"สมเกียรติ - ไชยวัฒน์ "เตรียมยื่นขอเพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์คดีปิดสนามบิน อ้างคดีแพ่งเสร็จก่อนคดีอาญา เตรียมร้องศาล รธน. อีกทาง พร้อม เลิกใช้ทนาย พธม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการที่มีคำสั่งบังคับคดีให้ 13 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งจากการปิดสนามบินกว่า 500 ล้านบาท ล่าสุดนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลย 2 จาก 13 คนได้หารือกันเตรียมยื่นหนังสือของเพิกถอนคำบังคับคดี โดยขณะนี้ได้เตรียมหารือกับทนายซึ่งไม่ใช่ทนายของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อขอจัดทำหนังสิอในสัปดาห์หน้า โดยไชยวัฒน์กล่าว่า การใช้สิทธิดังกล่าสถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่ต้องขอมติจากทางกลุ่มพธม. อีก 11 คนที่เหลือ ตามกระบวนการเชื่อว่าสามารถทำได้ เพราะสิ่งทีเกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของฝ่ายจำเลย ที่เกิดจากทนายพันธมิตรฯ ประมาทเลินเล่อ ไม่ไปศาลในวันที่มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และจำเลยอีก 13 คนก็ไม่มีใคราทราบและไม่ได้ไปศาล ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นข้อบกพร่องของจำเลย จนเรื่องดำเนินการไปยังศาลฎีกาและถูกสั่งให้คดีถึงที่สุดและมีการออกคำสั่งบังคับคดีตามมา กระบวนการดังกล่าวหากพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจะเห็นว่าไม่เป็นธรรม เพราะคดีทางแพ่งตัดสินและมีคำบังคับคดีก่อนที่คดีอาญาจะถึงที่สุด ทั้งนี้การดำเนินคดีจะมีโจทก์ที่ฟ้องทั้งหมด 3 โจก์ คือ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย บริษัทวิทยุการบิน และการบินไทย โดยในส่วนของการบินไทยนั้นรอการตัดสินในคดีอาญา แต่คดีของ ทอท. และ วิทยุการบินฯ กลับไม่รอดังนั้นหากปล่อยให้กระบวนการดำเนินการไปจนเป็นเหตุให้ต้องฟ้องล้มละลายจะเป็นเหตุให้เสียสิทธิทางสังคมและการเมือง ท้ายที่สุดหากผล ตัดสินคดีอาญายกฟัอง หรือไม่มีความผิด จะทวงสิทธิไปได้อย่างไร และคดีแพ่งมีจำเลย 13 คน แต่ทางอาญามีจำเลยร่วม 98 คน ดังนั้นการบังคับคดีแค่ 13 คนจึงถือว่าใช้ได้หรือไม่
"ผมไม่ได้กลัวการยึดทรัพย์ แต่เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมนั้นตอบโจทย์อย่างครบถ้วน ผมจึงจะใช้แนวทางนี้ซึ่งสามารถทำได้ ยอมรับว่าอาจถูกสังคมมองว่าไม่ยอมชดใช้หรือปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เรื่องนี้หากพิจารณาในกระบวนการจำเป็นต้องรอคดีอาญาให้ตัดสินจนถึงที่สุดก่อน หากพบความผิดการดำเนินึคดทางแพ่งจึงดำเนินได้
นายไชยวัฒน์ยังกล่าวอีกว่า ทางยุติธรรมเป็นสิ่งที่ตนเคลือบแคลลงใจ และการตัดสินไม่ได้อยู่บนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่อยู่บนสิทธิอันชอบธรรมของปรนะชาชนในการขุมนุม ตนเตรียมทำเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาประเด็นดังกล่าวด้วย และเรื่องการเพิกถอนคำสั่งบังคับคดีอาจมีเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของศาลที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ให้ความสำคัญต่อการให้ความยุติธรรมกับประชาชน แต่เรื่องนี้ถือเป็นดุลพินิจส่วนตัวจของตน คนอื่นอาจไม่เห็นด้วยก็ได้
ขณะที่นายสมเกียรติกล่าวว่า ขอไม่พูดในรายละเอียด แต่เชื่อว่าในแนวทางที่ศาลมีแนวทางต่อสู้อยู่โดยเฉพาะในกระบวนการออกคำบังคับคดีที่ไม่รอผลคำพิพากษาของคดีอาญา ตนไม่กลัวการถูกยึดทรัพย์หรือการถูกฟ้องล้มละลาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต้องการให้กระบวนการหรือขึ้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง