ข่าว

“วิษณุ”ให้รอ มิ.ย.เคาะวันเลือกตั้ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“วิษณุ”ย้ำชัดมิ.ย.นี้ประกาศวันเลือกตั้งไม่หวั่นก.ม.ลูกคว่ำ-วิป สนช.ปัดใบสั่งคว่ำ2ก.ม.ลูกฮือฮาอีกทำเนียบจุดธูป36ดอกกลางสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

 

          การเมืองยังคงวุ่นวายอยู่กับโรดแม็พคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่มีการปรับเปลี่ยนอีกครั้ง หลังนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกมาระบุการเลือกตั้งอาจจะลากยาวไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม 2562 ท่ามกลางเงื่อนไขสำคัญ 2 กฎหมายลูกที่อยู่ในการพิจารณาของกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสนช.อีกครั้งในอีก 15 วันข้างหน้า

          วันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อพูดถึงโรดแม็พที่เกี่ยวกับเหตุการณ์คนจะคิดได้แบบเดียวกัน โดยหากนับเช่นนั้น ก็จะมีวันและเวลาล็อกไว้อยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องมาบอกว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่ เช่น เดือนพฤศจิกายน 2561 หรือไม่ และไม่อยากตอบว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในต้นเดือนมีนาคม 2562 เพราะความชัดเจนทั้งหมดจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ 

          “เมื่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับเลือกตั้ง ประกาศใช้หมดแล้ว จากนั้นตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 กำหนดให้คสช. คณะรัฐมนตรี(ครม.) เชิญประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ประธานสนช. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงพรรคการเมือง มาถามความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งทุกอย่างต้องปรากฏชัดในวันนั้น และลักษณะนี้ก็เคยทำมาแล้วเมื่อตอนที่นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี” นายวิษณุระบุ

          รองนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า การเชิญทุกฝ่ายมาหารือเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน 2561 ไม่ได้ส่งผลให้การเลือกตั้งต้องล่าช้าออกไป และการเลือกตั้งก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าไม่มีที่ประชุมนี้ กกต.จะเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องการเลือกตั้ง แล้วถ้ากกต.เห็นว่าจะจัดเลือกตั้งภายใน 15 วัน จากกรอบ 150 วันจะทำอย่างไร แต่การประชุมนี้มีขึ้นเพื่อให้ทุกฝ่ายมาตกลงร่วมกัน ยืนยันว่าจะไม่ทำให้การเลือกตั้งต้องล่าช้าอีก แต่ทำเพื่อความโปร่งใส ซึ่งที่ประชุมสามารถตกลงให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วได้ แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพรรคการเมือง อย่าคิดว่าพรรคจะพร้อมได้ง่ายๆ เพราะต้องทำไพรมารีโหวตด้วย

          “ใครก็ได้ เพราะไม่มีการเขียนล็อกเอาไว้ว่าเป็นหน้าที่ของใคร ตั้งขึ้นมาใหม่ก็ได้ หรือให้กรธ.ชุดเดิมทำหน้าที่ก็ได้ ถ้าจะให้ง่ายก็ให้กรธ.ทำหน้าที่ เพราะเขาบอกว่าทำ 2 วันก็เสร็จ” นายวิษณุตอบข้อถามที่ว่า หากกฎหมายลูกถูกคว่ำในชั้นกรรมาธิการร่วม หน่วยงานใดจะร่างกฎหมายลูกฉบับใหม่

          วิปสนช.ยันไม่มีใบสั่งคว่ำก.ม.ลูก
          นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ว่า การทำงานจะเริ่มในสัปดาห์หน้า โดยมีเวลาทำงาน 15 วัน ทั้งนี้ ได้พูดคุยกันเบื้องต้นว่า กรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายจะพิจารณาอยู่ในหลักที่เคยแสดงจุดยืนมาก่อน ซึ่งปกติก็จะเป็นไปตามนั้น ถ้าสังเกตดูความเห็นในหลายประเด็นแตกต่างกันตั้งแต่ในชั้นกรรมาธิการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายลูกส.ส. หรือกฎหมายลูกส.ว. เมื่อมีการตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายก็จะมีกรธ.เข้ามาเป็นกรรมาธิการด้วย ซึ่งอาจจะมีการพูดคุยในประเด็นที่เพิ่มมาใหม่

          “ข้อมูลใหม่ๆ เท่าที่ฟังและจะถกกันหนักๆ นั้น อาทิ กฎหมายลูกส.ว.ที่กรธ.ไม่เอาด้วย เพราะเห็นว่ายังไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ทั้งเรื่องการลดจำนวนกลุ่มอาชีพจาก 20 กลุ่มเหลือ 10 กลุ่ม การปรับแก้ไขในประเด็นการเลือกไขว้ผู้สมัคร รวมถึงการปรับให้มีทั้งการสมัครแบบอิสระกับการสมัครแบบเลือกตรง ขณะที่กฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส.นั้นมีแค่ประเด็นมหรสพเรื่องเดียว ซึ่งน่าจะพอไปได้ ดังนั้น การที่ฝ่ายการเมืองบอกว่าเราพยายามทำให้วุ่นวายจนนำไปสู่การคว่ำกฎหมายลูกนั้นจึงไม่จริง เราปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ไม่ได้มีใบสั่ง และไม่ได้รอสัญญาณคว่ำกฎหมายลูกจากใครด้วย” วิปสนช.ระบุ

          มาร์คไม่เชื่อคสช.บอกเลือกตั้งปี62
          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขยายเวลาบังคับใช้ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ออกไป 90 วัน ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้พรรคการเมืองมีเวลาในการทำไพรมารีโหวตและเตรียมพร้อมก่อนการเลือกตั้งว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์สามารถดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องขยายเวลา อีกทั้งทางพรรคก็ไม่เคยร้องขอ จึงไม่เป็นการสมเหตุผลที่จะนำประเด็นดังกล่าวมาเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ขณะเดียวกัน มองว่าการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ซึ่งห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ที่มีการแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง เพื่อทำให้บรรยากาศเกิดการผ่อนคลายและสามารถทำกิจกรรมได้อย่างอิสระ

          นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การที่นายพรเพชรออกมาระบุนั้นถือว่าไม่จำเป็น และไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เพราะแม้แต่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีก็ไม่อาจตอบได้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่เป็นผลดีเช่นกันในสายตาสังคมโลก ส่วนการตั้งกมธ.ร่วม 3 ฝ่ายเพื่อพิจารณาร่าง 2 พ.ร.ป.ู ซึ่งในส่วนของความเห็นแย้งจะนำไปสู่การคว่ำร่างกฎหมายได้หรือไม่นั้น มองว่า การที่กฎหมายลูกถูกคว่ำหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ คสช.เป็นหลัก เพราะแม้ สนช.จะได้แก้ไขกฎหมาย แต่ คสช.ก็มักใช้อำนาจตามมาตรา 44 เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง อีกทั้งที่ผ่านมา สนช.ก็ฟังคำสั่ง คสช.มาโดยตลอดด้วยหรือไม่ 

          ทำเนียบจุดธูป36ดอกบูชาฟ้า-ดิน
          ที่ทำเนียบรัฐบาลช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวและช่างภาพประจำทำเนียบรัฐบาลได้พากันไปรุมถ่ายภาพธูปที่จุดแล้ว จำนวน 36 ดอก ซึ่งปักอยู่ใต้กอดอกเข็ม ที่ปลูกล้อมรอบปืนใหญ่ บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งตามความเชื่อเป็นการจุดเพื่อขอขมาและอโหสิกรรมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และองค์เทพเทวา ช่วยให้ชีวิตไม่ติดขัด ราบรื่น ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า รวมถึงเป็นการขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งอดีตชาติ หรืออาจเคยล่วงเกินต่อเทพยดา โดยความหมายธูป 36 ดอก หมายถึงไตรภูมิ 36 ชั้นประกอบด้วย 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน อบายภูมิ 4 มนุษย์โลก 1 ซึ่งพิธีดังกล่าวจะต้องทำก่อนเที่ยงวัน และต้องปักธูปกลางแจ้ง

          จากนั้นเวลา 14.42 น. คนสวนประจำทำเนียบรัฐบาลได้มาเก็บธูปที่จุดแล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลสั่งให้มาเก็บ เพราะไม่อยากให้เป็นที่สนใจแก่สื่อมวลชน เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ทราบว่า ได้มีการจุดธูปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งให้นำโคมแดงหรือเต็งลั้งไปติดทุกประตูทางเข้า-ออกของทำเนียบรัฐบาล หลังจากนายตำรวจที่มาส่งเอกสารถอยรถชนอ่างบัวแตกกระจาย

          ตรุษจีนติดโคมไฟแดงไม่แปลก
          ด้านนายภิญโญ พงษ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า ปกติการจุดธูป 36 ดอกจะไม่ค่อยได้พบเห็น ส่วนใหญ่จะเป็นการจุด 1-16 ดอก เชื่อว่าเป็นเรื่องของการแก้เคล็ด เนื่องจากจากช่วงนี้นายกฯและรัฐบาลเจอปัญหาหลายเรื่องรุมเร้า

          ขณะที่นายวิษณุกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีอ่างบัวในทำเนียบรัฐบาลถูกคนขับรถถอยชนแตกในวันตรุษจีน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นลางร้ายของรัฐบาลว่า ส่วนตัวไม่ได้ถือเรื่องเหล่านี้ และการที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้ติดโคมจีนสีแดง (เต็งลั้ง) ก็ไม่แปลก แต่ตนไม่มีความรู้ในเรื่องของการแก้เคล็ดอะไร อย่างไรก็ตาม ตรุษจีนถือเป็นเทศกาลของโลกไปแล้ว ซึ่งการแสดงออกทำได้หลายอย่าง เช่น การแสดงไมตรีจิตและมิตรภาพที่เรามีต่อชาวจีน และเพื่อร่วมฉลองกับชาวไทยเชื้อสายจีน ในอนาคตทำเนียบรัฐบาลอาจประดับตกแต่งในเทศกาลอื่นๆ เช่น เทศกาลสงกรานต์ คริสต์มาส เป็นต้น

          เมื่อตั้งข้อสังเกตว่า ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ราชการ การตกแต่งบางอย่างเป็นเรื่องที่ดูไม่เหมาะสม อีกทั้งการประดับโคมจีนสีแดง (เต็งลั้ง) ครั้งนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก การทำครั้งแรกก็อาจเป็นเรื่องที่แปลกบ้าง แต่ครั้งต่อๆ ไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว

          ขีดเส้น2มี.ค.“บิ๊กป้อม”แจงนาฬิกา
          ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ป.ป.ช.มีหนังสือให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงข้อมูลปมนาฬิกาหรู 25 เรือนเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งครบกำหนดชี้แจงในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น ว่า พล.อ.ประวิตรได้ส่งหนังสือขอขยายระยะเวลาในการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนาฬิกาหรูและแหวนเพชรต่อป.ป.ช.ออกไปอีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่ายังติดปฏิบัติภารกิจต่อเนื่อง และมีเอกสารที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง ที่ต้องรวบรวมนำมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติม จึงขอขยายเวลาออกไปอีก 15 วัน ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบของป.ป.ช. ดังนั้น เมื่อครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคมนี้ พล.อ.ประวิตรจะต้องยื่นคำชี้แจงต่อป.ป.ช. และจะไม่สามารถขอขยายระยะเวลาได้อีกเนื่องจากป.ป.ช.ให้ขยายเวลาได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตามยอมรับว่า จากการขอขยายระยะเวลาในรอบล่าสุดนี้ ทำให้ป.ป.ช.ไม่สามารถจะตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูดังกล่าวได้เสร็จสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ตามที่เคยบอกไว้ได้

          นายวรวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ที่ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบกรณีการถือหุ้นสัมปทานเอสซีซี จำนวน 5,000 หุ้น ของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เข้าข่ายต้องห้ามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่นั้น ว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนปกติแล้ว ยังไม่ต้องตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแต่อย่างใด 

          ยื่น8หมื่นชื่อจี้ประวิตรลาออก
          ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) สายวันเดียวกัน นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) นำรายชื่อประชาชนที่รวบรวม ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ ผ่านทางเว็บไซต์ Change.org จำนวน 80,018 รายชื่อ ยื่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อเรียกร้องให้พล.อ.ประวิตรแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่ง จากกรณีที่ไม่ชี้แจงนาฬิกาในบัญชีทรัพย์สินราคากว่า 30 ล้านบาท ต่อป.ป.ช. โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชนเป็นตัวแทนรับหนังสือ 

          นางทิชา กล่าวว่า กรณีนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากยอมรับไม่ได้ เพราะป.ป.ช.ทำหน้าที่เหมือนผงฟอกขาวให้พล.อ.ประวิตร สร้างความไม่มั่นใจในการที่จะทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรงหรือไม่ รวมถึงหมดความไว้วางใจ เช่นคำกล่าวที่ว่าถ้านาฬิกายืมมาไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน หากนี่เป็นบรรทัดฐานที่ถูกวางไว้จริงในประเทศไทย ต่อไปนี้จะเป็นช่องทางที่เอื้อให้นักการเมืองระดับสูงและข้าราชการใช้ช่องทางนี้ต่อไป เป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง

          “นายกฯ เคยกล่าวเอาไว้ในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากลวันที่ 9 ธันวาคม 60  ว่าคนไทยไม่ทนต่อการโกง เป็นคำพูดที่นายกฯ พูดเอง คนไทยและดิฉันเชื่อว่าต้องเป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ และถ้าคำพูดนี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์แสดงว่าผู้นำประเทศไทยไว้วางใจไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว และนายกฯ ยังขอร้องให้คนไทยลดราวาศอกลงบ้าง ทั้งหมดเป็นความรู้สึกไม่เชื่อมั่นต่อผู้นำจึงเป็นเหตุผลที่ต้องมา เพื่อยืนยันในฐานะผู้เสียภาษี” นางทิชากล่าว

          ด้านนายวิษณุ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีผลอะไรทางกฎหมายหรือไม่ เพราะอยู่ที่ว่าคำลงท้ายที่นางทิชายื่นไว้นั้น ระบุว่า ขออะไร ถ้าจะยื่นเพื่อให้ผู้ถูกร้องต้องออกจากตำแหน่ง ต้องไปยื่นที่ สนช. และไม่แน่ใจว่า ตอนนี้มีกฎหมายลูกเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวออกมาแล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าคงไม่กระทบความเชื่อมั่นของรัฐบาล ถือว่าเป็นการทำไปตามสิทธิหน้าที่ของแต่ละคน

          เด็กเพื่อไทยบินฮ่องกงพบนายใหญ่
          ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยได้มีการเคลื่อนไหวในช่วงตรุษจีนเช่นกันโดยแกนนำพรรค อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ทยอยเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เดินทางมาที่เกาะฮ่องกงพร้อม น.ส.ยิ่งลักษณ์ น้องสาว ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยอดีตส.ส.ภาคอีสาน เปิดเผยว่ากลุ่มของตนเดินทางมาถึงฮ่องกงในช่วงบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และได้เข้าพบกับนายทักษิณในช่วงบ่ายวันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยมีเพื่อนอดีตส.ส.ที่เดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้วรวมประมาณ 11-12 คน และใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง 

          “ท่านอดีตนายกฯ ยังคงมีสุขภาพที่แข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง มีการพูดคุยกันถึงเรื่องพัฒนาการของโลกและนวัตกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ท่านได้แนะนำว่า การใช้คนไปพ่นยาฆ่าแมลงในพืชผลทางการเกษตรนั้นอันตราย อยากให้ลองใช้โดรนแบบ 1 ตำบล 1 โดรน มาช่วยตรงนี้ เอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยเพิ่มผลผลิตแต่ลดต้นทุนทางการเกษตรได้” แหล่งข่าวกล่าว

          แม้วบอกรอปลดล็อกรู้ตัวหน.พรรค
          ส่วนเรื่องการเมืองนั้น อดีตส.ส.สายอีสานกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันเล็กน้อย โดยนายทักษิณระบุว่า การเมืองไทยไม่แน่นอน เมื่อไหร่จะมีการเลือกตั้งก็ยังไม่รู้ วันนี้อยากให้ทุกคนทำมาหากิน และสมมุติว่าหากมีการเลือกตั้ง ก็ให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนสามัคคี ร่วมกันทำงานให้ประชาชน เพราะนี่จะเป็นคำตอบสำหรับการเลือกตั้ง และเรื่องผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันมาก ระบุเพียงว่ามีคนมาบอกเยอะ แต่ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนด้วยว่าเป็นอย่างไร 

          "คงจะต้องรอให้คสช.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้ก่อน จากนั้นเสียงสมาชิกส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ปัญหาจะได้จบ เพราะขณะนี้ยังต่างคนต่างพูด ถ้ามาพูดกันคนละทีแบบนี้มันก็จะไม่จบ และท่านบอกว่าไม่อยากเข้ามายุ่งอะไรมาก เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพรรค ขนาดมีข่าวอดีตส.ส.เดินทางมาพบ ท่านผู้มีอำนาจก็ยังออกมาโจมตีท่านเลย วันนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องของการยอมรับซึ่งกันและกัน” แหล่งข่าว กล่าวและว่า อดีตนายกฯ ยังได้กล่าวอวยพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีนว่าขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงและขอให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น ประชาชนจะได้อยู่ดีมีสุขด้วย

          สตช.ประสานอินเตอร์โปลล่าแม้ว-ปู
          ภาพ 2 อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งทางการไทยได้ออกหมายจับ แต่ยังคงมีการเคลื่อนไหวค่อนข้างเปิดเผยถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่องเหมือนท้าทายอำนาจรัฐไทยนั้น

          พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีหมายจับ ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานความร่วมมือกับตำรวจสากล หรืออินเตอร์โปล ซึ่งมีประเทศสมาชิก 192 ประเทศ ทั้งที่มีและไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ให้ช่วยแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการพบตัว หรือเบาะแสอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตำรวจสากลพิจารณาออกหมายประเภทต่างๆ ที่มีมาตรการความเข้มงวดขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่เป็นเป้าหมายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปรากฏตัว หรือมีข้อมูลการเดินทางเข้าออก เช่น ประเทศอังกฤษ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

          “หากมีการพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ที่ประเทศใด ก็จะมีการแจ้งข้อมูลให้กับทางการไทยทราบทันที เพื่อทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หรือใช้วิธีทางการทูตในการนำตัวกลับมาประเทศไทยต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนในทุกมิติทั้งหมดแล้ว ขณะนี้กองการต่างประเทศได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้ตำรวจสากลพิจารณาออกหมายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นหมายแจ้งตำหนิรูปพรรณ และแหล่งที่อยู่”

          เอ็นจีโอเดินครบ8แสนก้าวแล้ว 
          กลุ่ม We walk เดินมิตรภาพ ได้เผยแพร่รูปภาพและคำประกาศ “จากใจเครือข่ายประชาชน People Go Network Forum ณ เบื้องหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมเพื่อนร่วมทาง We Walk เดินมิตรภาพ” ลงในเพจเฟซบุ๊ก People GO network ระบุว่า "วันนี้พวกเราขบวน ‘We walk เดินมิตรภาพ’ ได้มาถึงจุดหมายปลายทางที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจังหวัดขอนแก่นแล้ว ที่ที่มีประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมายาวนานทั้งของพี่น้องอีสานและประชาชนทั่วไป การมาถึงจังหวัดขอนแก่นของเราเป็นความหวังของการเริ่มต้นของประชาชน เริ่มต้นที่จะเดินเพื่อเสรีภาพ เราหวังว่าจะมีการ ‘เดินพหลโยธิน’ ‘เดินเพชรเกษม’ ‘เดินราชดำเนิน’ ต่อไป เดินเพื่อทวงถามเสรีภาพ ประชาธิปไตยที่เห็นถึงหัวผู้คนสามัญชนคนธรรมดาที่เขาเป็นเจ้าของประเทศอันแท้จริง

          ฉะนั้น 8 แสนก้าวของเรามาหยุดที่นี่ เพื่อให้ก้าวที่ 800,001 ได้เริ่มต้น ที่นั่น ที่นี่ เพื่อให้เห็นว่าประชาชนมีสิทธิเดิน เดินเพื่อมิตรภาพ เดินเพื่อเสรีภาพ เดินไปหาอนาคตของเราเอง

          ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแห่งนี้ ณ โอกาสที่ก้าวที่ 800,000 เดินมาถึง ณ โอกาสที่ก้าวที่ 800,001 จะได้เริ่มต้นขึ้น ขอจารึกคำคำหนึ่งไว้ ณ ที่นี้ นั่นคือ ‘ประชาธิปไตย = ประชาชน’

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ