ข่าว

“ไผ่ ดาวดิน”ขึ้นศาลทหารสืบพยานโจทก์ปากสุดท้าย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“ไผ่ ดาวดิน” ขึ้นศาลทหารสืบพยานโจทก์ครั้งสุดท้ายคดีร่วมกับเพื่อนชูป้ายคัดค้านรัฐประหารครบรอบ 1 ปี ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่นพ่อแม่เพื่อนและจ่านิวมาให้กำลัง


           23 มี.ค.61-“ไผ่ ดาวดิน” ขึ้นศาลทหารสืบพยานโจทก์ครั้งสุดท้ายคดีร่วมกับเพื่อนชูป้ายคัดค้านรัฐประหารครบรอบ 1 ปี ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่นพ่อแม่เพื่อนและจ่านิวมาให้กำลังใจ ขณะที่นัดแรกของการสืบพยานจำเลยศาลนัด 15 พ.ค.โดยไผ่เบิกความเองเป็นปากแรก

          ณ ศาลทหารค่ายศรีพัชรินทร์ (มทบ.23) นัดพิจารณาคดี เรื่องนายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือไผ่ดาวดินคดีชูป้ายคัดค้านรัฐประหารบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อปี 2558 กับพวกรวมแปดคน ต้องหาว่าร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง หัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 เหตุเกิดเมื่อ 22 พ.ค.58 ซึ่งเป็นการสืบพยานโจทก์ครั้งสุดท้าย และนัดหน้าจะเริ่มสืบพยานจำเลยนัดแรก โดยไผ่ จะขึ้นเบิกความเป็นพยานเองเอง
โดยไผ่ถูกควบคุมตัวจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดขอนแก่น โดยมีนายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา และนางพริ้ม บุญภัทรรักษา พ่อและแม่พร้อมเพื่อนๆของไผ่ มารอให้กำลังใจ รวมทั้งจ่านิว หรือ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ที่เดินทางมาเยี่ยมไผ่ดาวดินและสังเกตการณ์การพิจารณาคดีของไผ่ดาวดินด้วย


          นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา พ่อของไผ่ดาวเดิน เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจไผ่ในคดีของวันนี้กับพรุ่งนี้คือคดีเรื่องเกี่ยวกับต่อต้านรัฐประหารครบรอบ 1 ปี และพูดเพื่อเสรีภาพ และมาติดตามดูแลขบวนการดำเนินพิจารณาคดี ตอนนี้ไม่มีอะไรหนักใจถ้าการพิจารณาเป็นไปตามกฎหมาย ที่ผ่านโดยรวมแล้วขึ้นศาลทหารรู้สึกว่าราบรื่นดี ไม่เคยหนักใจเลย
          นายอานนท์ นำภา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า เป็นปากสุดท้ายพยานของโจทก์ ก็มาเบิกความว่ามีการคัดค้านรัฐประหารของไผ่กับพวกจริง 7 คน ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 เบิกความทนายจำเลยถามค้านเกี่ยวกับประเด็นค้านรัฐประหาร ซึ่งน่าสนใจว่าทางพนักงานสอบสวนก็เบิกความค่อนข้างดีว่าการคัดค้านรัฐประหารเป็นการกระทำที่มีเหตุและผล แต่ว่ามีกฎหมายที่ห้ามคัดค้านเกิน 5 คนเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่ต้องขออนุญาตคัดค้านรัฐประหารเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างประหลาดรวมทั้งการปรับทัศนคติ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็บอกว่าตามจริงแล้วไผ่ไม่ควรถูกเรียกปรับทัศนคติด้วยซ้ำไป คนที่ควรถูกเรียกปรับทัศนคติคือคนที่เสนอรัฐประหาร ซึ่งส่วนนี้น่าสนใจที่พนักงานสอบสวนเบิกความค่อนข้างตรงกับที่ไผ่เรียกร้องมาตลอดกับการเรียกร้องคัดค้านรัฐประหาร

          “ไผ่ ดาวดิน”ขึ้นศาลทหารสืบพยานโจทก์ปากสุดท้าย
          ส่วนนัดหน้าจะเป็นการสืบพยานจำเลยปากแรกของคดีนี้ คือไผ่จะขึ้นเบิกความเป็นพยานเองในวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ที่ศาลทหาร เวลา 9 โมงเช้า และในวันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2561 นี้ ไผ่ก็จะถูกเบิกตัวไปศาลจังหวัดภูเขียว เพื่อไปฟังคำพิพากษาคดีประชามติ

           “ไผ่ ดาวดิน”ขึ้นศาลทหารสืบพยานโจทก์ปากสุดท้าย
          ด้านจ่านิว หรือนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเข้าไปเยี่ยมและพูดคุยกับไผ่ มีการพูดคุยถึงเรื่องทั่วไปและเรื่องสถานการณ์ปัจจุบัน เราก็เล่าเรื่องว่าทางเราจะมีกิจกรรมอะไรต่อไป ไผ่บอกว่าดีขึ้นโดยคดีนี้ผ่านมาครึ่งทางแล้วเหลืออีก 1 ปี 3 เดือน เขาก็มีความหวังว่าจะได้ออกมา ส่วนเรื่องคดีไผ่เองก็รอตามขั้นตอนสอบสวนสืบพยานกันไปในส่วนของคดีอื่นๆ และรอฟังคำพิพากษาของที่ศาลจังหวัดภูเขียวในวันที่ 29 มีนาคม 2561 ซึ่งไผ่เองก็รอฟังคำพิพากษาและรอลุ้นว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
          จ่านิว หรือนายสิระวิชญ์ ยังกล่าวว่าสำหรับกิจกรรมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ตอนนี้ยังไม่มีแผนกำหนดการที่จะมาทำกิจกรรมที่ขอนแก่น โดยล่าสุดจัดที่พัทยากระแสตอบรับถือว่าดี มีประชาชนมาร่วมงานเกือบ 200 คน เพื่อให้ครบทุกภาค ในวันที่ 24 มี.ค.นี้จะจัดที่ภาคใต้ แต่ยังติดขัดเรื่องการเดินทางเพราะค่อนข้างไกลและความเสี่ยงที่จะปะทะกับฝ่ายตรงข้าม โดยจะมีกิจกรรม “กิจกรรมถอนราก คสช.” จะมีการเดินขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ไปยังกองทัพบก เพื่อเรียกร้องให้กองทัพหยุดทำงานและสนับสนุน คสช.และให้ยุติ คสช.ออกไป ให้เหลือเพียงเป็นรัฐบาลรักษาการ
          ลำดับต่อไปอาจจะเดินทางไปที่กองทัพอากาศกองทัพเรือ เพราะทุกกองทัพต่างทำงานและสนับสนุน คสช.ก็ถึงเวลาที่ควรจะถอยตัวเองออกไป เพื่อทำหน้าที่ของทหารที่แท้จริง ไม่ใช่เป็นทหารการเมืองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ การจัดกิจกรรมทุกครั้งไม่มีความกังวลใดๆทั้งสิ้น อาจจะกังวลก็คือเรื่องของฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามา เป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ส่วนทหารตำรวจเราพอจะคาดการณ์ได้จะทำอะไรกันต่อไป แต่ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นม็อบชนม็อบเราเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดความรุนแรงในระดับไหน ฝั่งเรายึดหลักแนวสันติวิธีแต่อีกฝั่งอาจจะใช้การยั่วยุ
          ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เห็น แต่ก็กลัวว่าจะมีวิธีการนี้นำกลับมาใช้อีก คงเป็นหน้าที่ของตำรวจในการดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมือง ในกลุ่มของเราก็พยายามป้องกันการยั่วยุ เราไม่ต้องเข้าไปปะทะและหลีกเลี่ยงในการเผชิญหน้าให้มากที่สุด ถ้าจัดที่ขอนแก่นคาดว่าจะจัดตรงศาลหลักเมืองที่มีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หรืออาจจะเป็นที่บึงแก่นนคร

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ