ท้าสอบทุจริตรัฐสภาใหม่ ทีมสอบ-เอกชนโต้เดือด

 

            เวทีเสวนาตรวจสอบปัญหาสร้างรัฐสภาใหม่โต้เดือด “อนุทิน”นำทีม “ซิโน-ไทย” แจงปมขยายเวลาเอื้อประโยชน์ รับประกันไม่มีทุจริต “ศรีสุวรรณ“ จ่อแจ้งเอาผิดละเมิดกฎหมายก่อสร้าง “วิลาศ ”เผยสำนักงบฯระบุขอเพิ่มแบบไร้แผน กังขางบไอซีทีซื้อไมค์ตัวละ 1.2 แสน

            ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเครือข่ายตรวจสอบภาคประชาชน ได้จัดเวทีประชาชนตรวจสอบคอร์รัปชันหัวข้อ “การตรวจสอบปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ กรณีไอที-รัฐสภาแห่งใหม่” โดยมีนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายโชติจุฑา อาจสอน ที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ร่วมเสวนา รวมทั้งนายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) และนายโชติจุฑา อาจสอน กรรมการบริหารที่ปรึกษาโครงการฯ เข้าร่วมชี้แจง

            นายวัชระ ระบุถึงปัญหาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.งบประมาณระบบไอซีทีที่จากเดิมกำหนดไว้ 3,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้โป่งเป็น 8,000 ล้านบาท และ 2.การขอขยายระยะเวลาก่อสร้างที่ดูพิสดารที่สุด ถึง 3 ครั้ง รวมประมาณ 1,400 วัน ซึ่งเป็นการขยายเวลาเกินกำหนดภายใน 900 วันตามเงื่อนไขสัญญา ดังนั้นจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเอื้อเอกชนหรือไม่ และขอถามว่าในเมื่อบริษัทซิโน-ไทย ทราบอยู่แล้วว่า ทางสภาจะส่งมอบพื้นที่ไม่พร้อมกันเหตุใดจึงยอมเป็นคู่สัญญา และจริงหรือไม่ที่มีการแก้ไขแบบก่อสร้างบริเวณโถงกลางรัฐสภาแห่งใหม่ จากที่เคยกำหนดให้รับลมจากแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

            นายอนุทิน ชี้แจงว่า ตนและทีมงานที่มาร่วมเสวนา เพราะการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซิโน-ไทยฯซึ่งเป็นกิจการของบิดา(ชวรัตน์ ชาญวีรกูล) และเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งกำลังถูกพาดพิงว่ามีการใช้อำนาจหรืออิทธิพลในการต่อสัญญาขยายเวลาการก่อสร้างให้กับบริษัทซิโน-ไทยฯ ดังนั้นจึงอยากขอชี้แจง และบอกนายวัชระว่า การตรวจสอบในฐานะประชาชนและด้วยสปิริตเป็นเรื่องดี แต่บางครั้งจะไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากหน่วยงานราชการ จะถูกต้องเฉพาะเพียงตัวเลข ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่นำมาพูดไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ เลย เป็นเพียงแต่ว่านายวัชระได้รับฟังมาจากผู้ที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น

            สำหรับการขยายระยะเวลาก่อสร้างให้กับบริษัท ซิโน-ไทยฯนั้น สาเหตุเกิดจากการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ซึ่งตามสัญญาต้องส่งมอบให้ในปี 2557 แต่ความจริงสภาส่งมอบพื้นที่ครบเมื่อเดือน พ.ย.2559 ดังนั้นเงื่อนไขต้องสร้างเสร็จภายใน 900 วัน เสร็จแน่นอนแต่ต้องนับแต่ส่งมอบพื้นที่ครบแล้ว

            “ส่วนข้อสงสัยว่าบริษัททราบว่าการก่อสร้างครั้งนี้จะมีปัญหาแต่ทำไมยังรับก่อสร้างนั้น ผมอยากจะบอกว่า บริษัทถือคติเอากล่องไม่เอาเงิน เอาศักดิ์ศรี เอาความภาคภูมิใจ จะได้เขียนลงในประวัติบริษัทว่าเคยก่อสร้างรัฐสภาซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของประเทศ ด้วยเกียรติของผม ของคุณพ่อผม มีเกียรติเพียงพอที่จะรับประกันว่าโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่มีความโปร่งใส และนายวัชระก็สามารถขยับก้นเข้าไปนั่งในสภาแห่งใหม่ได้ สะอาดแน่นอน ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล” นายอนุทิน กล่าว

            นายอนุทิน กล่าวอีกว่า กรณีหากบริษัททำไม่ทันตามกำหนดแล้วจะต้องเสียค่าปรับนั้น ขอยืนยันว่าบริษัทไม่ได้ทำผิดแต่ประการใด และตามข้อเท็จจริงบริษัททำงานคืบหน้าเกินกว่ากำหนดด้วยซ้ำไป ส่วนงานระบบไอทีนั้นไม่ได้อยู่ในขอบเขตหรือเนื้องานของผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบ ไม่มีความเกี่ยวข้องในการออกแบบและจัดซื้อจัดจ้างแต่ประการใด

            นายวิลาศ กล่าวว่า สภาฯส่งมอบพื้นที่ครบเมื่อเดือน พ.ย.2559 และตามสัญญาที่ขยายมีกำหนดต้องทำให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.2562 หากคำนวณแล้วเกิน 900 วัน ดังนั้นสิ่งที่นายอนุทินพูดว่าสร้างเสร็จภายใน 900 วัน นับแต่วันส่งมอบพื้นที่จึงไม่เป็นความจริง อีกทั้งก่อนหน้าจะส่งมอบพื้นที่ครบก็ได้ดำเนินก่อสร้างไปแล้ว โดยความคืบหน้า ณ เดือน พ.ย.2559 ประมาณร้อยละ 28 ซึ่งต้องนำมาหักลบกันด้วย ไม่ควรจะนับหนึ่งใหม่ช่วงส่งมอบพื้นที่ครบ

            สำหรับระบบไอทีที่มีปัญหาได้จ้างบริษัท เมอร์ลินส์ โซลูชั่นส์ อินเตอร์เนชั่นนัล จำกัด ให้มาเป็นที่ปรึกษาวางระบบโดยวิธีพิเศษ โดยอ้างว่ามีเวลาจำกัดในการหาผู้ว่าจ้าง จนทำให้ประธานที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวต้องลาออก เนื่องจากมีการล็อบบี้ให้บริษัทดังกล่าว แถมขณะนั้นยังมีการโฆษณาด้วยว่าบริษัทเมอร์ลินส์ลดราคาให้ด้วย ต่อมาบริษัทได้เขียนโครงการและส่งให้คณะกรรมการพิจารณา สุดท้ายที่ประชุมอนุมัติไมโครโฟน ราคา 120,000 บาทต่อตัว

            นายวิลาศ กล่าวเพิ่มเติมว่า งบประมาณระบบไอซีทีจากเดิมกำหนดไว้ 3,000 ล้านบาท และเปลี่ยนใหม่เป็น 6,900 ล้านบาท ต่อมา วันที่ 17มี.ค. ที่ผ่านมา งบประมาณกลายเป็น 8,640 ล้านบาท และหากดูรายละเอียดต้องบอกว่าน่าเกลียดเป็นบ้า เพิ่มมา 1,700 ล้านบาท

            “เละตั้งแต่เริ่มสร้าง รวมถึงงบประมาณ คิดจะเสนออะไรก็เสนอ สำนักงบประมาณส่งเอกสารมาให้ผม บอกให้ช่วยอัดหน่อย ถ้าผมได้เป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (กมธ.ป.ป.ช.)อีก จะสอบเรื่องนี้เรื่องแรก รับรองสนุกสนานแน่ โครงสร้างก่อสร้างมีความผิดปกติ ถ้าสอบสวนเจอแน่ แต่ผมยังไม่ร้องป.ป.ช.ชุดนี้ ให้เปลี่ยนรัฐบาลแล้วค่อยร้อง และจะตั้งกรรมการสอบ” นายวิลาศ กล่าว

            นายภาคภูมิ กล่าวว่า ตามความเห็นของนายวิลาศวันที่ส่งมอบพื้นที่สุดท้าย ความก้าวหน้าในการก่อสร้างเกือบ ร้อยละ 30 ซึ่งถ้าคำนวณตามหลักบัญญัติไตรยางศ์ จะเหลืองานก่อสร้างเพียงร้อยละ70 ไม่ใช่นับหนึ่งตั้งแต่ส่งมอบพื้นที่ครบ ซึ่งตนขอชี้แจงว่าจะคำนวณแบบนั้นไม่ได้ เพราะต้องยึดตามหลักก่อสร้างวิศวะ และมีอีกหลายปัจจัยต้องนำมาคำนวณรวมด้วย ทั้งนี้ทางเราได้แจ้งต่อสภาฯแล้วว่าถึงก่อสร้างเสร็จ สภาฯยังใช้งานไม่ได้ เพราะเสร็จแต่โครงสร้างและตกแต่งภายใน ส่วนพวกระบบไอที เช่น ระบบการนับคะแนนในห้องประชุม ไม่ได้อยู่ในสัญญาของบริษัทฯ

            นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จริงๆ ตนเห็นว่าการส่งมอบควรจะส่งได้ไปในเดือน ส.ค.2562 ไม่ใช่ปลายปี 2562 ส่วนเรื่องงบไอทีนั้นตนเห็นด้วยกับนายวิลาศว่า มันมีการกำหนดงบประมาณโดยไม่มีที่มาที่ไป การก่อสร้างรัฐสภานั้นมีการละเมิดกฎหมายกันหลายกรณีมาก ต้องถามว่ารัฐสภาเขาไม่ควบคุมให้การก่อสร้างเป็นไปตามกฎหมายเลยหรือ เช่นการก่อสร้างห้ามกระทำในวันเสาร์- อาทิตย์ ก่อสร้างไม่เกิน 16.00 น. การก่อสร้างต้องมีการเอาผ้ามาคลุมเพื่อไม่ให้ฝุ่นกระจาย ข้อห้ามเหล่านี้ถูกละเมิดหมด ทำไมทางรัฐสภาถึงไม่เข้ามาทำกับดูแลด้วย ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ตนจะไปแจ้งความที่ สน.ดุสิต เพื่อให้เอาผิดในเรื่องนี้

            นายโชติจุฑา กล่าวว่า ในส่วนของการขยายระยะเวลาในก่อสร้างรัฐสภา 3 ครั้ง ไม่ใช่เรื่องใหม่และชี้แจงตลอด สาเหตุมาจากความล่าช้าในการขนดิน ซึ่งที่ปรึกษาได้แนะนำให้ขายดินเพื่อเป็นการระบาย แต่ผู้บริหารสภาชุดเก่ามีความลังเลจะขายดินด้วยดีหรือไม่ จึงทำให้เกิดความล่าช้าขึ้น

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศตั้งแต่เริ่มเสวนาเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากผู้บริหารและเจ้าหน้าที่บริษัทซิโน-ไทยฯ เกือบร้อยคนเดินทางมาร่วมรับฟัง