ข่าว

“โกงเงินทอนวัด”ล็อต 2 เสียหาย 140 ล้าน!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“ปปป.”หอบสำนวน“โกงเงินทอนวัด”ล็อต 2 ส่ง “ป.ป.ช.” พบ 21 วัดในข่ายความเสียหาย 140 ล้าน ส่วน“วัดบำเพ็ญเหนือ-วัดราชสิทธารามฯ”รอรวบรวมหลักฐานก่อนชงเพิ่ม29ก.ย.นี้

          26 ก.ย.60 เวลา 15.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช. เจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหละประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) นำโดย พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ธนกุล รอง ผบก.ปปป. ได้นำสำนวนคดีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด เงินอุดหนุนส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555-60 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท แยกเป็น 21 สำนวน 33 แฟ้ม รวมเอกสารกว่า 13,000 แผ่น ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่านนายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักการข่าวและกิจการพิเศษ เพื่อให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 19 ราย ต่อไป

          พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า การยื่นสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากมีการยื่นสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดไปแล้วก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่ง โดยพบการทุจริตใน 23 วัด แต่วันนี้มีการยื่นสำนวนเพียง 21 วัด ยังเหลือในส่วนของ วัดบำเพ็ญเหนือ และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร จะต้องรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมก่อนจะนำมายื่นต่อ ป.ป.ช.ในวันที่ 29 ก.ย.ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม 21 สำนวนดังกล่าว แยกผู้กล่าวหาออกเป็น 3 ประเภท คือข้าราชการและอดีตข้าราชการ 13 ราย พระเถระ 4 ราย ตามที่ปรากฏเป็นข่าว และประชาชน 2 ราย ซึ่งในส่วนของข้าราชการและพระบางรูป จะเป็นการดำเนินการในส่วนความผิด มาตรา 147 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

          ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเอกสารก็จะโดนมาตรา 162 ฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการเพิ่มอีกข้อหาด้วย ขณะที่พระบางรูปและประชาชน จะเป็นความผิดตามมาตรา 68 ฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด ส่วนการออกหนังสือเชิญพระผู้ใหญ่ 4 รูป มารับทราบข้อกล่าวหานั้น มีเพียงพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวัดราชสิทธารามฯ เท่านั้นที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา แต่กระบวนการหลังจากนี้ก็จะขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.จะดำเนินการต่อไป ยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นนั้นร้อยละ 90 เจ้าอาวาส พระ และวัด ไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ระดับสูงและระดับกลางของ พศ. ทางวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พอโดนเรียกเงินทอนก็ทำอะไรไม่ได้ มีเพียงส่วนน้อยที่พระและวัดมีส่วนรู้เห็น

          พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทาง บก.ปปป.ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง พศ.เพื่อให้รับทราบรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นข้าราชการและอดีตข้าราชการเพื่อให้ลงโทษทางวินัยแล้ว รวมทั้งรายงาน ศอตช.เพื่อดำเนินการต่อไป ในส่วนของพระเถระเอง ก็มีหนังสือกราบเรียนสมเด็จพระสังฆราชแล้ว รวมทั้งส่งหนังสือไปยังมหาเถระสมาคม(มส.) ก็ขึ้นอยู่กับว่าทาง มส. จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป

          พ.อ.อ.วรายุทธ กล่าวอีกว่า  นอกจากนั้นทาง บก.ปปป.ยังมีข้อมูลการทุจริตเงินทอนวัดในลักษณะนี้อีกประมาณ 100 วัด ซึ่งเป็นข้อมูลจาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อดีต ผอ.พศ. ที่เคยให้ไว้ โดยพบว่ามีการทุจริตชัดเจน แต่มีงบประมาณในบางส่วนที่สูงมาก มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ทาง บก.ปปป.จะมีการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและทำสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป คาดว่าผู้กระทำผิดจะเป็นบุคคลกลุ่มเดิมกับผู้กระทำผิดในคดี 2 ล็อตแรก แต่อาจจะมีผู้กระทำผิดรายใหม่เพิ่มเข้ามาเล็กน้อย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือน ก็จะได้ข้อสรุปในบางส่วน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการดำเนินการของ บก.ปปป. และ ป.ป.ช. เป็นคนละส่วนกับการตรวจสอบภายในของพศ.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ