ข่าว

"บิ๊กตู่" สั่งลดพื้นที่ปลูกยางภาคเหนือ ตั้งเป้า4แสนไร่ต่อปี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ประยุทธ์" แจงยิบแก้ราคายาง สั่งขาดภาคเหนือลดปลูกยาง ชี้ไม่ได้คุณภาพ วอนปชช.หยุดปลูกพืชเชิงเดี่ยว



          17 พ.ย. 60 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า สำหรับปัญหาราคายางพาราตกต่ำ เราจำเป็นต้องเข้าใจในภาพรวม เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาไปในแนวทางที่จะร่วมมือกันได้ โดยเฉพาะราคายางธรรมชาติ และยางสังเคราะห์ มีความเกี่ยวโยงกันมากมายกับสถานการณ์หลายอย่าง เช่น ราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งสะท้อนต้นทุนการผลิตยางสังเคราะห์ สามารถใช้ทดแทนยางธรรมชาติได้ เช่น ในปี 2540 ถึง 2548 น้ำมันราคาแพง ทำให้ราคายางสังเคราะห์แพงตามไปด้วย ส่งผลให้หลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย หันไปส่งเสริมให้ปลูกยางพาราในประเทศ เพื่อลดการนำเข้ายางสังเคราะห์ แต่พอราคาน้ำมันลด ราคายางสังเคราะห์ก็ลดตาม แต่ปริมาณยางธรรมชาติยังคงมาก และเกินความต้องการของตลาด เพราะหันไปใช้ยางสังเคราะห์ จึงทำให้ราคายางพาราตกต่ำ 
          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อีกทั้งปริมาณการผลิตยางพาราในช่วงปี 2554 ถึง 2558 ทิศทางของโลกลดการผลิตลง แต่ไทยเราผลิตเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการส่งเสริมให้ปลูกยางพาราในอดีต อาจจะทำให้ผลผลิตในปัจจุบันมีจำนวนมากพอสมควร ทำให้เกิดความไม่สมดุลกัน ที่สำคัญเกษตรกรสวนยางไทยนั้น เราจะปลูกยางเป็นพืชเชิงเดี่ยวมาก ทำให้เมื่อราคายางผันผวน ก็จะมีผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนอย่างรุนแรง โดยประเทศอื่นเกษตรกรเขาจะเพาะปลูกเป็นพืชทางเลือกเสริมเข้ามาด้วยควบคู่กับการปลูกยาง เช่น มาเลเซีย มุ่งเน้นไปปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างปาล์มน้ำมันมา 20 ถึง 30 ปีมาแล้ว ส่วนอินโดนีเซีย เขาก็ทำเกษตรแบบยังชีพ ทำประมงควบคู่ไปด้วย หรือทำอาชีพอื่นไปด้วย เสริมกับการมีผลผลิตจากยางเป็นรายได้ของเขา เมื่อราคายางลดลง ผู้ปลูกยางในประเทศเหล่านี้ ก็จะชะลอการกรีดยางแล้วหันไปประกอบอาชีพอื่นเพื่อหารายได้เข้ามาแทน เอารายได้จากยางเป็นรายได้เสริม แต่ของเราเป็นรายได้หลัก 
          "เราใช้ยางพาราในประเทศน้อยลง เมื่อเทียบกับผลผลิต โดยประเทศไทยผลิตยางพารา ถึง 4.47 ล้านตัน มีการใช้ยางพาราในประเทศเพียง 0.60 ล้านตัน ที่เหลือส่งออก ซึ่งทำให้ราคายางพาราของเราต้องขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก ซึ่งก็แปรผันตามปริมาณความต้องการ ที่ผูกโยงกับราคาน้ำมันด้วย เพิ่มความซับซ้อน จนไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด เราอาจจะถือว่าเป็นประเทศผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก มีพื้นที่กรีดยางพารารวมกัน 50.23 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 62.09 ของเนื้อที่กรีดยางพาราของโลก มีผลผลิตรวม 8.56 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 63.27 ของผลผลิตโลกก็ตาม แต่อินโดนีเซีย ที่แม้จะมีการใช้ยางพาราในประเทศน้อยมากเช่นกัน แต่การปลูกยางก็ไม่ใช่รายได้หลัก ส่วนมาเลเซียได้สร้างสมดุลการใช้ยางพาราในประเทศให้ใกล้เคียงกับผลผลิตรวม ทั้งสนับสนุนการปลูกปาล์มน้ำมัน และการปลูกพืชเชิงซ้อนอีกด้วย เรื่องนี้เราต้องให้ความสำคัญ และต้องช่วยกันทำต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 
          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ความไม่เหมาะสมของพื้นที่ปลูกยางพาราในปี 2559 ประเทศไทยมีพื้นที่กรีดยางราว 20 ล้านไร่ โดยเฉลี่ยอัตราผลผลิต ประมาณ 225 ถึง 245 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่พื้นที่กรีดยาง ภาคเหนือให้ผลผลิตเฉลี่ยต่ำสุด คือ 143 กิโลกรัมต่อไร่ และภาคอีสานให้ผลผลิตเพียง 185 กิโลกรัมต่อไร่ เนื่องจากอากาศ ปริมาณน้ำ และสภาพดินไม่เหมาะกับการปลูกยางพารา ที่ต้องการอากาศร้อนชื้น และฝนตกชุก เหมือนภาคใต้ ทำให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งปัญหาค่าขนส่งผลิตภัณฑ์ยางมาสู่ตลาดกลาง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภาคใต้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนของเกษตรกรสวนยาง ที่ต้องเพิ่มขึ้นอีกด้วย 
          "แนวทางการแก้ไขปัญหาของยางพาราของรัฐบาลนี้ ในระยะยาวเพื่อความยั่งยืนก็ เราต้องส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางมีการประกอบอาชีพเสริม ที่เหมาะสมกับตลาดท้องถิ่นของตนเอง การทำปศุสัตว์ และประมง ควบคู่ไปกับการทำสวนยาง เพื่อให้มีรายได้ที่หลากหลายเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพารายได้จากการทำสวนยางแต่เพียงอย่างเดียว อาทิ รัฐบาลนี้ให้มีการสนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย สำหรับประกอบอาชีพเสริม เป็นต้น ที่ผ่านมามีชาวสวนยางประกอบอาชีพเสริมประมาณ 380,000 ราย และในปี 2560 มีชาวสวนยางหันมาทำเกษตรแบบผสมผสานมากขึ้น อีกกว่า 3,000 ราย ซึ่งยังไม่พอต้องทำให้มากกว่านี้ แล้วรัฐบาลก็จะได้สามารถส่งเสริมเรื่องการตลาดให้ด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 
          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ รัฐก็จะชดเชยอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 3 ต่อปี ให้แก่สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการ ในการดำเนินธุรกิจแปรรูปยาง ทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียน การปรับปรุงอาคาร การจัดหาเครื่องจักร อุปกรณ์สมัยใหม่ เพื่อพัฒนาศักยภาพในการส่งออกและแปรรูปยางในอนาคต ส่งเสริมให้มีการใช้ยางพาราเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศให้มากขึ้น และควบคุมและลดพื้นที่ปลูกยางพาราให้เหมาะสม โดยลดพื้นที่ปลูกยางลงให้ได้ มีเป้าหมายปีละ 4 แสนไร่ ทั้งนี้เราจะเน้นการลดพื้นที่ปลูกยางที่ไม่เหมาะสมในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ 
          "ผมอยากให้ทุกคน ทุกฝ่าย ในห่วงโซ่ของยางพาราไทย ได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน ขอให้ทุกคนได้อดทน เปลี่ยนแปลง ไว้ใจซึ่งกันและกัน แล้วก็มีหลักการและเหตุผลไม่ว่าจะประท้วง หรือยื่นหนังสืออะไรต่างๆก็ตาม ก็ขอให้ยื่นอย่างสงบแล้วกัน ไม่อยากให้มีการนำเกษตรกรเข้ามาที่กรุงเทพฯ ต้องมายื่นกับนายกฯ มาคนเดียวยื่นในพื้นที่ แล้วเขาก็ส่งถึงผมอยู่ดี มาเสียเวลาการทำมาหากินสิ้นเปลืองด้วย ผมไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมือง ผมเข้าใจเศรษฐกิจสำคัญที่สุด ก็ปัญหาอยู่ที่ว่ายังไง ถ้าทุกคนทำสวนยาง เมื่อยางราคาไม่ดี คุณภาพชีวิตก็ไม่ดี เพราะรายได้มีแต่ยางอย่างเดียว ต้องคิดใหม่ จะได้แก้ปัญหาได้ร่วมกัน ตามนโยบายต่างๆของรัฐบาล ทุกฝ่ายก็มีประโยชน์ร่วมกัน รัฐบาลก็ไม่มีข้อขัดแย้ง มีรายได้มากขึ้น ประชาชน เกษตรกรสวนยาง หรือเกษตรกรอื่น ก็ต้องทำเช่นเดียวกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ