ข่าว

"บิ๊กตู่"ลั่นไม่เลิกคำสั่ง53/2560-ชงม.44ปลดล็อกกรมประชาฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กตู่" ลั่นไม่ยกเลิกคำสั่งคสช. 53/2560 ยันแก้บางประเด็น ขู่"มาร์ค-ป๋าเหนาะ"ระวังคำพูด ขณะที่"ออเจ้า"บุกทำเนียบ "สรรเสริญ"ชงใช้ม.44ให้กรมประชาฯหาเงิน

 

       เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการเตรียมแก้ไขคำสั่ง หัวหน้า คสช.53/2560 ที่พรรคการเมืองทักท้วงว่าอาจมีปัญหาในทางปฏิบัติ ว่า กฤษฎีกาได้มีการหารือกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ถึงข้อติดขัดต่างๆ ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่คือปัญหาด้านธุรการ ดังนั้น รัฐบาลและคสช.จะแก้ไขในบางประเด็นเพื่อให้สามารถดำเนินการด้านธุรการได้ทั้งในส่วนของพรรคการเมืองเก่าและใหม่ จึงไม่ใช่การยกเลิกคำสั่งทั้งหมด 

“บิ๊กตู่”ขู่มาร์ค-ป๋าเหนาะพูดระวัง 

     เมื่อถามถึงกรณีเริ่มมีหลายกลุ่มการเมืองออกมาต่อรองมากขึ้น โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศให้สมาชิกพรรคที่จะสนับสนุนนายกฯ ไปเข้าสังกัดพรรคอื่น รวมถึงนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เตือนว่าหากเป็นนายกฯ สมัยหน้าให้ระวังการอภิปรายในรัฐสภา โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดอะไรก็ระมัดระวังด้วย และอยู่ที่ประชาชนจะเชื่อถือได้แค่ไหนอย่างไร ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องมาสนับสนุน แต่กรุณาพูดจาดีๆ ใครสนับสนุนไม่สนับสนุนก็แล้วแต่เขา แต่การพูดแบบนี้มันฟังดูดีหรือเปล่า "ถ้าบางเวลาผมมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วพูดไปก็จะเสียหายด้วยกันทั้งหมด ประชาชนต้องไปใคร่ครวญกันเอาเอง ดูว่าวันหน้าเขาจะทำตัวกันอย่างไร ที่ออกมาพูดกันวันนี้รอดูวันหน้าแล้วกัน เลือกตั้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะเปลี่ยนท่าทีกันอย่างไรไปถามเขาอีกทีแล้วกัน” นายกฯ กล่าว

เหน็บโพลล์ถามใครไม่รู้จัก“ไทยนิยม” 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลโพลล์ที่สำรวจพบว่า มีคนรู้จักโครงการไทยนิยมยั่งยืน เพียง 40 กว่าเปอร์เซ็นต์นั้น ต้องยอมรับว่าสังคมไทยปัจจุบันจะสนใจเฉพาะเรื่องของตน แต่โพลล์ก็ขึ้นอยู่กับว่าได้ถามใคร ถ้าจะถามถึงโครงการไทยนิยม ต้องถามคนในพื้นที่ 95,000 หมู่บ้าน ประมาณ 10 ล้านคน พร้อมถามว่า รู้จักและเข้าใจโครงการไทยนิยมหรือไม่ สำหรับโครงการดังกล่าวได้หารือในขั้นต้นพบว่า ต้องมีการปรับปรุงการสัญจรบนท้องถนน 50 เปอร์เซ็นต์ แก้ปัญหาการเกษตร 10 เปอร์เซ็นต์ สาธารณสุข 8 เปอร์เซ็นต์ และด้านอื่นๆ อีก 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคงใช้งบประมาณของโครงการไทยนิยมอย่างเดียวไม่พอ จึงคงต้องดูงบประมาณประจำปี 2561-2562 ด้วย

"ซัด"แม้ว-ปู"ทำผิดแต่ไม่ละอาย 

     พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวถึงการทำตามขั้นตอนทางกฎหมายภายหลังปรากฏภาพนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประเทศญี่ปุ่น ว่า ไม่ทำ ส่วนจะเป็นการเย้ยรัฐบาลที่ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ถูกเย้ยอะไร และได้ดำเนินการตามกฎหมายไปทั้งหมดแล้ว แต่กฎหมายในประเทศไม่สามารถบังคับต่างประเทศได้ เมื่อต่างประเทศไม่ส่งตัวกลับมาก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประสานกับประเทศต่างๆ ไปหมดแล้ว 

“เมื่อมีการเคลื่อนไหวก็เป็นการเคลื่อนไหวส่วนตัวที่ประเทศปลายทางอนุญาตเป็นครั้งคราว ไม่ได้ให้เคลื่อนไหวตลอดไป ซึ่งส่วนตัวจะไปรู้อะไรกับเขา เขาน่าจะละอายตนเองมากกว่าเพราะทำผิดกฎหมายแล้วยังเอาหน้าไปข้างนอกอีก” นายกฯ กล่าว

"บิ๊กตู่"ลั่นไม่เลิกคำสั่ง53/2560-ชงม.44ปลดล็อกกรมประชาฯ

“ผบ.ทบ.”เมิน“แม้ว-ปู”เคลื่อนไหว

     ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ประเทศญี่ปุ่นว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงไปแล้ว ในเรื่องกระบวนการต่างๆ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลคืบหน้าอะไร แต่ยอมรับว่าเป็นปัญหาที่ยากพอสมควรในการติดตามตัวสองอดีตนายกฯ เพราะมีขั้นตอนระหว่างประเทศ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องพยายามดำเนินการในกรอบที่สามารถทำได้

     พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้มีการประเมินความเคลื่อนไหวของ 2 อดีตนายกฯ แต่อย่างใด เนื่องจากอยู่นอกประเทศ เพราะตนให้ความสำคัญกับเรื่องภายในประเทศมากกว่า และไม่ได้ไปมองไกลขนาดนั้นเนื่องจากมีผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบดำเนินการอยู่ ส่วนที่ต่างประเทศให้พื้นที่ของ 2 อดีตนายกฯ เคลื่อนไหวนั้น คิดว่าคงต้องไปถามต่างประเทศ ซึ่งเท่าที่ทราบน่าจะเป็นภาคเอกชนของญี่ปุ่นที่เชิญทั้งสองคนมา ซึ่งเราก็ทำความเข้าใจในบ้านของเราไป

    เมื่อถามว่า ประเมินว่านายทักษิณกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินเกมต่อสู้อย่างไร พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา และไม่ได้ประเมินอะไร ก็ให้ติดตามตัวด้านคดีความตามกระบวนการก็ว่ากันไป และผมคิดว่าไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญที่จะต้องไปตีความ ผมมองเรื่องภายในประเทศเป็นหลัก”

โยน“วิษณุ” แจง ปมแก้คำสั่ง

     พล.อ.เฉลิมชัย  กล่าวถึงกรณีการแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการแก้ไขอยู่ ต้องรอให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงขั้นตอนของกฎหมายว่ามีอะไรที่ต้องแก้ไขบ้างและมีประเด็นไหนบ้างที่ต้องแก้ไข ส่วนจะเป็นการทยอยคลายล็อกทางการเมือง ไม่ใช่ปลดล็อกทางการเมืองหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ในตรงนี้ เพราะเป็นกระบวนการของคสช. และฝ่ายกฎหมายจะสรุปว่าประเด็นไหนจะขยับขยายอะไร และอย่างไร จะปลดล็อกหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบปัญหาอยู่แล้ว

“ประวิตร”ขอเวลา 3 ฝ่ายพิจารณา

      ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช. 53/2560 ที่อาจเปิดทางให้มีการประชุมพรรคการเมืองได้ว่า ยังไม่ได้มีการพูดถึงกันเลย เขากำลังพิจารณากันอยู่ว่าจะแก้ไขอย่างไร ต้องให้ทางรัฐบาล คสช. และกกต. หารือกันก่อน

     เมื่อถามว่าได้มีการประเมินบรรยากาศการยืนยันสมาชิกพรรคการเมืองเพื่อเตรียมปลดล็อกหลังคสช.เชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพรรคการเมืองมาหารือในเดือนมิถุนายนในเรื่องความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่มี บอกไปแล้วว่าเดือนมิถุนายนไงเล่า” เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีการปลดล็อกพรรคการเมืองเร็วขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามดังกล่าว แล้วรีบเดินไปที่รถทันที

"บิ๊กตู่"ลั่นไม่เลิกคำสั่ง53/2560-ชงม.44ปลดล็อกกรมประชาฯ

“มีชัย”มึนแก้ขณะยื่นศาลได้หรือไม่

     ขณะที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และสมาชิกคสช. กล่าวถึงกรณีที่คสช.เตรียมแก้ไขคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยให้วินิจฉัยความของคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับดังกล่าว จะมีผลทำให้การแก้ไขดังกล่าวต้องยับยั้งหรือเดินหน้าได้หรือไม่นั้น ตอบไม่ได้ว่าการแก้ไขจะทำได้หรือไม่ เพราะยังไม่ทราบว่าประเด็นที่ยื่นตีความนั้นเป็นเรื่องเดียวกันกับประเด็นที่จะแก้ไขหรือไม่ ทั้งนี้ต้องพิจารณาเนื้อหาว่าจะแก้ไขเรื่องอะไร หากไม่ใช่เรื่องเดียวกันอาจสามารถเดินหน้าได้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบเพราะเรื่องยังมาไม่ถึง

"บิ๊กตู่"ลั่นไม่เลิกคำสั่ง53/2560-ชงม.44ปลดล็อกกรมประชาฯ

แนะร่นเวลาจัดเลือกตั้งเหลือ90วัน

      ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เตรียมนำส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่า การส่งร่างกฎหมายตีความเพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมายก็เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะต้องทำ แต่หัวหน้าคสช.ต้องดูแลไม่ให้การนำส่งร่างกฎหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความต้องกระทบกับโรดแม็พการเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ในอำนาจของหัวหน้าคสช.ที่สามารถแก้ไขร่นเวลาให้เป็นไปตามโรดแม็พได้ และสามารถร่นเวลาการบังคับใช้ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่กำหนดให้มีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว  90 วันก็สามารถทำได้

     ส่วนที่มีข่าวว่าคสช.จะปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ในเดือนมิถุนายนนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทราบว่าเรื่องนี้ผูกติดกับร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลก เพราะสิ่งสำคัญคือการดำเนินการตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้แล้ว แต่ยังมีการออกคำสั่งหัวหน้าคสช. ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ยืนยันว่าการพิจารณาให้พรรคการเมืองดำเนินการตามกฎหมายได้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการประชุม ซึ่งไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคง หากไม่มั่นใจ ไม่สบายใจ หรือไม่อยากปลดล็อกทั้งหมด ก็ควรอำนวยความสะดวกให้พรรคการเมืองสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ แต่ขณะนี้ทุกอย่างมีอุปสรรคไปหมด รวมถึงการยืนยันสมาชิกพรรคที่ไม่ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกได้รับทราบอีกด้วย

กกต.ยันพร้อมจัดเลือกตั้ง90วัน

     ที่สำนักงานกกต. นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีประธานสนช. ส่งร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ว่า เนื่องจากมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว กกต.คงไปก้างล่วงดุจพินิจของ สนช.ไม่ได้ หรือจะไปเสนอแนะอะไรก็ไม่ได้ ในฐานะฝ่ายปฏิบัติยืนยันว่ากฎหมายออกมาอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติและจะปฏิบัติให้ดีด้วย โดยรัฐธรรมนูญกำหนดว่าเมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับใช้บังคับ กกต.ก็จะเข้าไปจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จใน 150 วัน แต่หากจะต้องร่นระยะเวลาจัดการเลือกตั้งเหลือเพียง 90 วัน เพื่อไม่ให้กระทบกับโรดแม็พ  กกต.ก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้โดยเราจะดูความเหมาะสม  อาจใช้ไม่เต็มกรอบเวลา 150 วัน ทั้งนี้ต้องปรึกษาหารือกับหลายฝ่าย เพื่อไม่ให้เปิดปัญหาในทางปฏิบัติด้วย

      นายศุภชัย กล่าวอีกว่า กรณีที่รัฐบาลเตรียมแก้ไขคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53 /2560 นั้น ก็เป็นอำนาจของ คสช.ที่จะดำเนินการ ซึ่งก่อนหน้านี้ กกต.ได้เสนอประเด็นปัญหาที่ควรแก้ไขไปแล้ว 6 ประเด็น และหลังประชุมพรรคการเมืองเก่าเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา มีประเด็นที่พรรคการเมืองเห็นว่าเป็นข้อขัดข้องที่เกิดจากคำสั่ง คสช. ทาง กกต.ก็ได้รวบรวมส่งไปเพิ่มเติม ซึ่งก็คิดว่า คสช. คงจะแก้ไขในเร็วๆ นี้  เพราะพรรคการเมืองเก่าจะต้องดำเนินการยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคได้แค่ในเดือนเมษายนนี้ แต่ คสช. จะมีคำสั่งแก้ไขออกมาเมื่อไหร่ เราคงไปกำหนดอะไรไม่ได้

เตือนอย่าแตกแยกหวั่นอาจถูกยุบ

     นายศุภชัย  กล่าวอีกว่า วันนี้ กกต.ทั้ง 4 คน ได้มอบนโยบายการทำงานให้แก่ผู้บริหารและพนักงานการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ ตามโครงการเสริมสร้างการปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานพรรคการเมือง โดยได้ให้ความรู้ ชี้แจงวิธีการ ขั้นตอนการปฏิบัติงานพรรคการเมือง รวมทั้งทำความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติงานระหว่างสำนักงาน กกต.กับสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด เนื่องจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงจากของเดิมมาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีการประชุมพนักงาน เพื่อทำความเข้าใจ ในการปฏิบัติ และอยากให้การปฏิบัติของพนักงานยึดกฎหมาย ระเบียบอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญอยากให้ยึดเรื่องความสามัคคี เพราะขณะนี้องค์กรเรากำลังถูกจับจ้อง คิดต่างได้แต่อย่าแตกแยก ถ้าปราศจากความสามัคคีในหมู่คณะองค์กรเราอาจถูกยุบได้ และให้หน่วยงานอื่นจัดการเลือกตั้งแทน ซึ่งไม่อยากจะให้เกิดขึ้น 

"บิ๊กตู่"ลั่นไม่เลิกคำสั่ง53/2560-ชงม.44ปลดล็อกกรมประชาฯ

“พรเพชร”ยื่นศาลตีความก.ม.ส.ส.แล้ว

     ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือตอบกลับจากนายกฯ แล้วเมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาในหนังสือตอบกลับระบุเพียงสั้นๆ ว่า เห็นควรให้สมาชิกสนช.ดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องของสมาชิกสนช.ที่เข้าชื่อกัน ดังนั้น ตนจึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยได้ให้เจ้าหน้าที่นำร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

   นอกจากนี้ ยังได้ขอความอนุเคราะห์จากศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยด้วย ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้นั้น ขณะนี้ได้ให้ทั้ง 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายเจ้าของร่างเดิมและฝ่ายผู้ที่เข้าชื่อยื่นนั้นทำหนังสือชี้แจงถึงเหตุผลที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในครั้งนี้ด้วย

เปิดชื่อ27สนช.ชงยื่นศาลรธน.

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อของสมาชิกสนช.ที่ร่วมลงชื่อจำนวน 27 คน ประกอบด้วย 1.นายปรีชา วัชราภัย 2.นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ 3.นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ 4.นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล 5.นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย 6.นายสนิท อักษรแก้ว 7.นายวิทวัส บุญญสถิตย์ 8.นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ 9.นายธานี อ่อนละเอียด 10.นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ 11.นายนิเวศน์ นันทจิต 12.นายบุญชัย โชควัฒนา 13.นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา 14.พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ 15.นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง 16.พล.อ.สุนทร ขำคมกุล 17.นายภาณุ อุทัยรัตน์ 18.นายประเสริฐ  บุญสัมพันธ์ 19.นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข 20.นายประมุท สูตะบุตร 21.พล.อ.อ.อานนท์ จารยะพันธุ์ 22.พล.ร.อ.กฤษฎา เจริญพานิช 23.นายเจริญศักดิ์  ศาลากิจ 24.นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล 25.นายกิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย 26.นายชาญวิทย์ วสยางกูร และ 27.นายเจน นำชัยศิริ

    ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้นำหนังสือพร้อมสำเนาคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ส. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ มาส่งยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดยส่งให้ตีความ 2 ประเด็น คือ 1.การตัดสิทธิ์ผู้ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยให้ผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ข้าราชการรัฐสภา รองผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษา ฯลฯ ต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีที่ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และ 2.ให้สามารถช่วยผู้พิการกาบัตรเลือกตั้งได้

กปปส.-ส.ส.ชาติไทยพบ“สมคิด”

      วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. ภายหลังการประชุมครม. นายสกลธี ภัททิยกุล และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. พร้อมด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต ส.ส.สิงห์บุรี พรรคชาติไทย เดินทางเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ 1 ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีรายงานว่า การเข้าพบครั้งนี้นายสกลธีเป็นผู้นำทั้งสองคนมาหานายสมคิดเพื่อพูดคุยถึงอนาคตทางการเมือง เพราะทั้งสองคนถือเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด โดยนายณัฏฐพลได้ขาดจากความเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากลาไปอุปสมบท ส่วนนายชัยวุฒิตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคชาติไทยก็ยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด

    จากนั้นนายณัฏฐพลกล่าวภายหลังเข้าพบว่า มาหารือเกี่ยวกับโรงเรียนนานาชาติของตนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่าจะพัฒนารองรับบุตรหลานนัก ลงทุนได้อย่างไรหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า จะไปยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายณัฏฐพลกล่าวว่า ตนขาดความเป็นสมาชิกภาพแล้ว เพราะในช่วงที่ผ่านมาได้ไปอุปสมบทมา เมื่อถามย้ำว่า แล้วจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายณัฐฏพลยิ้ม พร้อมกับกล่าวว่า ตอนนี้ขอทำโรงเรียนก่อน

    ขณะที่นายสกลธีกล่าวว่า ยืนยันความเป็นสมาชิกกับพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 1 เมษายนแล้ว ด้านนายสมคิดกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องการเมือง

“สุรยุทธ์”แจงประเด็น“โอ๊ค”พาดพิง“ป๋า”

     ความคืบหน้ากรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ  อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่านำเงินบริจาคมูลนิธิเข้าบัญชีตัวเอง วันเดียวกันที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตอนนั้นยังไม่ได้ทำหน้าที่เป็นประธานมูลนิธิ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องเก่า และเกิดขึ้นมานานมากแล้ว ส่วนการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวนั้นคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตรวจสอบ เพราะว่าเรื่องเกิดขึ้นมาก่อนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ประธานมูลนิธิ 

     ส่วนที่พาดพิง พล.อ.เปรมนั้น ทราบว่า พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรมได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น  

    เมื่อถามว่าเรื่องนี้มองว่าเป็นการนำเรื่องการเมืองมาโจมตี พล.อ.เปรม และจะมีการดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น พล.อ.สุรยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว

‘ไก่อู’ย้ำรัฐบาลไม่คิดแทรกแซงสื่อ 

    ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงกรณีการลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์พีพีทีวีของนายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่าเหตุผลของการลาออกเป็นเพราะนายวันชัยวิจารณ์การทำงานของคสช. และนำเสนอข่าวเรื่องนาฬิกาหรูมากเกินไปว่า คิดว่าการลาออกของนายวันชัยไม่น่าจะมาจากเหตุผลดังกล่าว ส่วนตัวไม่ได้มีตำแหน่งใน คสช. แต่ยืนยันในนามรัฐบาลว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายการแทรกแซงสื่อ เพราะรัฐบาลมั่นใจว่าประชาชนในวันนี้ได้พัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง คือ มีความตื่นรู้ ไม่ได้ฟังแค่ว่าคนนั้นคนนี้เป็นอย่างไรตามการแสดงความเห็นของใคร แต่จะฟังเหตุผลด้วย ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง นอกจากนี้ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ในที่ประชุม ครม.วันนี้ด้วย

ปัดสั่งปลดผอ.ฝ่ายข่าวพีพีทีวี 

    “ทั้งกรณีของวอยซ์และพีพีทีวี รัฐบาลไม่มีนโยบายแทรกแซง จะไปแทรกแซงได้อย่างไร สื่อก็มีทั้งที่ด่าและชมเรา ถ้าเราซีเรียสเรื่องนี้ก็ต้องไปกำราบทุกคนที่ด่าเราแล้ว เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในยุคสมัยนี้” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

    ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกระแสข่าวกรณีที่ คสช. ได้เรียกผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์พีพีทีวีมาคุยเพื่อขอให้ปลดผู้อำนวยการฝ่ายข่าวพีพีทีวีเพราะนำเสนอข่าววิจารณ์คสช. และปมครอบครองนาฬิกาหรู ทำให้ผอ.ฝ่ายข่าวพีพีทีวีลาออกว่า “โอ๊ย ไม่มี ก็พูดกันไปเรื่อย”

ชงงัดม.44 “กรมประชาฯ” หารายได้

       นอกจากนี้พล.ท.สรรเสริญ เปิดเผยว่า ในส่วนกรมประชาสัมพันธ์ ได้เสนอให้ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ช่วยกรมประชาสัมพันธ์ให้สื่อและผู้ประกอบการที่ร่วมผลิตสื่อภายใต้ช่องทางของกรมประชาสัมพันธ์สามารถหารายได้จากการโฆษณาได้ เพราะกฎหมายเดิม ใบอนุญาตประกอบกิจการกรมประชาสัมพันธ์เป็นประเภทที่ 3 คือ ใบอนุญาตทีวีช่องสาธารณะ แต่ข้อจำกัดของกรมคือมีงบประมาณอย่างเดียว แต่ไม่สามารถหาโฆษณาได้ ทำให้ผู้ประกอบการที่มีคุณภาพไม่อยากมาผลิตรายการให้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการขอให้มีโฆษณาเพื่อมีเงินจำนวนมาก หรือเป็นช่องเชิงธุรกิจ เพราะเราไม่ได้เป็นอยู่แล้ว แต่ต้องการให้มีผู้ประกอบการที่มีฝีมือตอบโจทย์ต่อรัฐ แต่การผลิตแบบนี้ต้องใช้ต้นทุนสูง หากใช้งบประมาณอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ

      “ที่ผ่านมาในแต่ละปี กรมประชาสัมพันธ์จะได้รับงบประมาณในการทำรายการข่าวทั้งวิทยุ โทรทัศน์ รวมกันเพียง 239 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ขณะที่ต้นทุนในการผลิตรายการดีๆ มีคุณภาพต้องใช้ต้นทุนมากถึง 60-70 ล้านบาท ดังนั้นกรมประชาสัมพันธ์จึงไม่สามารถที่จะผลิตรายการดีๆ ได้ จึงจำเป็นต้องยืดหยุ่นในส่วนนี้ด้วย และไม่ได้หมายความว่าการเปิดทางครั้งนี้กรมประชาสัมพันธ์จะมีโฆษณาจนเกินเหตุ แต่จะเป็นการโฆษณาที่มีเงื่อนไขในระยะเวลาที่น้อยกว่าทีวีช่องอื่นๆ ซึ่งไม่ได้เป็นการหาโฆษณาในเชิงพาณิชย์อย่างแน่นอน” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

“บิ๊กป๊อก”ชี้อย่าเลือกให้เขาเข้ามาโกง

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการทุจริตการจัดซื้อรถขยะ และรถดูดโคลนใน 33 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ว่า หากเป็นเรื่องเก่าที่มีมาก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายเหมือนที่ตนเคยพูดไปแล้วว่าจะไม่มีการละเว้น ทั้งนี้ อยากจะบอกสังคมว่ายิ่งตรวจเจอมากก็ต้องคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อมีการโกง หรือมีการคอร์รัปชั่นแล้วเราจับได้ เมื่อจับได้แล้วก็ต้องรับโทษ และโทษแรงทั้งทางอาญา ทางแพ่ง และทางวินัยโดนทั้งหมด ให้รู้ว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป ตรวจได้ก็ต้องถูกลงโทษเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานว่าใครที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินของหลวงหรือกิจการของหลวงอย่างไรก็ต้องตรวจเจอจนได้ ซึ่งก็จะทำให้เดือดร้อนทั้งตนเองและครอบครัว ไม่น่าจะกลุ้มใจที่ตรวจเจอแต่หากตรวจไม่เจอมากกว่าที่น่ากลุ้มใจ

     “กรณีท้องถิ่น ถ้าดูให้ลึกใครเป็นคนเลือกท้องถิ่นลองไปถามประชาชนดูว่าท่านเลือกมาอย่างไรเขาถึงเข้ามาโกง ท่านก็อย่าเลือกอย่างนั้นอีกก็แล้วกัน ถ้าจะสร้างประเทศให้เข้มแข็งจริงๆ ถ้าจะเลือกนักการเมืองก็อย่าเลือกให้เขาเข้ามาโกงก็แล้วกัน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

ไอติมสมัครทหาร-ปัด ลบภาพ “มาร์ค” 

      เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าเป็นทหารกองประจำการประจำปี 2561 ที่โรงเรียนวัดทองใน ซอยสุขุมวิท 77 กรุงเทพมหานคร ในวันนี้ มีชายไทยมารอเข้ารับการตรวจเลือกเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ซึ่งเป็นหลานชายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มารอเข้ารับการตรวจเลือกด้วย ทั้งนี้ นายพริษฐ์ได้ใช้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาปรัชญาการเมืองเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ยื่นสมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการ สังกัดกองทัพบก ผลัดที่ 1 โดยผ่านขั้นตอนการตรวจร่างกาย และรอรับใบ สด.43 หรือใบรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกิน จาก พ.ท.ณัฐพัชร์ ฬาทอง ประธานการตรวจเลือกทหารกองประจำการกรุงเทพฯ คณะ 1 จากนั้น เข้ารับหมายนัด และขอสิทธิ์ลดวันรับราชการทหารกองประจำการ จาก 2 ปี เหลือ 6 เดือน ซึ่งจะเข้ารายงานตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้

     นายพริษฐ์ เปิดเผยว่า ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ก็ต้องเข้ามาเกณฑ์ทหาร เพราะไม่ได้เรียน รด. ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเข้าสมัครเป็นทหารมี 2 เหตุผล คือ อยากเลือกช่องทางที่ตรงไปตรงมาและโปร่งใสที่สุด อีกทั้งส่วนตัวเป็นคนรักเสรีนิยม การที่ตัดสินใจมาก่อนว่าจะสมัคร ทำให้รู้สึกว่า ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่ใช่การเสี่ยงโชคแล้วได้ใบที่ไม่อยากได้ พร้อมระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วางแผนอนาคตไว้ชัดเจนว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ ทั้งนี้ เคยให้สัมภาษณ์ว่า สนใจงานการเมือง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการที่ตัวเองเป็นตัวแทนของพรรคการเมืองใดๆ ก็คือ การเป็นคนไทยที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันกับคนอื่น ดังนั้นขณะนี้จึงมุ่งมั่นทำหน้าที่ในส่วนนี้ก่อน

     เมื่อถามต่อว่า การสมัครเข้ารับราชการทหารครั้งนี้ จะเป็นการลบภาพนายอภิสิทธิ์ที่เคยถูกกล่าวหาเรื่องการหนีการเกณฑ์ทหารหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าเป็นการลบภาพ เพราะกรณีของนายอภิสิทธิ์ได้ตัดสินไปแล้ว ได้เห็นข้อเท็จจริงกันแล้ว เรื่องการสมัครเข้ารับราชการทหารนั้น ตนเป็นหนึ่งในประชาชนทุกคนที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ตนก็ทำหน้าที่ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนายอภิสิทธิ์

เปิดสายตรงไทยนิยม ‘สายตรงลุงตู่’

     ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ เป็นประธานการประชุมครม. โดยก่อนการประชุม พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยนางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ นำคณะเข้าพบนายกฯ ติดเข็มกลัดดอกลำดวนสัญลักษณ์วันผู้สูงอายุ เพื่อประชาสัมพันธ์งาน "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ประจำปี 2561 ตามที่ ครม.มีมติอนุมัติและประกาศให้เป็นวันที่ 13 เมษายนของทุกปี

     จากนั้นนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำนายกฯ เยี่ยมชมการเปิดสายตรงไทยนิยม “สายตรงลุงตู่” ซึ่งเปิดใช้เป็นวันแรกผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และแอพพลิเคชั่น ที่ประกอบด้วยแอพพลิเคชั่น police I lert U แจ้งเบาะแสเหตุด่วนเหตุร้าย 191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายตรงศูนย์ดำรงธรรม 1567 ของกระทรวงมหาดไทย และศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ สายด่วน 1299 ของ คสช. เมื่อนายกฯ มาถึงบูธของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กล่าวชื่นชมว่า ขอให้ทำให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่รายงานว่า ขณะนี้เปิดให้บริการแล้วใน 36 จังหวัด และหลังเทศกาลสงกรานต์จะเปิดให้ครบทั่วประเทศทั้ง 77 วัน ทั้งนี้ ได้มีการส่งไปในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยนายกฯ กล่าวว่า ต้องมีการรวบรวมผลการปฏิบัติด้วย ทำให้เกิดเป็นรูปธรรมเท่าไหร่ ต้องสั่งให้หน่วยปฏิบัติรับทราบด้วยว่าต้องทำอย่างไร

    เมื่อนายกฯ เดินมาถึงบูธศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) นายกฯ ได้เฟซบุ๊กไลฟ์สดรับเรื่องร้องเรียนด้วยตัวเองจากชาวบ้าน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมคนรู้จัก จำนวน 8 หมื่นบาท และถูกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยนายกฯ ได้สอบถามว่าไปกู้จากใคร ซึ่งเรื่องนี้มีกฎหมายอยู่แล้ว จะเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินไม่ได้ อีกทั้งยังมีคณะกรรมการอยู่ จะให้ลงไปประสานงานไกล่เกลี่ย และหากจะกู้เงินอีกให้ไปกู้ในระบบที่มีดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 36 เปอร์เซ็นต์ต่อปี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ในวิสัยที่จะแก้ได้ ขณะนี้รับเรื่องไว้แล้ว และสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการทันที

"บิ๊กตู่"ลั่นไม่เลิกคำสั่ง53/2560-ชงม.44ปลดล็อกกรมประชาฯ

“ออเจ้า”บุกทำเนียบพบนายกฯ

    เมื่อเวลา 07.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ผู้จัดละคร “บุพเพสันนิวาส” เดินทางมาถึงทำเนียบ และให้สัมภาษณ์ก่อนจะนำเหล่าดารานักแสดงเข้าพบนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย “ขุนสณีวิสารวาจา” นายธนวรรธน์ วรรธนะภูติ หรือโป๊ป “แม่หญิงการะเกด” น.ส.ราณี แคมเปน หรือเบลล่า “คอนแตนติน ฟอลคอน หรือออกหลวงสุระสงคราม” นายหลุยส์ สก๊อต "ท้าวทองกีบม้า หรือแม่มะลิ” น.ส.สุษิรา แน่นหนา หรือซูซี่ “ขุนเรืองอภัยภักดี” นายปรมะ อิ่มอโนทัย หรือปั่นจั่น และ “แม่หญิงจันทร์วาด” น.ส.กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล หรือมะปราง

     ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์  บอกกับนายธนวรรธน์ ซึ่งรับบทเป็น ขุนศรีวิสารวาจา ให้ลองพูดบทละครให้ฟังสักประโยค ซึ่งนายธนวรรธน์ได้หันไปพูดกับนายกฯ ว่า “ออเจ้าเป็นคนกำเริบ ไม่รู้จักกาลเทศะ” พล.อ.ประยุทธ์จึงได้พูดว่า “หันไปพูดกับนางเอกสิ ไม่ใช่มาว่าฉัน” สร้างเสียงหัวเราะครึก

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ