆ เป็นหน้าที่ของกกต.เป็นหลัก โดยกกต.จะต้องประสานกับรัฐบาลและครม.ไม่ได้ระบุว่าพรรคการเมืองต้องเข้าไปยุ่งในกระบวนการ

    นายสามารถ กล่าวต่อว่า พรรคการเมืองถือตำราเล่มเดียวกันทั้งหมดก็คือกฎหมายการเลือกตั้ง การที่นายวิษณุมาบอกว่าถ้าใครไม่ไปจะตกขบวน เป็นสิ่งที่คิดเอาเอง เพราะหากดำเนินการตามกฎหมายแล้วรัฐบาลไม่มีสิทธิทำในสิ่งที่นอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญกำหนด หน้าที่ของรัฐบาลในขณะนี้คือต้องเร่งทำให้ทุกอย่างเดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว ส่วนพรรคการเมืองก็จะดำเนินการไปตามกติกา วันนี้หลายคนอยากจะสมัครสมาชิกพรรคก็ไม่สามารถทำได้ รัฐบาลก็ควรประกาศยกเลิกคำสั่งคสช. ให้เราสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ด้วย

ปชป.แฉคนมีอำนาจทุ่มสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหาร-ดูดส.ส.

อัดรัฐเลิกแก้ตัวปมละเมิดสิทธิฯ

    ด้านร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลและคสช. ควรเลิกแก้ตัวได้แล้วว่าไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน และอย่ามาอ้างว่าต้องทำตามกฎหมาย ในเมื่อกฎหมายหลายฉบับ และคำสั่งคสช.ล้วนมีเนื้อหาขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คำสั่งคสช.ที่ 3/58 ซึ่งห้ามชุมนุมทางการเมือง และการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เป็นต้น ทั้งนี้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชิญสื่อมวลชนมาทำข่าวขณหารือผู้อำนวยการใหญ่ทรัพย์สินทางปัญญาโลก หรือผอ.WIPO นั้น น่าจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ เพราะช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์คงไม่อยากเจอนักข่าวเพราะกลัวโดนถามเรื่องทำให้การเมืองไทยกลับสู่วังวนน้ำเน่าด้วยการใช้พลังดูดนักการเมืองเพื่อหนุนตัวเองเป็นนายกฯ และข้อครหาเรื่องมีใบสั่งให้ สนช. ล้มกระดาน กสทช. ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ คงรู้สึกน้ำท่วมปาก แต่ถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์ ลงทุนมาเผชิญหน้าสื่อมวลชนเพื่อสร้างซีนให้ตัวเองได้มีภาพข่าวจับมือกับฝรั่งจะได้สร้างภาพว่ารัฐบาลคสช.ยังได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ แม้จะถูกต่างชาติรายงานว่ามีพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชน

    “เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังคิดผิด และแก้ปัญหาไม่ถูกทาง เพราะการเคารพสิทธิมนุษยชนนั้น ต้องลงมือทำจริงๆ ไม่ใช่แค่รับปากไปส่งเดชว่าจะเคารพกติการะหว่างประเทศ แต่กลับปล่อยให้ลูกน้องออกมาดิสเครดิตประชาชนที่คิดต่าง โจมตีนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามและกล่าวหาองค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนว่าให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ทั้งๆ ที่เขาก็พูดเรื่องจริง ใครๆ ก็เห็นทั้งนั้นว่าประชาชนร่วมร้อยคนต้องถูกดำเนินคดีข้อหาร้ายแรงเพราะอยากเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่พวกเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องและใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แม้แต่นักเรียนนักศึกษาก็ถูกคสช.ยกกำลังไปคุกคามถึงบ้าน เพียงเพราะเขาคิดต่างจากรัฐบาล เรื่องเหล่านี้อยู่ในสายตาชาวโลก เพราะในยุคโซเชียลมีเดีย ไม่มีรัฐบาลในโลกสามารถใช้ความเป็นเผด็จการปกปิดการกดขี่ข่มเหงประชาชนในประเทศของตัวเองได้เป็นความลับตลอดไป เพียงแต่ใครจะมีความละอายมากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมรับความจริงว่าคนไทยและสื่อมวลชนในไทยถูกปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพอย่างหนัก แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนตกต่ำในประเทศไทยได้อย่างไร ขอเตือนสติรัฐบาลว่า คนดีนั้นชอบแก้ไข ส่วนคนที่ชอบแก้ตัวจัดเป็นคนประเภทใดนั้น ขอฝากให้พล.อ.ประยุทธ์ ไปคิดหาคำตอบเอาเอง.” ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว

ปชป.แฉคนมีอำนาจทุ่มสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหาร-ดูดส.ส.

ตั้งกก.สอบคลิปเสียงล้มกสทช.

    ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงว่ามีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีคลิปเสียงการสนทนาที่พาดพิงถึงนายกฯ ว่าไม่แฮปปี้รายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการกสทช.ทั้ง 14 คน โดยคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงมี 5 คน ได้แก่ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร สมาชิกสนช. เป็นประธาน นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข สมาชิกสนช.เป็นกรรมการ และเจ้าหน้าที่รัฐสภาที่เกี่ยวข้องอีก 3 คน มีกรอบการทำงาน 30 วันเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าคลิปดังกล่าวเป็นของจริงหรือตัดต่อมาจากที่ประชุมใด ถ้าได้ความว่าเป็นเสียงใครก็ยิ่งดี เพื่อนำไปสู่การพิจารณาว่ามีความผิดจริงหรือไม่ ถ้าเป็นของจริงใครที่เป็นผู้ดักฟัง นอกจากนี้จะให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อมูลการประชุมลับในการพิจารณาเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดินหลุดออกไปด้วย เพราะมีการพาดพิงถึงคณะกรรมการสรรหาว่าทำงานไม่รอบคอบ จึงอยากทราบว่าสื่อนำไปลงได้อย่างไร เพราะข้อมูลการประชุมลับนั้นจะเผยแพร่ไม่ได้อยู่แล้ว

    ผู้สื่อข่าวถามว่าเชื่อว่าเป็นคลิปตัดต่อตามที่นายสมชาย แสวงการ เลขาฯ วิปสนช. ระบุหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ไม่อยากชี้นำ แต่เป็นไปได้ทุกอย่าง อาจเป็นคลิปจริงหรือคลิปตัดต่อก็ได้ เพราะมีแต่เสียง ไม่มีภาพ แต่ถ้าเป็นคลิปเสียงปลอมก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสอบถามไปยังนายกฯ เพราะนายกฯ ปฏิเสธไปแล้ว และไม่ได้เป็นคนพูดเอง แต่ถูกอ้างถึง ประเด็นเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่นายกฯ แต่อยู่ที่คลิปเป็นของจริงหรือไม่ การสอบข้อเท็จจริงทั้ง 2 เรื่องนี้ถ้าสื่อให้ความร่วมมือคงสอบสวนได้ง่าย ดังนั้นสื่อต้องบอกว่าเอาข้อมูลมาจากไหน ทั้งนี้ยืนยัน 100% ว่า คลิปที่หลุดออกมานั้นไม่ใช่การประชุมวิปสนช.แน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเป็นการประชุมอะไรหรือไม่ หรืออาจไม่ใช่การประชุมแต่เป็นการพูดคุยกันเฉยๆ ก็ได้ หลังจากนี้ไปสนช.คงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในการประชุม เพราะทุกคนเกี่ยวข้องกันหมด ทั้งสนช.และเจ้าหน้าที่ รวมถึงยังมีเรื่องเครื่องบันทึกเสียงอีกด้วย

เชื่อ“กรรมการ”ไม่ได้อยู่ในคลิปเสียง

     สำหรับกรณีที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงบางคนถูกมองว่าอาจจะเป็นบุคคลที่อยู่ในเสียงคลิปที่หลุดด้วยนั้น นายพรเพชรกล่าวว่า กรรมการชุดนี้ไม่มีใครอยู่ในเสียงคลิปที่หลุดมา พล.ต.อ.ชัชวาลย์ ก็ไม่ได้อยู่ในคลิปเสียง แต่ถ้าพบว่ามีเสียงจริงก็ต้องพิจารณาตั้งกรรมการใหม่ ส่วนกรณีที่สนช.ลงมติล้มกระดานกสทช.นั้น ขอให้ไปดูเหตุผลที่นายสมชายให้เหตุผลว่าทำไมสนช.ถึงใช้อำนาจไม่โหวต การเลือกกสทช.ควรจะมีเกณฑ์ว่าควรได้เสียงเห็นด้วยกี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะได้เป็น ไม่ใช่มีคนเลือกแค่ 1-2 เสียงก็ได้เป็นแล้ว ยืนยันว่าไม่มีใบสั่งจากใคร

ปชป.แฉคนมีอำนาจทุ่มสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหาร-ดูดส.ส.

ปชป.เรียกประชุมทีมก.มปมคำสั่งคสช.

    วันเดียวกันนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการส่งคำชี้แจงเพิ่มเติมให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ที่ 53/2560 ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่าทีมกฎหมายได้หารือกันเพื่อจัดทำข้อสรุปเนื้อหาคำชี้แจงก่อนนำไปชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 25 เมษายนนี้ โดยมีประเด็นสำคัญที่มั่นใจว่าจะมีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้าใจถึงเหตุผลการยื่นคำร้องของพรรคปชป. และเข้าใจถึงปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติจริงคือการยืนยันสมาชิกพรรคซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้พบว่ามีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย อาทิ การมีวันหยุดราชการจำนวนมากในเดือนเมษายน ทำให้เหลือเวลาเปิดทำการได้เพียง 20 วัน ประชาชนไม่อยู่ในภูมิลำเนา ซึ่งส่งผลต่อการยืนยันตัวเองของสมาชิกพรรค เพราะพรรค ปชป.มีจำนวนสมาชิกมากถึงกว่า 3 ล้านคน การใช้ระยะเวลาดำเนินการยืนยันสมาชิกเพียงแค่ 30 วันถือว่าไม่มากพอ

     นายวิรัตน์กล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ เรียกประชุมทีมกฎหมายของพรรคในวันที่ 24 เมษายน เวลา 14.00 น. เพื่อตรวจสอบคำชี้แจงรวมถึงประเด็นที่อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมพร้อมทั้งหารือกันถึงข้อสรุปว่านายอภิสิทธิ์จะเดินทางไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองหรือมอบหมายให้ทีมกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการแทน อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการวินิจฉัยโดยเร็วซึ่งจะไม่กระทบโรดแม็พการเลือกตั้ง

แนะป.ป.ท.สอบทุจริตเงินคนจนปี61

      ขณะที่นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ขยายผลการตรวจสอบการทุจริตเงินคนจน ว่าควรต้องตรวจสอบไปถึงปีงบประมาณ 2561 ด้วย โดยพบว่ามีการจัดสรรงบอุดหนุนเงินสงเคราะห์ในวงเงินกว่า 178 ล้านบาท แต่มีการกระจายไปยังนิคมสร้างตนเองหลายแห่งที่ส่อในทางทุจริต มีการโอนไปบางนิคมแห่งละ 2.5 ล้านบาท

     นายวัชระกล่าวต่อว่า เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้เพื่อให้ตรวจสอบการบริหารในกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะอาจมีการช่วยเหลือไม่ให้สาวถึงผู้บริหารระดับสูงหรือไม่ และอาจมีการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่

ปชป.แฉคนมีอำนาจทุ่มสี่หมื่นล้านตั้งพรรคทหาร-ดูดส.ส.

“บิ๊กตู่”ชี้ต้องมีแหล่งพลังงาน

    ด้านภารกิจของนายกรัฐมนตรี วันเดียวกันเมื่อเวลา 13.30 น ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่าวันนี้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้ทันต่อสถานการณ์แล้วก็สร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งวาระสำคัญในวันนี้ก็คือการประมูลสัมปทานใหม่ ที่ต้องทำให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในสิ่งที่ยังเป็นปัญหาในปัจจุบัน ด้วยความไม่เข้าใจและมุมมองที่แตกต่างกัน สิ่งที่เราจะทำได้คือต้องพิจารณาในทุกมิติว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้พลังงานเหล่านี้ ซึ่งจะต้องทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในอนาคตด้วย เพราะเราจำเป็นต้องมีแหล่งพลังงานให้สอดคล้องอุตสาหกรรมใหม่ และอุตสาหกรรมเดิม รวมถึงการใช้พลังงานของชุมชนต่างๆ ซึ่งวันนี้จึงต้องจะมาหารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะเสนอร่างประกวดราคา (ทีโออาร์) ประมูล 2 แหล่งผลิตปิโตรเลียมแหล่งบงกช และแหล่งเอราวัณ ให้ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบ ก่อนออกหนังสือประกาศเชิญชวนในวันพรุ่งนี้ (24 เม.ย.) พร้อมจะเสนอรูปแบบโครงสร้างและกระบวนการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี) ฉบับใหม่ ที่จะเน้นการผลิตและการใช้ไฟฟ้าเป็นรายภูมิภาค โดยพิจารณาจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาค รวมถึงมีศักยภาพการผลิตไฟฟ้า และพิจารณาถึงสายส่งไฟฟ้าเพื่อเชื่อมโยงไฟฟ้าระหว่างภาคเพื่อความมั่นคงและวางแผนการผลิตไฟฟ้าด้านพลังงานทดแทน เช่น การซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) พลังงานลม ที่มีความเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ และคาดว่าแผนพีดีพีจะเสร็จประมาณเดือนมิถุนายนนี้ จากนั้นจะเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนได้ต่อไป

บีเอ็นเค“พบ”บิ๊กตู่“ที่”ทำเนียบ"

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 24 เมษายน  เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม เวลา 08.30 น. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ จะนำนักร้องวงเกิร์ลกรุ๊ป BNK48 และทีมงาน ประกอบด้วย “เฌอปราง” เฌอปราง อารีย์กุล หัวหน้าวง, “กระเต็น” เจนนิษฐ์ โอ่กระเสริฐ รองหัวหน้าวง, “จ๋า” ณปภัช วรพฤทธานนท์, “ไข่มุก” วรัทยา ดีสมเลิศ, “มิวสิค” แพรวา สุธรรมพงษ์, “เนย” กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล, “เปี่ยม” รินรดา อินทร์ไธสง, “ซัทจัง” สวิชญา ขจรรุ่งศิลป์ เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อประชาสัมพันธ์สถานีวิทยุเพื่อครอบครัวที่ชื่อว่า “Happy Family Radio F.M.105 MHz.: วิทยุเพื่อครอบครัว” ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นวิทยุครอบครัวตามแนวทางที่นายกฯ มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์มีสถานีวิทยุสำหรับครอบครัวเพื่อให้เหมาะแก่ทุกช่วงวัยโดยเน้นตอบสนองกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์จึงเชิญกลุ่มศิลปินดังกล่าวมาโปรโมทรายการวิทยุเพื่อครอบครัว เพราะเป็นกลุ่มศิลปินตัวแทนของคนรุ่นใหม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ