ข่าว

นักวิชาการ ส่องทางตันการเมือง "ประยุทธ์" มีสิทธิยุบสภา??

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดงานวิจัยใช้ประเพณีปกครองผ่าทางตันวิกฤตการเมือง "ไชยันต์" ชี้มีสิทธิถึงทางตัน หากเลือกนายกฯไม่ได้ "บิ๊กตู่"​ มีสิทธิ์ยุบสภา-ยอมเป็นนายกฯเสียงข้างน้อย


          20 ก.พ. 61 - สถาบันพระปกเกล้า จัดอภิปรายเพื่อเปิดตัวหนังสือ "ประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บทวิเคราะห์ มาตรา 7 จากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540 ถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยมีนักวิชาการร่วมสะท้อนเนื้อหาและวิเคราะห์ในมุมมองทางรัฐศาสตร์ 

 

นักวิชาการ ส่องทางตันการเมือง "ประยุทธ์" มีสิทธิยุบสภา??

 

เปิดงานวิจัยพระปกเกล้า ใช้ประเพณีปกครองปลดล็อคทางตันการเมือง
          โดยนายไชยันต์ ไชยพร นักวิชาการรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฐานะผู้เขียนหนังสือ นำเสนอบางตอน ว่า จากเหตุความขัดแย้งทางการเมืองช่วงที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการใช้กลไกของรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองผ่านการขอพระราชทานนายกฯ ตามมาตรา 7 กำหนดนั้น ไม่แน่ชัดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดรัฐประหาร เมื่อปี 2549 เพื่อยุติการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าอำนาจตามมาตรา 7 นั้นสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ และหากไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการจะทำได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามในบทศึกษาของประเทศอังกฤษ พบว่าการใช้พระราชอำนาจนั้นสามารถใช้ได้ แม้จะไม่มีผู้ใดรับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งหลักการสำคัญของการใช้พระราชอำนาจนั้น เพื่อให้การเมืองเดินหน้า ไม่เกิดทางตัน ดังนั้นในกรณีของไทย หากฝ่ายบริหารไม่เหลืออยู่แม้สักคน พระราชอำนาจนั้นยังใช้ได้


          นายไชยันต์ กล่าวด้วยว่า สำหรับเนื้อหาของมาตรา 5 ระบุว่า ในรัฐธรรมนูญ 2560 ก่อนถูกแก้ไขเป็นฉบับปัจจุบันกำหนดให้มี คณะบุคคล ที่มาจากผู้นำในองค์กรสำคัญทางการเมืองประชุมเพื่อหาทางออก เมื่อเกิดวิกฤตทางการเมือง เพื่อไม่ให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองโดยตรง แต่อาจเกิดปัญหาในกรณีที่คณะบุคคลไม่ถูกศรัทธา หรือยอมรับจากสาธารณะ ​แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับที่บังคับใช้ตัดส่วนที่ว่าด้วยให้มีคณะบุคคลออก เชื่อว่าจะทำให้เกิดภาพที่สถาบันพระมหากษัตริย์เข้ายุ่งเกี่ยวทางการเมืองโดยตรง ซึ่งตนมองว่ากรณีดังกล่าวมีทั้งด้านบวกและลบ ซึ่งด้านบวก คือ คือ หากนำพาประเทศฝ่าฟันวิกฤต และทำให้เห็นว่ายามที่ขัดแย้งมีสิ่งที่ศูนย์รวมใจเพื่อให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ 


"ไชยันต์" ส่องทางตัน การเมือง "ประยุทธ์" ยุบสภาเลือกตั้งได้หรือไม่

          นายไชยันต์ กล่าวถึงประเด็นการเมืองด้วยว่า ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ 2560 หากมีเลือกตั้ง อำนาจจะอยู่ที่ประชาชน แต่สิ่งประจักษ์คือ ส.ว.ชุดที่จะมาถึงไม่มาจากการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยแบบไทยระบบศูนย์ให้อำนาจอยู่ที่คณะบุคคลที่ไม่ยึดโยงโดยตรงกับการเลือกตั้ง เพราะอาจมีประสบการณ์ที่ให้ ส.ว.ไม่ผ่านการเลือกตั้ง ได้วุฒิสภาผัว-เมียของสภา ทำให้การทุ่มน้ำหนักเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.​ต้องปรับตัวให้มีส่วนผสมที่ถ่วงดุลกันได้ อย่างไรก็ตามหากการเลือกตั้งเกิดขึ้น อาจจะมีปัญหาสำคัญ คือ ไม่สามารถเลือกนายกฯ ในรัฐสภาได้ ทั้งในบัญชีนายกฯ​ของพรรค หรือ นอกบัญชีพรรคการเมือง​ ขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่กำหนดระยะเวลาให้มาซึ่งนายกฯ ดังนั้นเมื่อปล่อยเวลาผ่านไป อาจมี ส.ส.​หรือ รัฐมนตรี เห็นว่าไปต่อไม่ได้ อาจกลับไปใช้บทบัญญัติว่าด้วยประเพณีการปกครอง คือ การยุบสภา 

          "ใครจะยุบสภา หาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะประกาศยุบสภาที่มาโดยการเลือกตั้งจะทำได้หรือไม่ หรืออาจใช้กรณีที่ว่า ใช้คนที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด แต่ไม่ถึง 376 เสียง หรือเกินครึ่งของเสียงในรัฐสภา ทูลเกล้าฯ ​ทำให้เราจะได้นายกฯ เสียงข้างน้อย หากเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจะต้องอ้างการวินิจฉัยตามประเพณีปกครอง ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ หรือเราจะยอมรับให้ นายกฯที่ไม่มาจากการเลือกตั้งมีสิทธิ์ยุบสภาได้ ส่วนตัวผมมองว่าหากเราอยู่ร่วมในกติกาได้ ไม่ต้องอ้างหรือใช้ประเพณีปกครอง" นายไชยันต์ กล่าว

 

นักวิชาการ ส่องทางตันการเมือง "ประยุทธ์" มีสิทธิยุบสภา??

 

"นรนิติ"ชี้ประเพณีปกครองเพื่อผ่าทางตันการเมือง-ศาลรธน. คือทางออก

          ด้านนายนรนิติ เศรษฐบุตร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวตอนหนึ่งว่าประเด็นการวินิจฉัยเพื่อหาทางออกกรณีที่เป็นปัญหาซึ่งไม่มีบทบัญญัติใดรัฐธรรมนูญรองรับ ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เคยเกิดขึ้นครั้งการบัญญัติธรรมนูญการปกครอง พ.ศ.2520 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกฯ ซึ่งเขียนไว้ในมาตรา 20  ที่ใช้คำสำคัญคือให้วินิจฉัยกรณีนั้นให้เป็นไปตามประเพณีปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตย และมีวรรคสองกำหนดให้สภาเป็นผู้ชี้ขาด ซึ่งมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้มาตราดังกล่าว ในช่วงปี 2516 ที่นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกฯ​และใช้อำนาจยุบสภา เพราะสภาฯ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ สมาชิกสภาลาออกเหลือไม่ถึง 12 คน ทั้งที่ธรรมนูญการปกครองยุคนั้นไม่ได้เขียนไว้ ซึ่งถือเป็นไปตามประเพณีปกครองที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2481 และปี 2488 

          "ดังนั้นการใช้ความมาตราเพื่อวินิจฉัยทางออกตามประเพณีปกครอง จึงไม่ใช่จำกัดอยู่เฉพาะของการขอนายกฯ พระราชทานเท่านั้น เพราะสามารถตีความได้กว้างขวาง แต่มีความสำคัญที่สุด คือ ต้องเป็นทางออก และเกิดการยอมรับ ไม่ใช้วินิจฉัยเพื่อนำไปสู่ทางตัน หรือทำให้เกิดกลียุค" นายนรนิติ กล่าว

          นายนรนิติ กล่าวด้วยว่า สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายมองว่าการเขียนทางแก้วิกฤตการเมือง ในมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอาจเป็นปัญหาว่าใครจะเป็นผู้วินิจฉัยทางออกนั้น ตนเชื่อว่าเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ฐานะองค์กรที่มีหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดความของรัฐธรรมนูญ.

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ