ข่าว

ฎีกายืนยกฟ้อง "อดีตการ์ด นปช." ยิง M79 ใส่ขบวนเดินเท้า กปปส.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฎีกายืนยกฟ้อง "อดีตการ์ด นปช." ยิง M79 ใส่ขบวนเดินเท้า กปปส.ปี 57 พยานหลักฐานอัยการอ่อน ศาลยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย

             ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 13 มี.ค.61 เวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีการ์ด นปช. ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. สี่แยกเสาวนีย์ ถ.สวรรคโลก หมายเลขดำ อ.4334/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายณรงค์ศักดิ์ หรือตุ้ย พลายอร่าม อายุ 32 ปี อดีตการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายพีรพงษ์ หรือธานินทร์ สินธุสนธิชาติ อายุ 43 ปี  ชาวระยอง เป็นจำเลยที่ 1-2

              ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, กระทำการให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลฯ,ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 221, 288, 289, 371, 376 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ  พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 55 , 72 ทวิ, 78

                กรณีเมื่อวันที่ 29 มี.ค.57 เวลากลางวันจำเลยกับพวก ร่วมกันใช้เครื่องยิงระเบิดแบบเอ็ม 79 (M79) และเครื่องกระสุน ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่กำลังเดินขบวนผ่านบริเวณสี่แยกเสาวนีย์ และบน ถ.สวรรคโลก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และรถยนต์เสียหายหลายคัน เหตุเกิดที่แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลางและแขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ

               โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาจำคุก จำเลยทั้งสองคนละ 43 ปี 4 เดือน ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยระหว่างฎีกา

                ซึ่งอัยการโจทก์ ได้ยื่นฎีกา ขณะที่ก่อนหน้านี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองที่ถูกแยกคุมขังในคดีอื่นที่เรือนจำจังหวัดสระบุรี และจังหวัดอื่นในเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังแล้วเมื่อเดือน ม.ค. และ ก.พ.61 ที่ผ่านมา
                 ในวันนี้ศาลจึงนัดเพียงอัยการโจทก์ ให้เดินทางมาศาล เพื่อฟังคำพิพากษา ซึ่งเนื้อหาคำพิพากษาศาลฎีกา ระบุว่า ที่อัยการโจทก์ ยื่นฎีกาว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องนั้น โจทก์มีเพียงพนักงานสอบสวน เบิกความว่าจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ และนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจำเลยที่ 1 ให้การว่ารู้จักกับจำเลยที่ 2 มา 2-3 ปี เนื่องจากมีแนวคิดทางการเมืองเป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน และวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 โทรศัพท์แจ้งจำเลยที่ 1 ให้ไปรับเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว

              ซึ่งศาลฎีกา เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต โจทก์จะต้องนำสืบความจริงโดยปราศจากข้อสงสัย แต่ลำพังการนำสืบได้ความว่าจำเลยที่ 1 รับสารภาพในชั้นสอบสวน ถึงแม้จะมีน้ำหนักรับฟังพยานได้แต่ก็เป็นเพียงพยานบอกเล่า ซึ่งคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนจะต้องมีเหตุผลหนักแน่นน่ารับฟังโดยปราศจากข้อสงสัย

              ขณะที่ยังพบว่าบันทึกคำให้การข้อเท็จจริงของจำเลยที่ 1 มีความขัดแย้งกันทั้งที่เบิกความห่างกันไม่เกิน 7 วัน และที่จำเลยที่ 1 ให้การว่ามีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับจำเลยที่ 2 ส่วนนี้โจทก์ก็สามารถตรวจสอบได้จากบริษัทผู้ให้บริการมือถือแต่โจทก์ไม่กระทำ ทั้งที่จะเป็นพยานหลักฐานที่จะนำมาประกอบคำรับสารภาพให้มีน้ำหนักได้

             ส่วนจำเลยที่ 2 โจทก์มีแต่เพียงพยานบอกเล่าเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกัน ไม่มีพยานหลักฐานการติดต่อทางโทรศัพท์ในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ อีกทั้งยังไม่มีพยานหลักฐานอื่นๆ

              ส่วนประเด็นอื่นศาลอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานโจทก์โดยให้เหตุผลไว้ชอบแล้ว ประกอบกับจำเลยที่ 1 และ 2 ให้การปฏิเสธในชั้นศาล พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนให้ยกฟ้อง
               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ "นายณรงค์ศักดิ์" นั้น แม้ศาลจะยกฟ้องในคดีนี้ แต่ก็ถูกศาลฎีกาตัดสินในคดีหมายดำ อ.3820/2557 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กรณีเมื่อวันที่ 7 มี.ค.57 เวลากลางวัน ได้ใช้อาวุธสงคราม M79 ยิงเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. บริเวณหน้าอาคารชินวัตร 3 แขวงและเขตจตุจักร กทม.โดยมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 16 ม.ค.61 ให้จำคุก "นายณรงค์ศักดิ์" เป็นเวลา 35 ปี 4 เดือน ส่วน "นายพีรพงษ์" ก็ถูกฟ้องด้วย แต่ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเช่นกัน

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ