ข่าว

"บิ๊กป้อม"ขู่สมชัยอย่าจ้อผิดกฎหมาย-"บิ๊กตู่"แจงฝ่ายก.ม.ขอมา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“บิ๊กตู่” ย้ำจำเป็นต้องใช้ม.44ปลด“สมชัย”เหตุหน่วยงานด้านกฎหมายขอมา  ด้าน“สมชัย”เตรียมเปิดใจ 23 มี.ค. ขณะที่"ประวิตร"ฮึ่มอย่าเคลื่อนไหวขัดกฎหมาย 

 

     เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ และคณะ เดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 33 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ก่อนเดินทางต่อไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักอินทรีย์ โพธิ์ศรีสำราญ ต.หัวนา อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคการเกษตรเชิงบูรณาการตามแนวทางศาสตร์พระราชา   หลังจากพบปะประชาชน และเป็นสักขีพยานในการมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลให้แก่ผู้แทนประชาชน นายกฯ ได้มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย และทำพิธีเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านโพธิ์ศรีสำราญ จากนั้นเยี่ยมชมนิทรรศการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ พลังงานทดแทน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเกษตรกรและแปลงปลูกผักอินทรีย์

    ต่อมาในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการดำเนินงานของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ รับฟังการนำเสนอข้อมูลการดำเนินงานของเครือข่าย เยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ และร่วมเวทีประชาคมหมู่บ้านตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ประมาณ 300 คน จากนั้น เยี่ยมชมกระบวนการผลิตผ้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ด้านหัตถกรรม และสินค้าโอท็อป ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

"บิ๊กป้อม"ขู่สมชัยอย่าจ้อผิดกฎหมาย-"บิ๊กตู่"แจงฝ่ายก.ม.ขอมา

แจงมีเหตุใช้ม.44 ฟัน“สมชัย”

    พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กรณีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 4/2561 มาตรา 44 ให้นายสมชัยยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่า เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น มีหน่วยงานขอมา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวกับกฎหมายเสนอมา ระบุว่าไม่ไหวแล้วมันทำให้ทุกอย่างสับสนอลหม่านพอสมควร ก็ไม่อยากให้ใช้มาตรา 44 กับใคร สื่อก็พอได้แล้ว จบได้แล้ว อย่าไปขยายให้เลย นายสมชัยเองก็รู้ตัว วันนี้ยิ่งไปขยายให้ก็ยิ่งจะทำให้พูดหนักขึ้นไปอีก ทีนี้จะให้ใช้มาตรา 45 เลยไหม ขอร้องหากเรื่องใดที่เป็นประโยชน์ก็รับฟัง ฟังทุกอย่างมา 4 ปีแล้ว และขณะนี้กำลังจะเลือกตั้งแต่สับสนไปหมด ต้องไปถามว่านายสมชัยเป็นคนกำหนดวันเวลาเลือกตั้งหรืออย่างไร รัฐบาลและคสช.เป็นผู้กำหนดหรือกกต.เป็นผู้กำหนดกันแน่

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อไหร่ที่มีการกำหนดวันเลือกตั้ง กกต.จะมีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ต้องเตรียมการตรงนี้ ไม่ใช่ไปพูดว่าเมื่อนั้นเมื่อนี้ ซึ่งได้บอกไปแล้วไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ถือว่าจบแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาถกเถียงเรื่องช่วงเวลาอีกแล้ว แต่กลับไปพูดเดือนตุลาคมอีก สับสนไปหมด แต่มองอีกมุมนายสมชัยคงหวังดี ก็ไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้

    เมื่อถามว่าหากยังเคลื่อนไหว นายกฯ ย้อนถามว่า ใครจะเคลื่อนไหว ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดแล้ว สื่อก็อย่าไปขยายให้เขาแล้วกัน พูดแล้วรู้สึกคันที่นิ้ว

ยันไม่ใช้อำนาจพิเศษลงโทษใคร

     อย่างไรก็ตามนี้ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ 200 กว่ามาตรา ท้ายสุดต้องไปดูพระราชบัญญัติต่างๆ แต่เอารัฐธรรมนูญมาทะเลาะกันอย่างเดียวไม่ได้ กฎหมายลูกมีเป็นร้อยเป็นพัน นอกจากนี้เรื่องทุจริตอย่าให้เกิดขึ้น เราต้องสนใจสิทธิประโยชน์ของตัวเอง ส่วนเรื่องที่กำลังตรวจสอบอยู่ เช่นโครงการเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรณีอื่นๆ ติดคุกหมด รวมถึงโทษทางวินัย อาญา และแพ่ง กฎหมายมีอยู่แล้ว รัฐบาลนี้เข้ามาทำไม่ได้เร็วนัก เพราะต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ใช้อำนาจพิเศษลงโทษ แต่ต้องให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

    “อย่าให้ใครมาปลุกปั่น ไปประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล อย่าไปเลย เสียเวลาเสียเงินเสียทอง อยู่บ้านนอน มีอะไรส่งศูนย์ดำรงธรรม ผมแก้ให้หมด แก้มากแก้น้อย แก้เร็ว แก้ช้า ก็ว่าไปตามกลไก อย่าไปประท้วง อย่าให้ใครเขาปลุกปั่นอีกเลย ไม่เกิดประโยชน์กับท่านหรอก คนอื่นเขาเดือดร้อนไม่ได้ ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น”

ย้ำไทยนิยมไม่ใช่หาเสียงให้ตนเอง

     ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนชาวหนองบัวลำภูว่า ดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มจากทุกคน เพราะทุกคนคือคนไทยไม่ว่าจะอยู่ภาคหรือจังหวัดใด ก็แบ่งแยกไม่ได้ ต้องรักและช่วยกัน รัฐบาลจะเข้ามาดำเนินการด้วยโครงการไทยนิยมยั่งยืน ไม่ใช่โครงการหาเสียง ขณะที่ประชาชนต้องใช้ประโยชน์ อย่าให้ใครมาโกง ใครโกงขอให้แจ้งมา และในการทำประชาคมถ้าส่วนใหญ่เขาต้องการสิ่งนี้ ส่วนน้อยต้องยอมรับไม่ใช่ฟ้องว่ามีทุจริต และสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องหลักคิดที่ถูกต้องและดูแลทุกคน ส.ส.ที่มาจากทุกพื้นที่ทุกจังหวัดมาจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งเป็นธรรมดามีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายไหนเป็นรัฐบาลก็ลงพื้นที่ของเขา ใครเป็นฝ่ายค้านไม่ค่อยได้ แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะได้ตลอดไป ไม่ได้ ต้องนึกถึงคนอื่นด้วย ฉะนั้นต้องมีรัฐบาลที่ทำแบบนี้ ลงมาทุกพื้นที่ทุกจังหวัด

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า คำถาม 10 ข้อที่ตนถามประชาชนมีคนตอบแล้ว 1.5 ล้านคน ล้วนแต่เป็นคนที่จบการศึกษาชั้น ป.4 ทั้งสิ้น แต่คนที่จบการศึกษาสูงไม่ค่อยมาตอบ และเป็นภาคเกษตรเสียส่วนใหญ่ นอกจากนี้ทุกประเทศชื่นชมประเทศไทย แต่ถามว่าทำไมประเทศไทยวุ่นวายกันนัก ประเทศอื่นส่งคนไปสำรวจจะไปอยู่โลกไหนกันแล้วถ้าโลกนี้อยู่ไม่ได้ แต่ประเทศไทยยังเริ่มต้นประชาธิปไตยเปาะแปะๆ อยู่ กี่ปีมาแล้ว ประชาธิปไตยมาจากประชาชนชาวไทย ไม่ใช่ประชาชนกลุ่มนี้ๆ

"บิ๊กป้อม"ขู่สมชัยอย่าจ้อผิดกฎหมาย-"บิ๊กตู่"แจงฝ่ายก.ม.ขอมา

“สมชัย”เก็บของหลังโดนม.44เด้ง

ที่สำนักงาน กกต. มีรายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ที่ถูก คสช.สั่งปลดออกจากตำแหน่งเดินทางมาเก็บของที่ห้องทำงาน ซึ่งต่อมา นายสมชัยโพสต์เฟซบุ๊กอธิบาย เพราะมีกระแสและมีการตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงถูกคำสั่งปลด มีเนื้อหาระบุถึงเรื่องใหญ่ที่ได้แสดงความเห็นหรือทักท้วงในลักษณะของการคาดการณ์ 6 เรื่อง ประกอบด้วย ก่อนการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ได้บอกกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าหากเดินหน้าจัดการเลือกตั้งทั้งๆ ที่ 28 เขต ไม่สามารถรับสมัครได้ ท้ายสุดการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นการจัดการเลือกตั้งที่ขัดรัฐธรรมนูญ คือ ไม่ใช่วันเดียวกันทั้งประเทศ ฝ่ายรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ส่วนที่เหลือ และการเลือกตั้ง ส.ว.ในวันเดียวกัน คือวันที่ 30 มีนาคม 2557 แต่ กกต.ไม่เห็นด้วย ควรเลือก ส.ว.อย่างเดียว

เตรียมเปิดใจปมปลด23มีนาคม

    นอกจากนี้ ยังมีประเด็นหัวหน้า คสช.ตั้งคำถามต่อประชาชนว่า คสช.มีสิทธิสนับสนุนพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่งเห็นว่า หาก คสช.หมายถึงตัวบุคคล ย่อมสนับสนุนพรรคใดก็ได้ แต่หาก คสช.เป็นองค์กรที่เป็นหลักในกลไกการบริหารประเทศ การสนับสนุนพรรคการเมืองอาจไม่เหมาะสม จึงให้ข้อเท็จจริงว่าการเลือก กกต.จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่เป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย ผลคือ สนช.ลงมติไม่รับรองชื่อ กกต. 7 คน ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องมีการคัดเลือกใหม่โดยยอมแก้ไขข้อบังคับการประชุมให้เป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย และผู้ผ่านการคัดเลือก 2 คนเดิม ยังสมัครในรอบนี้อีก

    นอกจากนี้ได้คาดการณ์ว่าหาก สนช.เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โรดแม็พจะเคลื่อนออกไป 2 เดือน ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ประธาน สนช. และนายสมชาย แสวงการ ก็ให้สัมภาษณ์ตรงกันว่า หากยื่น พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ต่อศาลรัฐธรรมนูญ โรดแม็พจะเคลื่อน 2-3 เดือน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายืนยันว่าโรดแม็พไม่เคลื่อน และคาดการณ์ว่า หาก สนช.มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ในประเด็น พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. โรดแม็พจะเคลื่อน 0-6 เดือน คือ ในกรณีที่ศาลมีคำวินิจฉัยโดยเร็วและไม่เป็นการแก้ไขในสาระสำคัญ สามารถเสร็จในช่วงเวลาไม่เกิน 90 วัน โรดแม็พจะไม่เคลื่อน แต่หากศาลชี้ว่า ประเด็นที่ขัดหรือแย้งเป็นสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ป. จะทำให้ร่าง พ.ร.ป.ดังกล่าวตกไป ต้องเริ่มกระบวนการยกร่างใหม่ ใช้เวลารวมประมาณ 6 เดือน ซึ่งมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ต้องรอดูผลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตามวันที่ 23 มีนาคม จะเล่าให้ฟังว่า การอธิบายในเรื่องใดที่ยังไม่ได้พูด และอาจเป็นเหตุให้ คสช.หวั่นไหว จนต้องออกคำสั่ง ม.44 ให้พ้นจากหน้าที่

"บิ๊กป้อม"ขู่สมชัยอย่าจ้อผิดกฎหมาย-"บิ๊กตู่"แจงฝ่ายก.ม.ขอมา

บิ๊กป้อมเตือนอย่าทำขัดกฎหมาย

     ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ประกาศจะเคลื่อนไหว หลังถูกคำสั่งมาตรา 44 ปลดออกจากตำแหน่ง จะกลายเป็น คสช.เพิ่มศัตรู ว่า ก็ให้เขาเคลื่อนไหวไป แต่อย่าเคลื่อนไหวที่ขัดกับข้อกฎหมาย

     เมื่อถามว่า ทำไมช่วงนี้นายกฯ ใช้อำนาจตามกฎหมายย้ายข้าราชการบ่อย หรือเป็นเพราะ คสช.ดุขึ้น หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คสช.ไม่ได้ดุขึ้น ส่วนสาเหตุที่ย้ายนายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ไปปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น เพราะเขาทำงานมานาน และแก้ไขปัญหายางพาราไม่สำเร็จ โดยเฉพาะราคายาง ไม่ใช่ว่า คสช.จะดุขึ้นแต่อย่างใด

     พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีที่ นางทิชา ณ นคร อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เรียกร้องให้ทำตามสัญญาให้ลาออกจากตำแหน่งจากกรณีที่ระบุว่าหากประชาชนไม่ต้องการก็จะลาออกจากตำแหน่งว่า ตนยังไม่ได้ผิดอะไร เรื่องครอบครองนาฬิกาหรู ต้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ตัดสินชี้ขาด เพราะได้ชี้แจงไปตามขั้นตอนหมดแล้ว

"บิ๊กป้อม"ขู่สมชัยอย่าจ้อผิดกฎหมาย-"บิ๊กตู่"แจงฝ่ายก.ม.ขอมา

“จาตุรนต์”เชื่อปลด“สมชัย”มีนัย

    ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวหลังหัวหน้าคสช. ใช้มาตรา 44 ปลดนายสมชัยออกจากตำแหน่ง ว่า เรื่องนี้มีนัยสำคัญมากกว่าที่หลายคนคิด ที่นายสมชัยแสดงความเห็นบ่อยๆ ถ้าผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินคดีได้ แต่ไม่อาจใช้เป็นเหตุปลดนายสมชัยได้ การที่หัวหน้าคสช.ออกคำสั่งปลดนายสมชัยจาก กกต. ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อบ้านเมืองอีกหลายประการ คือ 1.เป็นการลงโทษบุคคลโดยไม่ใช้กระบวนการตามกฎหมายปกติ ไม่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจงหรือสู้คดีจึงเป็นการทำตามอำเภอใจ เป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม ขัดและทำลายหลักนิติธรรมหรือไม่

    2.เป็นการแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระที่มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง ดูแลให้พรรคการเมืองปฏิบัติตามกฎหมาย และให้ทุกพรรคการเมืองได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกันหรือไม่ และ 3.มีผลต่อความเป็นอิสระขององค์กรอิสระอื่นๆ ทั้งหมด ที่ย่อมหวั่นเกรงว่า หากทำอะไรให้คสช.ไม่พอใจ ก็อาจถูกคสช.ออกคำสั่งให้โทษต่อองค์กรหรือบุคคลในองค์กรเมื่อไรก็ได้ ซึ่งไม่ผ่านกระบวนการตามกฎหมายที่เป็นธรรม เท่ากับทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรอิสระทั้งระบบ

"บิ๊กป้อม"ขู่สมชัยอย่าจ้อผิดกฎหมาย-"บิ๊กตู่"แจงฝ่ายก.ม.ขอมา

“มาร์ค”ลั่นพร้อมลุยเลือกตั้งแต่ติดล็อก

     วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเชิญพรรคการเมืองต่างๆ มาหารือร่วมกันในเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะให้แต่ละพรรคนำเสนอนโยบายด้วย ว่า สงสัยว่าตกลงพล.อ.ประยุทธ์จะให้บอกหรือไม่ให้บอก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องมาขอ เพราะให้นโยบายไปหลายเรื่องแล้ว อาทิ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งในยุคของตน ใครมีปัญหานี้ ขอให้ออกจากตำแหน่งไปก่อน เรื่องบัตรคนจน ถ้าเป็นตนจะให้เป็นเงินสดเพื่อมีเงินหมุนเวียนในชุมชน เรื่องอย่างนี้เราให้มาตลอด ไม่ต้องขอ แล้วรัฐบาลทำหรือไม่

     เมื่อถามว่ายังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ประมาณนั้น แต่ไม่ได้ยึดติดหรือดูฤกษ์ว่าจะต้องเดือนใด พรรคประชาธิปัตย์พร้อมลงสนามเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่ยังมีปัญหาคือการไม่ปลดล็อกพรรคการเมืองให้ทำงานได้ หากปลดเมื่อไหร่ ทุกพรรคพร้อมอยู่แล้ว ถ้าพรรคการเมืองจะประชุมตามกฎหมาย ตนมองไม่เห็นเลยว่าจะกระทบความมั่นคงตรงไหน แต่ถ้าพรรคใดที่ต้องการสร้างผลกระทบกับความมั่นคง เขาก็ทำอยู่แล้ว ไม่รอปลดล็อก และคงไม่มีใครเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคโดยมีวาระการประชุมเพื่อสร้างความปั่นป่วนในบ้านเมือง

เตรียมแถลงแนวทางปชป. 1 เม.ย.

     ต่อข้อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทำอย่างไรบ้าง หลังจากคสช.ปลดล็อกแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะบอกในสัปดาห์หน้า เพราะวันที่ 1 เมษายนนี้ จะเริ่มกระบวนการยืนยันความเป็นสมาชิกพรรค เคยสอบถาม กกต. และคสช.แล้วว่าการที่คสช.บอกว่าที่ให้ยืนยันความเป็นสมาชิกพรรค เพราะสมาชิกต้องรู้ว่าเมื่อมีกฎหมายใหม่ พรรคต่างๆจะมีอุดมการณ์หรือแนวทางอย่างไร แต่ในเมื่อไม่ให้ประชุม ก็มีมติออกมาไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ เคยถามเขาแล้ว แต่เขาไม่ตอบ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 เมษายน จะแถลงถึงแนวทางที่ตั้งใจไว้ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจของสมาชิกว่าเขายังยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคต่อหรือไม่

เมื่อถามว่าถ้าเปรียบกับทีมฟุตบอล พรรคประชาธิปัตย์กับคสช.เป็นเหมือนกับทีมใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คสช.เปรียบยาก เพราะคสช.แสดงตัวเป็นกรรมการอยู่ แต่ไม่ปิดทางที่จะลงมาเล่นเอง มันมีทีมไหนในโลกที่จะเอามาเปรียบเทียบกับแบบนี้ได้

"บิ๊กป้อม"ขู่สมชัยอย่าจ้อผิดกฎหมาย-"บิ๊กตู่"แจงฝ่ายก.ม.ขอมา

ไม่สนสุเทพแยกตัวตั้งพรรคหรือไม่

    นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ยังไม่มีส.ส.ของพรรคคนใดที่บอกว่าจะไม่ทำงานกับพรรคต่อไป คงไม่มีอะไรผิดปกติ ช่วงการเลือกตั้งทุกครั้งมีคนออกไปอยู่บ้างไม่มาก ขณะเดียวกันมีคนหน้าใหม่เข้ามา ซึ่งเราไม่ได้มุ่งเอาอดีตส.ส.จากพรรคอื่น แต่พยายามดึงคนรุ่นใหม่และคนที่มีพื้นฐานที่หลากหลายให้เข้ามามากขึ้น

    นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส. แยกตัวออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และอาจตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า ถ้ามีการจัดตั้งพรรคขึ้นมา ทุกพรรคก็ต้องแข่งขันกัน ได้ยินข่าวว่านายธานี เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันอยู่ว่าเดินหน้าต่อ ถือว่าเป็นอีกพรรคการเมืองที่ต้องมาแข่งขันกัน

    เมื่อถามว่าถ้านายธานีตั้งพรรคใหม่จริง จะเป็นพันธมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากมีสิ่งที่เป็นจุดยืนร่วมกัน ส่วนการที่นายธานีระบุว่าพรรคของเขาขอเป็นที่ 2 นั้น ไม่ทราบ กลยุทธ์ของแต่ละพรรคเป็นเรื่องที่เขาวางไป แต่พรรคประชาธิปัตย์มุ่งหน้าทำให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด เพราะระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ทำให้ทุกคะแนนต้องถูกนำมาคำนวณจำนวน ส.ส. ต้องเดินหน้าว่าทำอย่างไรที่จะมีข้อเสนอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นว่าเราสามารถเป็นที่พึ่งหรือนำพาอนาคตของประเทศได้

เพื่อไทยเป่านกหวีดเช็กอดีตส.ส.

      ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย วันเดียวกัน รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ที่อาคารโอเอไอ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เชิญอดีตส.ส.ของพรรค มาทำความเข้าใจตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน คสช.ผ่อนคลายพรรคการเมืองเดิม สามารถดำเนินการสำรวจและยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค

     บรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยตลอดทั้งวันนั้น มีอดีตส.ส.ของพรรคทุกภูมิภาค ทยอยเดินทางเข้าพรรคกันอย่างหนาตา แม้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ทางพรรคจะทำได้เพียงขั้นตอนทางธุรการ แต่ถือเป็นการสำรวจไปในตัวว่าอดีตส.ส.ของพรรค ยังยืนยันจะร่วมงานทางการเมืองกับพรรคต่อไปหรือไม่

     “ที่ผ่านมามีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอดีตส.ส.บางคนในบางพื้นที่ เตรียมไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่น หากอดีตส.ส.ไม่มายืนยันการเป็นสมาชิกพรรค เท่ากับว่าเตรียมไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่น หากเป็นผู้ที่เคยได้รับการเลือกตั้งมาก็จะได้เตรียมพื้นที่เลือกตั้งไว้ สำหรับผู้ที่มีความพร้อมและเหมาะสมต่อไป” แหล่งข่าว กล่าว

"บิ๊กป้อม"ขู่สมชัยอย่าจ้อผิดกฎหมาย-"บิ๊กตู่"แจงฝ่ายก.ม.ขอมา

อีสานโพลหนุนกาบัตรภายในปี61

     อีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง “พรรคการเมืองในฝันของคนอีสาน” โดย ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล ว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นคนอีสานในประเด็นจุดเด่นของพรรคการเมืองที่คนอีสานต้องการ เพื่อเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองต่างๆ นำไปประยุกต์ใช้ปรับปรุงจุดเด่นและจุดด้อยของพรรคการเมืองให้ตรงกับความต้องการของคนอีสานต่อไป โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-19 มีนาคม จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,190 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด

     เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า การจัดเลือกตั้ง ส.ส.ช่วงใดเหมาะสมที่สุด พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.5 เห็นว่า ควรจัดเลือกตั้ง ส.ส. ในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2561 รองลงมาร้อยละ 31.8 ควรจัดช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2561 ตามมาด้วย ร้อยละ 12.9 ควรจัดช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2562 ร้อยละ 3.5 ควรจัดช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2562 และร้อยละ 1.3 ควรจัดช่วงปลายปี 2562 หรือนานกว่านั้น โดยสรุปกลุ่มตัวอย่างคนอีสาน ร้อยละ 82.3 คิดว่าการจัดเลือกตั้ง ส.ส. ภายในปี 2561 เหมาะสมที่สุด

เทแต้มพรรคที่บริหารด้านศก.เก่ง

     เมื่อสำรวจความต้องการจุดเด่นของพรรคการเมืองในฝันที่กลุ่มตัวอย่างต้องการให้พรรคการเมืองมี โดยมีตัวเลือกจุดเด่นต่างๆ 19 รายการ และระดับความต้องการ 5 ระดับ ตั้งแต่น้อยที่สุดไปจนถึงมากที่สุด (โดยเลือกระดับมากที่สุดได้ไม่เกิน 5 รายการ เพื่อสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มตัวอย่างออกมาให้ได้มากที่สุด) จากการประมวลผล โดยให้คะแนนเต็ม 100 หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวมากที่สุด และศูนย์คะแนน หมายถึง ทุกคนต้องการจุดเด่นดังกล่าวน้อยที่สุด เป็นดังนี้

สำหรับ จุดเด่นของพรรคการเมืองที่ต้องการ 1.มีหัวหน้าพรรคที่บริหารประเทศเก่ง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ 90.8% 2.มีหัวหน้าพรรคที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม 81.7% 3.มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 81.2% 4.มีนโยบายและความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาทุจริตของชาติอย่างจริงจัง 80.0% 5.มีทีมงานและผู้สมัคร ส.ส. ที่มีจริยธรรมสูง/เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม 79.4% เป็นต้น

เพื่อไทยแรง-ชูหญิงหน่อยนายกฯ

    ส่วน ผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พบว่า 1.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 35.2% 2.นายจาตุรนต์ ฉายแสง 34.9% 3.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 34.3% 4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 24.1% 5.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 22.0%

    ผศ.ดร.สุทิน กล่าวว่า เมื่อสำรวจถึงแนวโน้มที่กลุ่มตัวอย่างจะสนับสนุนพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า อันดับหนึ่งร้อยละ 42.9 จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย รองลงมา ร้อยละ 38.3 เป็นกลุ่มสนับสนุนพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด ตามมาด้วย ร้อยละ 7.2 สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 6.4 สนับสนุนพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 2.4 สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 2.0 สนับสนุนพรรคชาติพัฒนา และร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา

"บิ๊กป้อม"ขู่สมชัยอย่าจ้อผิดกฎหมาย-"บิ๊กตู่"แจงฝ่ายก.ม.ขอมา

สนช.ถกงบกลางปี 1.5 แสนล้าน

      ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จำนวน 1.5 แสนล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เป็นจำนวนไม่เกิน 100,358,077,000 บาท และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เป็นจำนวน 49,641,923,000 บาท

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ว่า จะเน้นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ การปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรทั้งระบบ และการรักษาวินัยการคลัง แบ่งเป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตร 24,000 กว่าล้านบาท การจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างโอกาสในอาชีพและการจ้างงาน 76,000 กว่าล้านบาท และการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายเงินคงคลังที่จ่ายไปแล้ว 49,600 กว่าล้านบาท ซึ่งจะสร้างความเจริญเติบโตขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะขยายตัวร้อยละ 3.6-4.6 ดีขึ้นจากปี 2560 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.9

วอนรัฐคุม-ติดตามการใช้งบให้โปร่งใส

     สำหรับบรรยากาศในที่ประชุมสมาชิกสนช.ส่วนใหญ่ อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะนายสนิท อักษรแก้วนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุลนายวิทยา ฉายสุวรรณ และพ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต ต่างอภิปรายสนับสนุนร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ว่า จัดสรรงบประมาณได้ตรงจุด รวมถึงเป็นการนำงบประมาณไปช่วยเหลือชาวบ้านโดยตรง เน้นสร้างความเติบโตเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนให้มีความเข้มแข็งเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ อย่างไรก็ตาม ขอให้รัฐบาลควบคุมและติดตามการใช้งบประมาณจำนวน 1.5 แสนล้านบาทให้เกิดความโปร่งใสเพื่อให้เงินถึงมือชาวบ้านจริงๆ ด้วย ทั้งนี้ ไม่มีรัฐบาลไหนเอาใจใส่ประชาชนเหมือนกับคสช. เป็นรัฐบาลที่มีผลงานมาก แต่ประชาชนระดับล่างไม่ค่อยรับรู้ จึงถูกนักการเมืองใช้วาทกรรมต้องมีการเลือกตั้งแล้วเศรษฐกิจจะดี อยากให้รัฐบาลเร่งประชาสัมพันธ์ผลงานโดยเฉพาะเรื่องระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐานของประเทศที่เป็นผลงานที่เห็นได้ชัดเจนของคสช.ด้วย

ผ่านฉลุยงบกลางปี 194 เสียง

     ขณะที่นายวิทยา ฉายสุวรรณ สมาชิกสนช. อภิปรายว่า อยากให้รัฐบาลปรับวิธีช่วยเหลือประชาชน โดยจัดสรรเงินให้ประชาชนคนละ 1 หมื่นบาท เพราะปัญหาขณะนี้ประชาชนไม่ต้องการเบ็ดตกปลา แต่ต้องการปลาเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ซึ่งภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ประชาชนฐานรากจะตายกันอยู่แล้ว

ภายหลังจากที่ประชุมได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางแล้ว ที่ประชุมสนช.จึงลงมติรับหลักการในวาระแรกด้วยคะแนนเห็นชอบ 194 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี งดออกเสียง 5 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ในวาระ 2 และ 3 ก่อนที่ที่ประชุมสนช.จะลงมติให้ความเห็นชอบประกาศใช้เป็นกฎหมายด้วยคะแนน 183 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี และงดออกเสียง 3 เสียง

จดพรรคการเมืองยังคึกคัก

     ความคืบหน้าของการเปิดให้กลุ่มการเมืองเข้าจดจัดตั้งพรรคการเมือง ในช่วงเช้าถึงบ่ายยังคงมีกลุ่มการเมืองทยอยเข้าจดจัดตั้งพรรค 2 กลุ่ม คือ กลุ่มของนายธีรพงษ์ พริ้งกลาง ขอจดในนาม “พรรคพันปีธรรมดีเพื่อแผ่นดิน” ซึ่งเป็นลำดับที่ 69 โดยเป็นการรวมกลุ่มของนักการเมืองท้องถิ่น ครู โดยชูนโยบายที่มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เน้นสร้างโอกาสให้เกษตรกร ซึ่งเป็นรากฐานใหญ่ของประเทศ ยอมรับว่าแม้พรรคการเมืองเก่าจะมีความได้เปรียบ แต่เชื่อว่านโยบายของพรรคจะเป็นทางเลือกให้ประชาชนตัดสินใจได้

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของ พล.อ.อธิชาติ เจริญยิ่ง ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นแกนนำในการขอจดแจ้งชื่อ “พรรคสยามพัฒนา” เป็นลำดับที่ 70 เน้นนโยบายส่งเสริมให้มีการเพิ่มค่าครองชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ

แจง‘2ว่าที่กกต.สายศาล’ลงซ้ำ

     เมื่อเวลา 14.30 น. นายสุริยัณห์ หงษ์ วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณี นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และนายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่ทางที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เคยลงมติคัดเลือกให้ไปเป็น กกต.มาแล้ว แต่ถูกสนช.ลงมติลับไม่เห็นชอบ จนขั้นตอนกลับไปเปิดรับผู้สมัคร กกต.สายศาลใหม่ ปรากฏว่าทั้งนายฉัตรไชยและนายปกรณ์ได้กลับมาสมัครเป็นกกต.อีกรอบ ว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 12 วรรคแปด บัญญัติว่า ในกรณีที่วุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการสรรหาหรือคัดเลือกรายใด ให้ดำเนินการสรรหาหรือคัดเลือกบุคคลใหม่แทนผู้นั้น แล้วเสนอต่อวุฒิสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป โดยผู้ไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาในครั้งนี้จะเข้ารับการสรรหาครั้งใหม่นี้ไม่ได้ วิธีการดำเนินการเพื่อให้ได้มาเรื่องว่าที่ กกต.นั้นจะมีอยู่ 2 ทางคือ การสรรหาและการคัดเลือก มาตรา 12 วรรคแปด ตรงนี้บัญญัติตรงบทห้ามไว้แต่เพียงว่า ผู้ที่ได้รับการสรรหารายใดที่วุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบตรงนี้กฎหมายเขียนห้ามไว้อย่างชัดเจนที่จะเข้ารับการสรรหาซ้ำไม่ได้ แต่ในส่วนที่เป็นการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากฎหมายไม่ได้เขียนห้ามไว้ ผู้สมัครทั้ง 2 คนจึงสมัครเข้าคัดเลือกในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาหากผ่านการคัดเลือกก็ต้องส่งให้วุฒิสภา ปัจจุบัน สนช.ทำหน้าที่นี้เพื่อให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง

อมเงินคนจนโผล่เพิ่ม7แห่ง

     ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ว่า หลังจากที่ พส.ได้จัดทีมลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตเงินสงเคราะห์ฯ ของหน่วยงานในสังกัดพส. 56 แห่ง และสัปดาห์นี้ได้จัดทีมลงลงตรวจเพิ่มเติมอีก 2 จังหวัดคือ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจ.ตรัง และนิคมสร้างตนเองตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่ามีมูลทุจริตหรือไม่ โดยล่าสุดได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงรวมทั้งหมดแล้ว 7 แห่ง คือ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น เชียงใหม่ พัทลุง นราธิวาส สงขลา สุราษฎร์ธานี และโครงการหมู่บ้านสันกำแพง จ.เชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบยังพบ 6 ศูนย์คุ้มครองคนคนไร้ที่พึ่ง 1 นิคมสร้างตนเองที่ไม่มีการทุจริต คือ สมุทรสงคราม สิงห์บุรี ภูเก็ต นครศรีธรรมราช สกลนคร แพร่ และนิคมสร้างตนเองลำน้ำอูน จ.สกลนคร

     นางนภา กล่าวต่อว่า ในช่วงบ่ายได้เข้าหารือกับนาย พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อวางแผนการทำงานร่วมกัน เนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตจะต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมาก จึงต้องวางแผนการทำงานให้การสอบสวนมีความรวดเร็วและมีแนวทางที่ชัดเจน และให้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งนี้การทำหนังสือขอข้อมูลจากป.ป.ท. เป็นในนามของ พม. โดยพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มองว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่ง พม.จะใช้ประกอบการสอบสวนและดำเนินการต่อ ทั้งนี้ เข้าใจการทำงานของป.ป.ท. ดังนั้นทางเราจะใช้ข้อมูลเท่าที่ทางป.ป.ท.จะให้ได้ รวมถึงไม่ทำให้มีผลเสียต่อรูปคดี

(ข่าวหน้า1.หนังสือพิมพ์คมชัดลึก)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ