ข่าว

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กตู่" ยันอนาคตทางการเมืองอยู่ที่ความจำเป็นและประชาชนกำหนด แย้มมิ.ย.นี้รู้  ปลื้มคุย "แจ็ค หม่า" ไม่หวังผลทางเศรษฐกิจ รับปากช่วยขายยาง ข้าว ปาล์ม ผ่านออนไลน์

          วันที่ 19 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  ให้การต้อนรับและหารือร่วมกับ นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอาลีบาบา ที่ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

 

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

 

          พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือว่า   ฝ่ายนายแจ็ค หม่า ระบุว่าจะเข้ามาสร้างคน สร้างระบบ อะไรต่างๆ ที่จะมาสนับสนุนเรา รวมถึงเรื่องการค้า ซึ่งได้บอกกับเขาว่ารัฐบาลไทยต้องการให้เขามาช่วยดูแลผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร อีกทั้งเขาจะช่วยดูแลรูปแบบของเขาและมีระบบการนำเข้าสินค้าให้สอดคล้องกับระบบ 4.0 

          นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การหารือกันครั้งนี้เป็นการมาทำความตกลงร่วมกันและสัญญาว่าภายในปี 2562 จะต้องทำอะไรให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย โดยในวันนี้ได้มีการลงนามร่วมในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างกันที่จะส่งเสริมเรื่องต่างๆ อาทิ การท่องเที่ยว เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่เพียงเป็นเรื่องที่เราจะเอาของไปขายกับเขาเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องสร้างระบบและคนของเราเข้าไป เป็นการทำคู่ขนานด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องระยะยาว และเขาจะมีการลงทุนในเรื่องเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ท ซิตี้) และโครงการศูนย์สมาร์ทดิจิทัลฮับ ในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งมันจะเชื่อมโยงกันทั้งหมด 

          “ผมขอให้เขาช่วยดูเรื่องของสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน การทำเกษตรแปลงใหญ่ ภาพที่นายแจ๊ค หม่า พูดถึงระบบโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้าเกษตรไปได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเขาพร้อมให้บริการดังกล่าวในการขนส่งสินค้าเกษตรของไทย เรื่องนี้จึงถือเป็นผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ อย่าไปคิดว่าไทยจะเสียเปรียบอะไร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

 

แจ๊คหม่าช่วยขายข้าว-ปาล์ม-ยาง

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ฝ่ายของนายแจ็ค หม่า ระบุว่าไม่ได้มุ่งหวังเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะเขามีเพียงพอแล้ว เขามุ่งหวังที่จะมาช่วยผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อย ต้องช่วยคนที่แข่งขันไม่ได้ให้มีความสามารถมากขึ้น เข้ามาสู่การค้าทางออนไลน์ อีกทั้งต้องการมาช่วยประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ซึ่งไทยมีนโยบายไทยแลนด์บวกหนึ่ง เพราะประเทศในอาเซียนมีการผลิตสินค้าเกษตรเป็นจำนวนมาก จึงฝากให้เขาช่วยดูแลเรื่องการขายปาล์ม ข้าว และยางพาราของไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังมีปัญหาอยู่ 

          “เขามีโรงเรียนสอนเรื่องธุรกิจ การค้าขายทางออนไลน์ (อี-คอมเมิร์ซ) การพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่มามุ่งเอาผลประโยชน์ทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว ส่วนจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดเท่าไหร่นั้น ก็เป็นเรื่องของค่าทำงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับการที่ฝ่ายนายแจ็ค หม่า จะนำข้าวไทยไปขายนั้น เป็นการนำข้าวคุณภาพของไทยไปขายบนเว็บไซต์ของเขาด้วย ส่วนจะนำไปขายเป็นจำนวนเท่าไรในแต่ละปีนั้น คงจะมีการหารือเป็นขั้นตอนต่อไปในอนาคต” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

“บิ๊กตู่”อ้อมแอ้ม“อนาคตการเมือง”

           พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยไปตีกอล์ฟและพบปะกับตระกูลสะสมทรัพย์ว่า “ไม่มีนัยอะไร เป็นการตีกอล์ฟกันตามปกติ ก็เหมือนกับที่ผมเคยไป เมื่อเขาไปก็มีคนมาต้อนรับ ตอนผมไปก็มีคนมารับ ก็เป็นธรรมดา แต่ความจริงเขาไม่ได้มารับผม เพราะเขาคุยกันอยู่แล้วทุกอาทิตย์ เขาอยู่กันครอบครัวถ้วนหน้า ก็อาจเป็นจังหวะที่ไปเจอกันพอดี แต่เมื่อวานนี้(18 เม.ย.) เห็นว่า ไปกันไม่ครบ เพราะว่าไม่สบายบ้างอะไรบ้าง อย่าไปมองอะไรว่าเป็นนัยทางการเมืองเลย”

 

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

 

           ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีการมองว่าเป็นการดึงคนตระกูลสะสมทรัพย์เข้าพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็อย่าไปมองเลย และผมก็ไม่ได้ไปดึงพวกเขา ใครดึงใครล่ะ ผมไม่เห็นมีใครเลย” 

           ส่วนกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายกฯ แสดงความชัดเจนทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า ชัดเจนเรื่องอะไร จะให้เปิดอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้แสดงความชัดเจนถึงการประกาศเล่นการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “พอแล้วๆ ผมไม่ได้เล่นการเมือง ถ้าเล่นการเมือง ผมก็ต้องไปเลือกตั้ง เป็น ส.ส. แล้วมันจะเป็นได้หรือไม่เล่า เป็นไปไม่ได้”

โยนความต้องการของประชาชน

           เมื่อถามย้ำว่า ในใจนายกฯ ที่มองสถานการณ์การเมืองอยากจะลงเข้าไปอยู่ในลักษณะรูปแบบนักเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อย่าถามว่าอยากหรือไม่อยาก แต่ถ้าถามว่าอยากไหมก็ต้องตอบว่าไม่อยาก แต่ถามว่ามันมีความจำเป็นอะไรหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องของอนาคต เป็นเรื่องของประชาชนกำหนด ไม่ใช่ว่าอะไรก็นักการเมืองคิดกันเอง ผมไม่เคยมองว่าตัวเองสำคัญกว่าใครหรือเก่งกว่าใคร ไม่เคยคิดอย่างนั้น แต่เป็นเรื่องของประชาชนจะว่าอย่างไรก็ว่ามา ว่าเขาต้องการอะไร”

          ต่อข้อถามคิดว่าสถานการณ์ปัจจุบันนายกฯ มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่รู้ ยังตอบไม่ได้ ต้องไปรอเดือนมิถุนาฯ ไปแล้วโน่น จบ รอเดือนมิถุนาฯ ก็แล้วกัน”

          ภายหลังการให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ จะร่วมกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีภารกิจและขอให้สื่อกินข้าวอย่างมีความสุข พร้อมทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้แก่สื่อมวลชนก่อนที่จะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

 

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

 

พท.ตีกอล์ฟสะสมทรัพย์ไม่แปลก

           ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองระบุให้ พล.อ.ประยุทธ์  รีบประกาศตัวลงสนามเลือกตั้งได้แล้วว่า หลายๆ เรื่องตนไม่ทราบ เพราะเอาแค่งานในหน้าที่ก็มีเยอะแล้ว ส่วนที่พรรคเพื่อไทยร่วมตีกอล์ฟกับกลุ่มสะสมทรัพย์นั้น เขาคงไปออกกำลังกายกัน สนามก็ดีใช้ได้ 

          “แล้วแต่คนมอง ถ้าคนมองว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร ถ้ามองว่ามีประเด็นทางการเมืองก็มองได้ แต่สำหรับผมก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก” พล.อ.ฉัตรชัยระบุ

           เมื่อถามว่า อยากจะไปตีกอล์ฟร่วมกับกลุ่มสะสมทรัพย์อีกหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ปกติถ้าจะไปก็ไปกับนายกฯ แต่โอกาสน้อยมากที่จะได้ไป เมื่อถามว่าหลังจากครั้งนั้นจะไปอีกรอบหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ก็บอกแล้วว่าไม่มีเวลา

           รองนายกรัฐมนตรี กล่าวความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ในหลายๆ หน่วยงานว่า ยังมีส่วนงานอื่นอีกที่เราลงไปให้ความช่วยเหลือ เช่น การช่วยประชาชนพื้นที่สูงในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยการตั้งสหกรณ์ประมาณ 50-60 หน่วย จึงสั่งให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ดูในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย จะได้สะสางปัญหาไปเลย อย่างไรก็ตาม ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ เพราะเราใช้เจ้าหน้าที่ของพม. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เช่นกัน ซึ่งขณะนี้เขาก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว 

 

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

 

วิษณุยันคุยพรรคเดือนมิถุนายน

          ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองประสานขอพูดคุยกับ คสช. ก่อนเดือนมิถุนายน ว่า การพูดคุยในเดือนมิถุนายนนั้นมีแน่ แต่ก่อนเดือนมิถุนายนมีการประสานมาเพื่อสอบถามอะไรบางอย่าง ซึ่งตนเองได้แจ้งเลขาธิการ คสช. ไปแล้ว แต่หากเป็นการขอพบเพื่อสอบถามบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพบคสช. แต่ต้องดูว่าคำถามคืออะไร อาจจะมีการเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เลขาฯ คสช. หรือตนเองมาตอบก็ได้ 

          “แต่หากต้องการส่งข้อความไปถึงคสช. ก็อาจจำเป็นต้องพูดกับคสช.เอง และนายกรัฐมนตรีก็ยินดี แต่เมื่อมีข่าวออกไปแล้วบางพรรคไม่มา ก็อาจล้มเลิกก็ได้ เพราะยังคงมีการประชุมในเดือนมิถุนายน โดยพรรคที่ประสานขอพูดคุยนั้น มีทั้งพรรคเก่าและใหม่” รองนายกรัฐมนตรีระบุ

 

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

 

รัฐบาลขอบคุณสื่อเกื้อกูล-ส่งเสริม

          ที่ตึกสันติไมตรี สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้จัดกิจกรรมพบปะสื่อมวลชน ประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดทุกๆ 2 เดือนหรือตามความเหมาะสม แต่ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ติดภารกิจหารือกับนายแจ็ค หม่า จึงไม่ได้มาร่วมเหมือนทุกครั้ง รวมถึงรองนายกรัฐมนตรี และรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ติดภารกิจเช่นเดียวกัน มีเพียง นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักฯ และ พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ ร่วมกิจกรรม โดยได้นำอาหารและเครื่องดื่มมาจัดเลี้ยงเหมือนทุกครั้ง อาทิ ไก่ย่างหนังกรอบ ข้าวหน้าเป็ด ข้าวขาหมู ไอศกรีม ก๋วยเตี๋ยว

          นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า พวกเราที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ต่างทำงานให้แก่บ้านเมือง ขณะที่สื่อมวลชนมีหน้าที่ของการเป็นผู้สื่อข่าวในทำเนียบรัฐบาล เราได้หยุดยาวมาแล้ว ได้ไปทำบุญไหว้พระ ขอพรผู้ใหญ่ เปิดศักราชใหม่ ทำให้เรามีชีวิตที่สดชื่น ฟังพระธรรมคำสั่งสอนแล้วได้ปฏิบัติธรรม ก็จะทำให้ชีวิตดีขึ้น ตนในนาม ครม. ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ปีที่ผ่านมา ช่วยกันดูแลบ้านเมือง ดูแลงานรัฐบาล หวังว่าการทำงานต่อจากนี้ของพวกเราทุกคน ที่ยังมีงานต้องทำร่วมกันอีกเยอะ จะเป็นการทำงานที่มีความเข้าใจ เกื้อหนุน ส่งเสริม ช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่าย เชื่อว่า บรรยากาศการทำงานร่วมกันจะเป็นไปด้วยดีต่อกัน

มาร์ควอนรัฐสร้างบรรทัดฐานที่ดี

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีครม.มีมติแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และนายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นกรรมการผู้ช่วยรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ว่า ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะได้ข่าวมาตั้งแต่วันที่มีนักการเมือง 3 คนไปพบนายสมคิดที่ทำเนียบแล้วว่าอาจจะมีเรื่องนี้เกิดขึ้น ก็เลยไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ และเป็นเรื่องที่นายกฯ คงจะพยายามสร้างฐานทางการเมือง ตรงไปตรงมาดี ไม่มีอะไร และเป็นเรื่องที่ตนเคยพูดว่านายกฯ คงไม่ปิดทางตัวเองในเรื่องของการที่จะเข้ามาสู่ตำแหน่งหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นในฐานะคนนอก และอีกทางหนึ่งคงจะเปิดเอาไว้คือการมีพรรคการเมือง หรือนักการเมืองที่พร้อมที่จะสนับสนุนท่าน เราคงมองเห็นเป็นอย่างอื่นได้ยาก งานนี้เป็นเรื่องการเมืองมากกว่า อย่างไรก็ตาม คาดการณ์เอาว่าคงจะมีการแต่งตั้งบุคคลในแวดวงการเมืองเข้าไปทำงานในรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีกหลังจากนี้

 

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

 

          “ผมว่าเป็นสภาพที่เรามองเห็นและยอมรับกันมาอยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ ซึ่งไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเป็นพิเศษ  แต่สิ่งที่อยากจะเตือนคืออย่าทำอะไรที่จะไปเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดี เช่นการใช้อำนาจรัฐ เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง การเลือกตั้ง เพราะเป้าหมายของ คสช.ในวันที่เข้ามา พูดถึงการที่จะวางรากฐานของการเมืองที่ดีต่อไป ซึ่งการเมืองที่ดีนั้นเมื่อเป็นประชาธิปไตย ต้องเริ่มต้นจากการเลือกตั้งที่สุจริต และเที่ยงธรรม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว 

          หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า  การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่อยากให้คิดว่าเอาหรือไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แต่ควรเป็นโอกาสให้คนไทยได้เลือกว่าอยากจะได้อนาคตแบบไหน และพล.อ.ประยุทธ์ถ้าจะลงหรือไม่ลงเลือกตั้ง ก็มีสิทธิ์ที่จะนำเสนอว่าอนาคตประเทศไทยที่อยากจะเห็นเป็นอย่างไร และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ควรจะเสนอว่าอนาคตของประเทศไทยที่อยากจะทำเป็นอย่างไร ส่วนพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองอื่นๆ ก็เสนอมา แล้วแข่งขันกัน น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า เมื่อเลือกตั้งเข้ามาแล้วก็จะดูว่าประชาชนให้คำตอบชัดเจนแค่ไหนว่าแนวทางที่เขาต้องการคืออะไร

ยันทำงานร่วมพรรคแนวทางเดียวกัน 

          เมื่อถามย้ำว่า ยังมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ที่เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ มาร่วมกันสกัดพรรคทหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอตอบเหมือนเดิม คือตั้งใจว่าประชาธิปัตย์จะต้องนำเสนอแนวทางที่เกี่ยวกับอนาคตของประเทศ หวังว่าแนวทางนั้นจะเป็นไปตามความต้องการของประชาชน ประชาชนจะสนับสนุน ถ้าเขาสนับสนุนเข้ามามากๆ จนกระทั่งถึงขั้นว่า ไม่ต้องพึ่งเสียงของคนอื่น คำถามนี้ก็ไม่ต้องมาถามกัน เราก็เดินหน้า ถ้าหากได้คะแนนเสียงไม่พอ แต่เห็นได้ชัดว่ามีความชอบธรรมที่จะเป็นทางเลือกของประเทศที่จะเดินต่อไป ไม่มีใครได้เสียงข้างมาก ก็จะต้องถามว่า ใครพร้อมที่จะมาสนับสนุนแนวทางนี้บ้าง เราก็ต้องเป็นหลัก ถ้าเราได้มามาก หากเราได้มาน้อยมาก หรือน้อย ก็ต้องเจียมตัว ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน 

          “ผมจะสนับสนุนเขาก็ต่อเมื่อเห็นว่าเมื่อไปทำงานกับเขาแล้ว แนวทางของประชาธิปัตย์ที่เคยพูดไว้กับประชาชน ผลักดันได้ ถ้าต้องการจะไปเป็นแค่รัฐบาลแต่ปรากฏว่าเขาพาประเทศไปในทิศทางซึ่งไม่ตรงกับอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ผมว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ไปร่วม ส่วนกับพรรคเพื่อไทย หากแนวทางยังเป็นแบบเดิม ผมบอกได้ว่าประชาธิปัตย์คงร่วมไม่ได้” นายอภิสิทธิ์ยืนยัน

 

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

 

เย้ย0.4ทำตรงข้ามกับสิ่งที่เคยพูด

           นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหนือความคาดหมายที่จะมีการควบรวมพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง และนักการเมือง อดีต ส.ส. มาอยู่ในพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยคนในรัฐบาลหรือมาเป็นพรรคหนุนรัฐบาลต่อไปหลังเลือกตั้ง ความพยายามควบรวมพรรคการเมือง นักการเมืองที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นไปโดยมีตำแหน่งหรือผลประโยชน์ตอบแทน กรณีนี้คงไม่ใช่กรณีสุดท้าย เชื่อว่าอีกไม่นานนี้คงมีการแต่งตั้งอดีต ส.ส. เป็นรัฐมนตรี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คนที่ยังลังเลใจรีบตัดสินใจเกาะขบวนรถไฟให้ทัน

          “ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลเคยเรียกร้องอยากเห็นการเมืองใหม่ การเมืองที่มีธรรมาภิบาล อยากเห็นพรรคการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วม พรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่คนในรัฐบาลกำลังทำการเมืองอยู่ขณะนี้ไม่ใช่การเมือง 4.0 แต่เป็นการเมือง 0.4 ที่ย้อนยุคไปสู่การเมืองน้ำเน่าแบบเก่าที่มุ่งหวังเพียงใช้ประชาธิปไตย และการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจและสืบทอดอำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้อง” นายองอาจ กล่าว

           นายองอาจ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลควรเอาเวลาที่เหลืออยู่อีกประมาณหนึ่งปีก่อนเลือกตั้งในการบริหารประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ยังทับถม สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมากอยู่ขณะนี้คือ 1.แก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานราก เพราะชาวบ้านส่วนมากยังอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ถึงหลังเศรษฐกิจฝืดเครื่อง 2.แก้ไขปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำที่สร้างความชอกช้ำให้แก่เกษตรกรไทยที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ทั้งยางพารา ปาล์ม และพืชผลทางการเกษตร 3.แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง เพราะทุจริตคอร์รัปชั่นกำลังเป็นปัญหาที่สั่นคลอนความรู้สึกของผู้คนในสังคมอย่างมากเนื่องจากมีการแพร่ระบาดไปแทบทุกองค์การ และทุกระดับของสังคม ทั้งนี้ อยากให้นายกรัฐมนตรี และคนในรัฐบาลเอาเวลามาบริหารประเทศมากกว่าบริหารอนาคตทางการเมืองของตนเองและพวกพ้อง เชื่อว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนมากกว่าอย่างแน่นอน

ยธ.แจงพักโทษเป๊าะตามเกณฑ์

          ภายหลัง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อนุมัติพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษให้แก่ น.ช.สมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ทางนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาแถลงข่าวชี้แจงว่า การพักการลงโทษให้แก่กำนันเป๊าะ ไม่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขทางการเมืองกลุ่มชลบุรีกับรัฐบาล แต่เป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่นักโทษทุกคนมีสิทธิได้รับโดยไม่มีวาระซ่อนเร้น โดยนายสมชายต้องโทษอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ปัจจุบันเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลตำรวจ เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม กระทำผิดรวม 2 คดี ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกรวม 28 ปี 4 เดือน ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษรวม 3 ครั้ง (ปี 2558 และปี 2559) เหลือกำหนดโทษครั้งหลังสุด 10 ปี 18 เดือน 20 วัน ต้องโทษจำคุกมาแล้ว 4 ปี 9 เดือน 25 วัน เหลือโทษจำคุก 6 ปี 8 เดือน 25 วัน

          นอกจากนี้ นายธวัชชัยระบุว่า นายสมชายมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์พักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป เป็นนักโทษเด็ดขาด ชั้นเยี่ยม ต้องจำมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษครั้งหลังสุด มีอาการเจ็บป่วยร้ายแรงซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาด และอาการอยู่ในระยะอันตรายอาจถึงแก่ความตาย โดยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และแพร่กระจายไปที่ปอดระยะที่ 4 ทำให้มีอาการปอดบวม บางครั้งหยุดหายใจต้องให้ออกซิเจน เพื่อช่วยหายใจ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องต้องเสียชีวิต คณะกรรมการมีความเห็นว่าอาการเจ็บป่วย ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยมีแพทย์ของทางราชการ 2 คน รับรองอาการป่วย สภาพร่างกายไม่เอื้อต่อการกระทำผิดซ้ำ ปัจจุบันมีอายุ 80 ปี และอยู่ในสภาพไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ยันป่วยมะเร็งพักบ้านลูกสาว

          ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ได้ประชุมคณะกรรมการพักการลงโทษ ครั้งที่ 2/22561 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 มีมติเห็นชอบพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษนักโทษเด็ดขาดชายสมชาย และเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 รมว.ยุติธรรมได้อนุมัติพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โดยได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษ โดยไปพักอาศัยอยู่กับ น.ส.จิราภรณ์ คุณปลื้ม บุตรสาวอายุ 49 ปี ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว ซึ่งต้องปฏิบัติตนตามเงื่อนไขการคุมประพฤติของสำนักงานคุมประพฤติจนกว่าจะพ้นโทษ ซึ่งมีระยะการคุมประพฤติ 6 ปี 8 เดือน 25 วัน ส่วนจำนวนครั้งหรือความถี่ในการรายงานตัวนั้นให้เป็นไปตามที่พนักงานคุมประพฤติกำหนด

          พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการรายงานตัวของ นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ซึ่งได้รับการพักการลงโทษจำคุก เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังชราและป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายว่า ภายหลังการพักการลงโทษปล่อยตัวออกจากการควบคุมของเรือนจำ ถือว่าหมดหน้าที่การคุมขังของกรมราชทัณฑ์แล้ว โดยกรมคุมประพฤติจะรับหน้าที่ในการกำหนดเงื่อนไขการรายงานตัว เช่น กำหนดให้มารายงานตัวทุกๆ กี่เดือน หรือในกรณีเจ็บป่วยไม่สามารถมารายงานตัวได้จะต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดง

          ด้านนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า นายสมชายได้รับการพักการลงโทษจากกรณีเป็นผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป และมีอาการเจ็บป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 3 โดยหลังได้รับการพักโทษ นายสมชายเข้าๆ ออกๆ ระหว่างบ้านและโรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี ก่อนกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านลูกสาวใน จ.ชลบุรี เมื่อกลางเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งจะครบกำหนดถูกคุมประพฤติในปี 2567 โดยลูกสาวมารายงานตัวแทนเนื่องจากต้องใช้สายออกซิเจนตลอดเวลา ซึ่งเราก็ได้ตรวจสอบ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนายสมชายหรือบุคคลอื่นก็ได้รับการปฏิบัติในหลักเกณฑ์เดียวกัน

 

บิ๊กตู่ยังกั๊ก!...อนาคตทางการเมือง แย้ม มิ.ย.รู้

 

เพื่อไทยจ่อเปิดตัวคนรุ่นใหม่สู้ศึก

          คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการวางยุทธศาสตร์สนามเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต ว่า ขณะนี้เตรียมแผนงานไว้หมดแล้ว เนื่องจากปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไปด้วยเทคโนโลยีทำให้การนำเสนอนโยบายในการเลือกตั้งง่ายขึ้นหากใช้เป็น จึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีในรูปแบบโซเชียลมีเดียเข้ามานำนโยบาย เพราะที่ผ่านมาเราต้องออกไปเจอ หรือไปนัดประชุม ไปพบปะประชาชนเพื่อรับฟังความคิดเห็น แต่ในขณะนี้เราสามารถรับฟังความคิดเห็นและสื่อสารกลับไปยังประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียได้ ดังนั้นในสนาม กทม. การนำเทคโนโลยีมาใช้จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมและใกล้ชิดประชาชนได้มากขึ้น อีกทั้งยังประหยัดต้นทุน และรวดเร็ว ตรงไปตรงมา ทำให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมสร้างพรรค สร้างนโยบายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งขณะนี้เตรียมการไว้หมดแล้ว

          ส่วนกระแสของคนรุ่นใหม่ ที่จะมาร่วมในพรรคเพื่อไทยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า มีหลายคน และกำลังอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีความถนัดในแต่ละด้าน แต่ยังไม่มีการเปิดตัวในช่วงนี้ ขอรอเวลาสักระยะก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดให้มีการรับสมัครสมาชิก จะขอสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่วนจะมีคนเสนอชื่อ 1 ใน 3 รายชื่อเพื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องอนาคต ขณะเดียวกันในวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 57 ปี ได้เตรียมจัดการทำบุญที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ด้วย

สนช.ตีตก“ภรณี”เป็นผู้ตรวจการฯ

          ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติไม่ให้ความเห็นชอบ นางภรณี ลีนุตพงษ์ รองประธานผู้พิพากษาสมทบฝ่ายบริหาร ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน หลังจากได้ใช้เวลาพิจารณารายงานการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ในการประชุมลับนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยผลลงมติคือ เห็นชอบ 64 เสียง ไม่เห็นชอบ 117 เสียง และงดออกเสียง 19 เสียง ทำให้คณะกรรมการสรรหาฯ ต้องไปดำเนินการรับสมัครและคัดเลือกใหม่

          รายงานข่าวจาก สนช. แจ้งว่า สำหรับเหตุผลที่ สนช.เสียงข้างมากลงมติไม่เห็นชอบนั้น เพราะพบข้อร้องเรียนต่อพฤติกรรม ตามที่มีผู้ส่งมายังคณะกรรมการตรวจสอบประวัติฯ ที่เข้าข่ายการแอบอ้างบุคคลที่มีตำแหน่งระดับสูงในราชการ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นางภรณีเข้ารับตำแหน่ง นอกจากนั้น ยังพบว่านางภรณีไม่ได้รับการตรวจสุขภาพจริง ดังนั้นพฤติกรรมที่ถูกร้องเรียนและการตรวจสอบที่พบ จึงถือว่าขัดต่อคุณสมบัติการเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 202 ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์และมีสุขภาพที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

           รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับอีกประเด็นที่สำคัญ ที่ทำให้ สนช.ลงมติไม่เห็นชอบ คือ การสรรหาที่มีความไม่รอบคอบและอาจถูกครหา เพราะนับจากที่คณะกรรมการสรรหา ซึ่งมี นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการสรรหา การประกาศรับสมัครบุคคล พบการแจ้งรายละเอียดที่ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะคุณสมบัติที่เปิดรับคือ ต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ในการดำเนินกิจการอันเป็นสาธารณะไม่น้อยกว่า 20 ปี ทำให้มีผู้เข้าใจผิด และเข้าสมัครทั้งที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วน มากถึง 12 คน จากยอดผู้สมัครทั้งสิ้น 14 คน เมื่อเหลือผู้ผ่านคุณสมบัติ เพียง 2 คน คือ นางภรณี และน.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) คณะกรรมการสรรหา เลือกที่จะลงคะแนนตัดสิน แทนการประกาศรับสมัครเพิ่มเติม โดยไม่หวั่นคำครหา และการลงมติดังกล่าวยังได้เสียงเอกฉันท์ ให้นางภรณีเข้ารับการเสนอชื่อและให้สนช. ลงมติเห็นชอบ ดังนั้นที่ประชุมลับ สนช.ได้อภิปรายท้วงติงเป็นจำนวนมาก และให้ความเห็นด้วยว่า การเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินครั้งต่อไป ต้องประชาสัมพันธ์และเขียนรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อให้บุคคลที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ด้านสาธารณะ ไม่ต่ำกว่า 20 ปี เข้าสมัคร

  

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ