ข่าว

"บิ๊กป้อม"ลั่นออกหากนาฬิกาหรูผิด-สนช.ล่าชื่อปมต่ออายุป.ป.ช.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“บิ๊กป้อม”ลั่นพร้อมลาออกหากป.ป.ช.ชี้นาฬิกาหรูผิด “บิ๊กตู่”แจงประชาธิปไตยไทยนิยม  "สมชาย"เผยสมาชิกสนช.ขยับล่ารายชื่อส่งศาลรธน.ตีความกฎหมายป.ป.ช.แล้ว

    เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเพจเฟซบุ๊กเปิดเผยภาพนาฬิกาหรูถึง 24 เรือนว่า “เป็นการวนเอาเรือนเก่าออกมา ไม่เป็นไรขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ ชี้ถ้าผมผิด ผมก็ออก และการทำงานของป.ป.ช.ไม่สามารถไปแทรกแซงได้ เพราะป.ป.ช.มีการดำเนินการตามขั้นตอนของเขา คงต้องรอให้เขาตรวจสอบให้เสร็จสิ้น และผมชี้แจงป.ป.ช.ไปแล้ว” เมื่อถามว่า มีการออกมาเปิดเผยเช่นนี้รู้สึกอารมณ์เสียหรือเสียความรู้สึกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่นอยด์ สภาพจิตใจไม่มีอะไร”

     เมื่อถามอีกว่าปกติเป็นคนชอบสะสมนาฬิกาใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีหรอก มีเพื่อน เพื่อนเอามาให้ใส่ แค่นั้นเอง และก็คืนเขาทั้งหมดทุกเรือน ส่วนที่ถามว่าที่มีและชอบจริงๆ มีกี่เรือนนั้น ไม่ขอพูดแล้ว ส่วนที่การระบุถึงหุ้นนาฬิกานั้น ยืนยันว่า ไม่มี ไปเอาที่ไหนมา  

"บิ๊กป้อม"ลั่นออกหากนาฬิกาหรูผิด-สนช.ล่าชื่อปมต่ออายุป.ป.ช.

    ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุ หากชี้แจงเรื่องดังกล่าวไม่ชัดเจนจะกระทบภาพลักษณ์นายกฯ และรัฐบาลนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็พูดกันไป จะพูดอย่างไรก็พูดได้

    รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการจับกุมชายชาวปากีสถานที่เชื่อมโยงเกี่ยวพันกับกลุ่มไอเอสนั้น เจ้าหน้าที่พบว่าชายคนดังกล่าวมีความพยายามทำหนังสือเดินทางและวีซ่าปลอมเพื่อนำเอากลุ่มไอเอสและคนในแถบประเทศตะวันออกกลางเข้ามาภายในประเทศไทย เมื่อถามว่ามีความพยายามลักลอบเข้าไทยในขณะนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การปลอมพาสปอร์ตเป็นการเตรียมพร้อมให้เพื่อรองรับนักรบไอเอส แต่รายงานยังไม่ใครลักลอบเข้ามา

“ศรีสุวรรณ”ชี้ออกได้ไม่ต้องรอป.ป.ช.

    ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่าพร้อมลาออกจากตำแหน่งหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดปมนาฬิกาหรูว่า ความจริง พล.อ.ประวิตร ไม่จำเป็นต้องรอให้ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เพราะเรื่องนี้คนที่รู้ข้อเท็จจริงดีที่สุดก็คือตัวพล.อ.ประวิตรเองว่าเป็นอย่างไร สามารถลาออกได้ โดยที่ไม่ต้องรอคำตัดสิน โดยเรื่องนี้สาธารณชนเขาตัดสินแล้วว่าไม่ชอบมาพากล หากจะอยู่ต่อไปก็มีแต่ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียหาย และการที่บอกว่าไปยืมเพื่อนมา พูดกับใครก็เชื่อยาก ส่วนตัวว่า ป.ป.ช. ก็คงไม่เชื่อเช่นกัน ซึ่ง ป.ป.ช. จะต้องไปตรวจสอบว่านาฬิกาทั้งหมดนั้นยืมมาจริงหรือไม่ ถ้ามีการยืมจริงๆ เจ้าของนาฬิกาคือใคร ได้มาอย่างไร เสียภาษีถูกกฎหมายหรือไม่ รวมถึงผู้ให้ยืมเป็นเพื่อนจริงๆ หรือไม่ เรื่องเหล่านี้ป.ป.ช. สามารถสืบหาได้หมด

    นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ถ้าป.ป.ช. เชื่อตามที่พล.อ.ประวิตร พูดว่ายืมเพื่อนและคืนไปแล้วนั้น ก็ไม่ต้องมีป.ป.ช.ก็ได้ ถ้าหากผลตรวจสอบออกมากรองนายกรัฐมนตรีไม่ผิด แล้วค่อยกลับในตำแหน่งเดิม ก็จะเป็นเรื่องที่ดี มีแต่คนสรรเสริญ ถือว่ามีสปิริต แถมยังเห็นแก่ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

วีระอัดคสช.โดดป้องบิ๊กป้อม

     วันเดียวกัน นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โพสต์แสดงความเห็นกรณีข่าวคสช.เห็นว่ากรณีพล.อ.ประวิตร ไม่จำเป็นต้องลาออก หลังถูกตั้งคำถามปมนาฬิกาหรูที่ไม่ยอมชี้แจงต่อป.ป.ช. ว่าแหล่งข่าวจากคสช. กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ควรที่จะมีสปิริตทางการเมือง แต่ถ้าเข้ามาเพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้คนไทยฆ่ากันเองบนถนน ถ้าคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่ต้องออก เพื่อแสดงสปิริตทางการเมือง”

    “ขอทราบชื่อด่วน ใครคือแหล่งข่าว คสช. ที่ออกมาให้ความเห็นเช่นนี้ กล้าพูดกล้ารับหรือไม่? พูดออกมาอย่างนี้ เรียกแขกอีกแล้ว อย่างนี้ต้องจัดหนัก ฝ่าฝืนกฎหมายแล้วยังท้าทาย คสช. ยังลำเลิกบุญคุณไม่รู้จบ คิดเอาเองว่าการเข้ามาทำรัฐประหารแย่งยึดอำนาจ แล้วจะทำผิดกฎหมายก็ได้อย่างนั้นหรือ? คสช.คิดเอาเองว่า ประวิตร ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แล้วรู้ไหมว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาคิดกันอย่างไร เชื่อว่าถ้ามีสำนักใดกล้าทำโพลล์อย่างตรงไปตรงมา ผลโพลล์จะออกมาชนิดคสช.สิ้นศักดิ์ศรีสิ้นเชิง กฎหมายไม่ได้ยกเว้นความผิดให้ คสช.คนใด กฎหมายกำหนดให้แจ้งทรัพย์สิน แต่ประวิตรไม่ทำ การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายป.ป.ช.เป็นความผิดแล้ว ที่รับไม่ได้คือยังนำทรัพย์สินที่ไม่แจ้งมาโชว์เย้ยอีก อย่าท้าทายบีบบังคับให้ประชาชนหมดความอดทน” นายวีระ ระบุ

"บิ๊กป้อม"ลั่นออกหากนาฬิกาหรูผิด-สนช.ล่าชื่อปมต่ออายุป.ป.ช.

 

‘เอกชัย’ บุกทำเนียบอีกให้นาฬิกา

    เมื่อเวลา 09.50 น. ที่หน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง อดีตผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พร้อมด้วยนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ได้นำนาฬิกาจำนวน 3 เรือน พร้อมโปสเตอร์ที่มีรูปภาพนาฬิกาจำนวน 23 เรือน เพื่อมามอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  นายเอกชัย กล่าวว่า วันนี้นำนาฬิกาจำนวน 3 เรือน มาให้ พล.อ.ประวิตรเลือก และยืนยันว่าจะเดินทางมาทำเนียบจนกว่าจะมอบนาฬิกาให้ พล.อ.ประวิตร ด้วยตัวเอง

    นอกจากนี้นายเอกชัยยังนำแผ่นภาพนาฬิกา 23 เรือน ที่ปรากฏในเพจ CSILA และนำโปสเตอร์ซีโร่ คอร์รัปชั่น มามอบให้ด้วย โดยเห็นว่าเพจดังกล่าวตรวจสอบได้ดีกว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยกับนายเอกชัยเพื่อทำความเข้าใจ ก่อนที่นายเอกชัยจะเดินทางกลับ

โผล่อีกนาฬิกาบิ๊กป้อมเรือนที่ 24

    วันเดียวกันเพจ CSI LA ขุดนาฬิกาหรูราคาแพงเรือนที่ 24 ของ “บิ๊กป้อม” โรเล็กซ์ คอสโมกราฟ เดย์โทนา เรือนทองสีชมพู 18 เค หน้าปัดงาช้าง ราคาตลาดอยู่ที่ 1 ล้านบาท ปรากฏในภาพปี 2558 ทั้งนี้ แฟนเพจ CSI LA ได้เปิดเผยนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร เรือนที่ 24 เป็นนาฬิกายี่ห้อ Rolex รุ่น Cosmograph Daytona ขนาด 40MM IVORY DIAL ตัวเรือนทำจากทองคำ 18K Rose Gold ราคาตลาดอยู่ที่ 1 ล้านบาท โดยนาฬิกาเรือนดังกล่าวปรากฏในภาพถ่ายวันที่ 2 ธันวาคม 2558 ขณะผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์สภากาชาดไทย นำคณะพร้อมด้วยศิลปินดารา เข้าพบ พล.อ.ประวิตร เพื่อติดเข็มสัญลักษณ์การรณรงค์เนื่องในวันเอดส์โลก ณ บริเวณด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

บิ๊กตู่เผยประวิตรจะตอบเอง

     วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเสนอให้พักงานพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนาฬิกาหรู รวมถึงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอแนะให้ดูตัวอย่างนายวิทยา แก้วภราดัย และนายวิฑูรย์ นามบุตร ที่ลาออกให้ตรวจสอบ เพราะไม่ต้องการให้เป็นภาระของรัฐบาลว่า เรื่องนาฬิกาหรืออะไรต่างๆ ที่มีนักการเมืองออกมาพูดด้วยนั้น ต้องให้กลไกดำเนินการตรวจสอบให้ชัดเจน ดังนั้นช่วงนี้ขออย่าใช้วาทกรรมเหล่านี้มาสร้างประโยชน์ทางการเมือง ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร จะตอบคำถามเรื่องนี้ด้วยตนเอง ฉะนั้นอย่ามาถาม

“บิ๊กตู่”เผยแม่เป็น“ครู” รู้ว่าเหนื่อย

    ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 08.30 น. ที่หอประชุมคุรุสภากระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันครูแห่งชาติ ครั้งที่ 62/2561 โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ และพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงษ์ รมช.ศึกษาธิการ และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ได้เชิญครูอาวุโสที่เคยสอนนายกฯ สมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) มาร่วม 2 ท่าน คือ พล.ท.สมพงษ์ ตุ้มสวัสดิ์ และพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ มาให้นายกฯ ได้คารวะเนื่องในโอกาสวันครู

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เคารพและเทิดทูนครู และยังเป็นครอบครัวครู ยังรำลึกพระคุณครูเสมอ คนที่มาเป็นครูต้องรู้ว่าต้องเหนื่อยสาหัสสากรรจ์ ในสมัยก่อนเรื่องส่วนตัวคงไม่มีปัญหามานัก เท่าที่จำได้สมัยแม่เป็นครูจัดเตรียมการสอนในวันรุ่งขึ้นไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ปัจจุบันหลายอย่างเจริญด้วยเทคโนโลยีมากขึ้น คนมากขึ้นปัญหามากขึ้นเป็นธรรมดา ฉะนั้นครูก็ต้องเผชิญปัญหาที่หนักหน่วง แต่เชื่อมั่นในความเป็นครูที่อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะมีความศรัทธาให้กัน เหมือนที่มีศรัทธาให้คนไทยทุกคน และมีศรัทธาให้ประเทศของตนเอง แก้ปัญหาบ้านเมืองให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยและมีความยั่งยืนในอนาคต ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อคนไทยทุกคน เป็นคนไทยที่พร้อมเผชิญหน้ากับภัยรูปแบบใหม่และรูปแบบเก่า ดังนั้นการเรียนการสอนวันนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องวิชาการอย่างเดียว ครูต้องมีความรู้เรื่องราวภายนอกของโลกใบนี้ด้วยเพื่อนำมาประยุกต์ใช้งานในเรื่องการเรียนการสอน พัฒนาการด้านจิตใจเด็กตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ตรัสไว้ว่า เราจะต้องมีภูมิคุ้มกันโดยครูต้องมีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กนอกจากการให้วิชาความรู้

"บิ๊กป้อม"ลั่นออกหากนาฬิกาหรูผิด-สนช.ล่าชื่อปมต่ออายุป.ป.ช.

เผยต้องให้คนไทยเข้าใจ “ปชต.”

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ต้องให้คนไทยนิยมการศึกษา นิยมการเลือกตั้ง นิยมและเข้าใจประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ทุกอย่างอยู่ที่ความชอบ ถ้าทำให้คนไทยชอบในสิ่งถูกต้องดีงามก็จะดีกว่าเดิมนั่นคือศรัทธาจึงใช้คำว่าศรัทธากับทุกเรื่อง แต่ครั้งนี้ใช้ในเรื่องของศิษย์กับครู นี่คือการบ้านของครูทุกคน ดังนั้ขอให้ทุกคนรับในสิ่งที่เป็นห่วงไปด้วย เพราะพูดในนามของรัฐบาล ในนามของนายกรัฐมนตรี ไม่มีในส่วนตัวนี่คือเรื่องงานท่านแต่เรื่องส่วนตัวท่านก็ต้องดูแลสิ่งที่เป็นปัญหา แต่ปัญหาที่ยาวนานต้องใช้เวลาในการแก้โดยเฉพาะเรื่องการใช้งบประมาณสูง ซึ่งจะต้องปรับแก้ภายในให้ได้ก่อนว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และขาดตรงไหนจึงจะมาคุยกัน วันนี้พูดไปแล้วไอก็ต้องขอโทษด้วย สงสัยดอกไม้ที่ประดับโพเดี้ยมจะเยอะไปที่หน้าอก ก็เป็นคนแพ้ง่าย แพ้ดอกไม้อย่างเดียวอย่างอื่นไม่มีแพ้ มีกำลังใจตอนนี้มีทั้งอาจารย์และพระอยู่ด้วย ตนไม่กลัวใคร เพราะตั้งใจทำงาน วันนี้เราจะทำไปพร้อมกันทั้งปัญหาการเรียนและปัญหาส่วนตัวครู

แจงนิยาม“ปชต.ไทยนิยม”

     นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คนไทยติดนิสัยชอบอะไรก็จะชอบอยู่อย่างนั้น ค่อนข้างมีความรู้สึกเป็นอารมณ์ศิลปินรักแรงเกลียดแรงชอบแรง สิ่งเหล่านี้เรียกว่าไทยนิยม เข้าใจหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องการเมืองเรื่องประชาธิปไตยอย่างเดียว ต้องเข้าใจความเป็นไทย นี่เป็นสิ่งที่ต้องฝากครู คนไทยจะมีส่วนร่วมพัฒนาชาติได้อย่างไร คนไทยจะเข้าใจประชาธิปไตยได้ลึกซึ้งเพียงใด วันนี้อย่าไปเดินตามสิ่งที่พัฒนาแล้ว ประเทศไทยอาจไม่ใช่อย่างนั้น แต่ด้วยหลักการพื้นฐานเราต้องเป็นไปตามกติกาโลก ประชาธิปไตยอะไรก็แล้วแต่ ต้องไม่ลืมพื้นฐานประชาธิปไตย

     “ประชาธิปไตยไทยนิยมในแบบของผม คือทำอย่างไรคนไทยจะเข้าใจประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ทำอย่างไรคนไทยจะทำในสิ่งที่ดีงาม ถ้าทุกคนมุ่งไปสู่สิ่งที่เป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว นั่นแหละคือไทยนิยม คนไทยชอบทำ เราต้องทำสิ่งดีๆ จะเกิดผลดีต่อบ้านเมือง อันนี้ขอโอกาสชี้แจงเพราะพาดหัวมาหลายวันแล้ว ประชาธิปไตยไทยนิยมของผม คนไทยชอบอะไรก็ชอบ รักอะไรก็รัก เกลียดอะไรก็เกลียด บางคนก็รักๆ เกลียดๆ เกลียดข้างนี้บ้าง เกลียดข้างโน้นบ้าง ผมไม่เคยเกลียดใคร เพราะทุกคนคือคนไทยทั้งสิ้น เว้นแต่หลายคนเขาเกลียดผม แต่ในห้องนี้ผมว่าไม่น่ามี” นายกฯ กล่าว

"บิ๊กป้อม"ลั่นออกหากนาฬิกาหรูผิด-สนช.ล่าชื่อปมต่ออายุป.ป.ช.

ปัดส่ง“บิ๊กจิน”ดีลพลังชล

    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีมีกระแสข่าว พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและ‪รมว.‬ยุติธรรม ประสานกับพรรคพลังชล เพื่อต่อรองให้สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แลกกับการพักโทษของนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ว่า “การเมือง การต่อรองที่มีเงื่อนไขนั้นไม่เป็นความจริง ใครจะไปทำแบบนั้น เรื่องนี้ต้องไปดูการชี้แจงจากหน่วยงานที่กี่ยวข้องว่าใครเข้ากฎเกณฑ์ในการพักโทษได้บ้าง ก็มีกติการะบุไว้อย่างชัดเจนของกระทรวงยุติธรรม จึงไม่มีใครที่จะนำเรื่องเหล่านี้ไปเจรจาต่อรองเงื่อนไขอะไรได้ ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่อง”

     นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า ช่วงนี้มีหลายปัญหาเข้ามาทับซ้อนในการทำงานที่ต้องแก้ไขด้วยกฎหมายและกระบวนการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน โดยได้ตั้งคณะกรรมการในการขับเคลื่อนเพื่อใช้งบประมาณของทุกหน่วยงานให้สอดรับความต้องการของประเทศ ทั้งเรื่องความปรองดอง การแก้ปัญหาความยากจน เพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการระดับล่างกว่า 7,800 ชุด เพื่อสอบถามความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้น เหมือนหลักการทำงานของประเทศจีน

 

แจง 24 เครือข่ายจี้เลิกคำสั่งคสช.

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณี 24 เครือข่ายภาคประชาสังคมเตรียมล่ารายชื่อ 1 หมื่นรายชื่อ เพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งคสช. 35 ฉบับว่า ต้องไปดูว่าจะยกเลิกประกาศ และคำสั่งคสช.อันไหน เพราะคสช.ออกไป 100 กว่าเรื่อง ซึ่งเขาไม่ได้เสนอยกเลิกทุกเรื่อง แต่เสนอยกเลิกประกาศหรือคำสั่งที่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องไปดูตรงนั้น ไปดูว่ากฎหมายที่ออกมามีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ก็มีเยอะแยะ จึงต้องมีหลักคิด

"บิ๊กป้อม"ลั่นออกหากนาฬิกาหรูผิด-สนช.ล่าชื่อปมต่ออายุป.ป.ช.

 

นายกฯเผยสนช.ยื่นเองได้

    นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอแนะให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประเด็นการให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บางรายอยู่ต่อแม้คุณสมบัติอาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า ไม่ใช่ขั้นตอนของนายกรัฐมนตรี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเขาทำเองได้ ก็ฟ้องได้ เว้นแต่ว่าหากส่งกลับมาเพื่อเสนอโปรดเกล้าฯ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องพิจารณาอีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องสำคัญ

“มีชัย”หนุนสนช.ชงศาลรธน.

     ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ตอนนี้กฎหมายยังไม่ถึงมือนายกรัฐมนตรี เพื่อนำสู่การทูลเกล้าฯ ได้ยินว่า สนช.กำลังรวบรวมรายชื่ออยู่คงจะส่งไป ตนเห็นว่าการไปยื่นจะส่งผลดี ทำให้ข้อสงสัยที่มีเหตุอันควรจะได้ข้อยุติต่อทุกฝ่าย เพราะหากปล่อยไปวันข้างหน้าแล้วมีคนยกขึ้นมาแล้วนำไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ หากศาลชี้ว่าไม่ถูกต้องก็จะเป็นปัญหา อีกทั้งจะเกิดการตั้งคำถามต่อไปอีกว่าแล้วในระหว่างที่ทำหน้าที่นั้นถูกต้องหรือไม่ ใครที่ถูกป.ป.ช.ตรวจสอบก็อาจไปฟ้อง โต้แย้งกันบานปลายไปใหญ่ เราถึงได้บอกเป็นแนวว่ากังวล ขึ้นกับสนช.จะตัดสินใจ

"บิ๊กป้อม"ลั่นออกหากนาฬิกาหรูผิด-สนช.ล่าชื่อปมต่ออายุป.ป.ช.

     “สาเหตุที่กรธ.ไม่ทำความเห็นแย้งให้ตั้งกมธ.ร่วม 3 ฝ่ายนั้น เนื่องจากไม่ใช่เรื่องขัดเจตนารมณ์ แต่เป็นปัญหาขัดรัฐธรรมนูญ อีกทั้งสนช.ก็เห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก หากตั้งกมธ.ร่วม 3 ฝ่าย ก็ไม่ได้มีอำนาจวินิจฉัย แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ทำแบบนั้นจึงไม่มีประโยชน์ ล่าช้าด้วยซ้ำไป” ประธาน กรธ. กล่าว

ปัดจูงใจสนช.เข้าชื่อนั่งส.ว

     เมื่อถามว่ากรณีนี้มีใบสั่งหรือไม่ สนช.อาจไม่กล้ายื่นเรื่องเพราะกลัวไม่ได้รับเลือกเป็นส.ว. ที่คสช.จะแต่งตั้งเข้ามา นายมีชัย กล่าวว่า ถ้ามีแล้วกรธ.จะตั้งข้อสังเกตให้สนช.ทำไม “ใบสั่ง” จะสั่งให้คนทำผิดรัฐธรรมนูญไม่ได้ กรธ.ไม่ได้บอกให้สนช.ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แต่บอกว่ากังวลอาจขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งการวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญ จึงแจ้งมายังสนช.จะเห็นอย่างไรก็แล้วแต่ ส่วนเรื่องส.ว.ตนคิดว่าไม่ คนที่ยื่นสมควรได้รับเลือกมากกว่าอีก ถือว่ารอบคอบดี

    ส่วนที่ถามว่าศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยกรณีที่สนช.ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่ในตำแหน่งต่อไปทั้งที่คุณสมบัติไม่ครบแล้ว นายมีชัย กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยชี้เรื่องคุณสมบัติ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะต้องห้ามแบบในครั้งนี้ ถ้าศาลบอกเหมือนกรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่รับไว้พิจารณาก็จบ แต่ที่กรธ.กังวลในเรื่องป.ป.ช.นั้นคนละส่วนกัน

"บิ๊กป้อม"ลั่นออกหากนาฬิกาหรูผิด-สนช.ล่าชื่อปมต่ออายุป.ป.ช.

สมชายชี้สนช.ล่ารายชื่อแล้ว

     นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติ (วิปสนช.) กล่าวถึงกรณีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้วินิจฉัยร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ... กรณีบทเฉพาะกาล มาตรา 178 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากสมาชิกสนช. ยกเว้นลักษณะต้องห้ามให้ทางกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ดำรงว่า ตนเห็นว่าการกำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ช.ดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบวาระเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เพราะการจะให้องค์กรอิสระดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่ เป็นไปตามที่กำหนดในกฎหมายลูก ตามความจำเป็นต่อการปฏิรูปประเทศและการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างองค์กร ซึ่งกรรมการป.ป.ช.ชุดดังกล่าวเพิ่งได้รับการสรรหาและทำหน้าที่มาเพียงปีกว่า แต่ตนก็เห็นด้วยหากจะมีผู้ที่ลงมติไม่เห็นด้วยหรืองดออกเสียงในประเด็นนี้ จะเข้าชื่อเสนอประธานสนช. เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เกิดความชัดเจน ซึ่งเมื่อดูจากมติแล้วถือว่าสมาชิกสนช.มีจำนวนมากพอตรงตามเงื่อนไข อีกทั้งสมาชิกสนช. บางส่วนก็เริ่มมีการรวบรวมรายชื่อแล้ว ส่วนจะครบเมื่อใดยังไม่สามารถตอบได้ อาจใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 วัน

    ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ากรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอาจเกิดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น นายสมชาย กล่าวว่า คงไม่เป็นเรื่องหนักใจ เพราะศาลมีหน้าที่วินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมา ส่วนกระบวนการในขณะนี้เมื่อไม่มีฝ่ายใดทักท้วงให้จัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วม 3 ฝ่ายเพื่อทบทวน โดยที่ประธานสนช. จะใช้เวลาตรวจสอบร่างกฎหมายประมาณ 15 วัน ก่อนส่งให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ จะรอเวลาไว้ 5 วัน เผื่อ สนช.หรือตัวนายกฯ จะตัดสินใจส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป หากมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ทางสนช.ก็พร้อมยอมรับคำวินิจฉัยนั้น

เปิดชื่อสนช.ต้านต่ออายุ ป.ป.ช.

     ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้วินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ... กรณีบทเฉพาะกาล มาตรา 177 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยกเว้นลักษณะต้องห้ามให้กรรมการป.ป.ช.ได้ดำรงตำแหน่งต่อ ซึ่งมีกระแสเรียกร้องให้สมาชิกสนช.ที่ลงมติออกเสียงไม่เห็นด้วยและงดออกเสียง เป็นผู้ร่วมกันเข้าชื่อเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความในประเด็นดังกล่าว

     สำหรับรายชื่อสมาชิกสนช.ที่ลงมติไม่เห็นด้วยกับมาตรา 178 มีจำนวน 26 คน ได้แก่ 1.พล.ร.อ.กฤษฎา เจริญพานิช 2.พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ 3.พล.อ.อ.ชนัท รัตนอุบล 4.พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร 5.พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ 6.พล.ร.อ.ชุมพล วงศ์เวคิน 7.นายดิสทัต โหตระกิตย์ 8.พล.อ.อ.ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์ 9.นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน 10.พล.ร.อ.นพดล โชคระดา 11.นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา 12.นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ 13.นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์ 14.คุณพรทิพย์ จาละ 15.พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ 16.นายวันชัย ศารทูลทัต 17.พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ 18.พล.ร.อ.วีรพันธ์ สุขก้อน 19.นางเสาวณี สุวรรณชีพ 20.พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ 21.พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง 22.น.ส.อรจิต สงคาลวณิช 23.นายปรีชา บัววิรัตน์เลิศ 24.พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ 25.พล.อ.ธนดล สุรารักษ์ และ 26.พล.ร.อ.สนธยา น้อยฉายา

"บิ๊กป้อม"ลั่นออกหากนาฬิกาหรูผิด-สนช.ล่าชื่อปมต่ออายุป.ป.ช.

เผยงดออกเสียง 29 คน

     ส่วนรายชื่อที่งดออกเสียงมีจำนวน 29 คน ได้แก่ 1.นายกรรณภว์ ธนภรรคภวิน 2.นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ 3.พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา 4.พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ 5.นายประมุท สูตะบุตร 6.นายพรเพชร วิชิตชลชัย 7.นายพีระศักดิ์ พอจิต 8.นายมณเฑียร บุญตัน 9.นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร 10.พล.ร.อ.วัลลภ เกิดผล 11.นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ 12.พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ 13.นายสมพล พันธุ์มณี 14.พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ กฤษณคุปต์ 15.นายเจน นำชัยศิริ 16.นายสุพันธุ์ มงคงสุธี 17.พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ 18.นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ 19.พล.อ.อ.อดิศักดิ์ กลั่นเสนาะ 20.นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ 21.นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล 22.พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ 23.นายอิสระ ว่องกุศลกิจ 24.พล.ท.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ 25.พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เชิดบุญเมือง 26.นายเจริญศักดิ์ ศาลากิจ 27.นายวิทยา ผิวผ่อง 28.พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ และ 29.พล.ท.สุรใจ จิตต์แจ้ง

 

จี้สนช.ใช้ความกล้าทางจริยธรรม

    วันเดียวกัน นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวเรียกร้องไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ใช้ความกล้าหาญทางจริยธรรม เข้าชื่อเพื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยประเด็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่สนช. ให้ความเห็นชอบ ต่อการไม่ใช่บทว่าด้วยคุณสมบัติต้องห้าม ให้กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เข้าข่ายอยู่ในวาระต่อไปนั้นจะถือว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเพื่อให้การทำหน้าที่ของสนช. ทั้งบทบาทของ ส.ส. และ ส.ว. เป็นตัวแทนของความถูกต้องเที่ยงธรรม

“สนช. จำนวน 1 ใน 10 หรือ 25 คนสามารถเข้าชื่อเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความได้ เพื่อให้ความขัดแย้งมีข้อยุติที่ชัดเจน ซึ่งผมมองว่าแค่สนช. จำนวน 26 คนที่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวตอนโหวตวาระสาม สามารถเข้าชื่อเพื่อยื่นได้แล้ว” นายประสาร กล่าว

ยืนคุก35ปี4เดือนอดีตการ์ดนปช.

    เวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีการ์ด นปช.ยิงเอ็ม 79 ใส่กปปส. หน้าตึกชินฯ คดีหมายเลขดำ อ.3820/2557 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายณรงค์ศักดิ์ หรือตุ้ย พลายอร่าม อายุ 32 ปี อดีตการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายพีรพงษ์ หรือธานินทร์ สินธุสนธิชาติ อายุ 43 ปี ชาวจ.ระยอง เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กระทำการให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคล ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 221, 288, 289, 358, 371, 376 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 มาตรา 42(2), 7, 8 ทวิ, 38, 55, 72, 72 ทวิ, 74, 78 พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15, 42 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ โดยคดีนี้จำเลยถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสระบุรี ในคดีอื่น ซึ่งศาลจังหวัดสระบุรีได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้ให้จำเลยฟังไปแล้ว เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560

    ทั้งนี้ศาลอาญาได้อ่านผลคำพิพากษาศาลฎีกาให้อัยการโจทก์ ทราบเท่านั้น จึงไม่มีการเบิกตัวจำเลยมาศาลอาญา โดยศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มีเพียงบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ที่ให้การในฐานะพยานและผู้ต้องหา จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพประกอบบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ซึ่งต่างเป็นพยานบอกเล่า นายยงยุทธก็ไม่ได้ให้การว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดในคดีนี้ด้วย ซึ่งโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาสนับสนุนบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ให้มีน้ำหนักรับฟัง พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดคดีนี้หรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ “นายพีรพงษ์” จำเลยที่ 2 ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก “นายณรงค์ศักดิ์” จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 35 ปี 4 เดือน และยกฟ้อง “นายพีรพงษ์” จำเลยที่ 2

ครม.ขยายพิสูจน์สัญชาติต่างด้าว

    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่ได้ผ่อนผันให้อยู่และทำงานจำนวน 2 ล้านคน โดยครม.มีมติขยายระยะเวลาให้แรงงานต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อทำการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2561 แต่มีเงื่อนไขว่าคนต่างด้าวเหล่านี้บางส่วนยังไม่มีทะเบียนประวัติ ไม่มีเลข 13 หลัก จะให้แรงงานดังกล่าวไปทำทะเบียนประวัติที่กรมการปกครอง ส่วนกลุ่มที่มีบัตรสีชมพู มีทะเบียนประวัติอยู่แล้วให้ไปรายงานตัวเพื่อปรับปรุงทะเบียนประวัติให้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ หลังจากพิสูจน์สัญชาติเรียบร้อยแล้วก็จะได้เอกสารจากประเทศต้นทาง เมื่อได้แล้วฝ่ายไทยจะให้วีซ่าอยู่เพื่อทำงานและออกใบอนุญาตทำงานได้อีก 2 ปีถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 

       นายอนุรักษ์ กล่าวต่อว่า ได้พิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวทั้ง 3 สัญชาติตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-31 ธันวาคม 2560 ไปแล้ว 1,187,411 คน โดยมีแรงงานที่ยังพิสูจน์สัญชาติไม่แล้วเสร็จ 811,829 คน ประกอบด้วย กัมพูชา ประมาณ 4 แสนคน เมียนมาร์จำนวน 3 แสนคน และลาวจำนวน 1.3 แสนคน เนื่องจากประเทศต้นทางเป็นผู้ดำเนินการเอง และติดปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขั้นตอนวิธีการ เครื่องมือ หรือบุคลากรทำการพิสูจน์สัญชาติไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะตั้งผู้รับผิดชอบลงพื้นที่ไปกำกับดูแลร่วมดำเนินการกับฝ่ายประเทศต้นทาง เพื่อบริหารจัดการให้เกิดความสะดวก รวดเร็วในการจัดคิว ก็ไม่จำเป็นต้องมีนายหน้า และไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์อีก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตัวเลขแรงงานต่างด้าวที่ยังพิสูจน์สัญชาติไม่แล้วเสร็จจะดำเนินการเสร็จก่อนกำหนด 6 เดือน

(ข่าวหน้า1.นสพ.คมชัดลึก)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ