ข่าว

"บิ๊กตู่"ถกมั่นคงรอพบทรัมป์-ป.ป.ช.หวิวก.ม.ลูกจ่อทำตกเก้าอี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กตู่" เรียกครม.-ฝ่ายความมั่นคง ถกเตรียมพร้อมเยือนสหรัฐ  “หมอวรงค์” โพสต์อัด “แม้ว” อย่าโทษคนอื่น ป.ป.ช.หวั่นกฎหมายลูกทำ7กรรมการตกเก้าอี้

 

      เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เรียกประชุมเตรียมการเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รมช.ต่างประเทศ ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงมี พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และผู้บริหารกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.40 น. ขณะที่นายกรัฐมนตรีงดออกกำลังกายประจำสัปดาห์ที่ตึกสันติไมตรี

      รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เป็นการประชุมเพื่อกำหนดหัวข้อและกรอบเนื้อหาการหารือระหว่างไทยกับสหรัฐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมเนื้อหาที่จะเอาไปเจรจากับสหรัฐให้ดี อย่าทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ อีกทั้งนายกฯ มอบหมายให้ รมว.พาณิชย์ ไปพิจารณาว่าควรนำภาคเอกชนรายใดร่วมคณะด้วย และมีจำนวนเท่าใด ส่วนกำหนดการเยือนของนายกฯ และคณะนั้น ยังอยู่ในช่วงต้นเดือนตุลาคม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ เพราะตามธรรมเนียมปฏิบัติของฝ่ายสหรัฐจะเปิดเผยรายละเอียดล่วงหน้า 10 วันก่อนวันเดินทาง ทั้งนี้คาดว่ารัฐบาลไทยกับสหรัฐจะเปิดเผยรายละเอียดกำหนดการเยือนดังกล่าวได้ในสัปดาห์หน้า

ชงตั้ง“สนง.วิจัยนวัตกรรมแห่งชาติ”

       นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานการประชุมสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวนช.) โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ นายสมคิดเปิดเผยหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดตั้งสำนักงานการวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หลังจากที่ได้ยุบสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมชาติ (สวทน.) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มารวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเชื่อมโยงงานวิจัยและนวัตกรรมทั้งหมดของประเทศ โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ เป็นผู้นำเสนอเรื่องการเสนอจัดตั้งสำนักงานนี้ ที่จะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวิจัยและนวัตกรรมทั้งจากภาครัฐ เอกชน และมหาวิทยาลัย ต่อจากนี้ไปงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศจะต้องตอบโจทย์ของการพัฒนาประเทศ ขณะที่ได้มอบหมายให้เลขานุการร่วมสวนช.หาวิธีจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยและนวัตกรรมกระจายลงในแต่ละภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดตั้งกองทุนว่าด้วยเรื่องวิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น

“วีรชน”ยันไปแน่นอนต้นต.ค.

     ด้าน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเยือนสหรัฐอเมริกาของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า ขณะนี้ฝ่ายไทยกำลังเตรียมความพร้อมประเด็นที่จะไปหารือครอบคลุมเรื่องเศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และดูว่าที่ผ่านมาสหรัฐหารือกับประเทศต่างๆ ในเรื่องอะไรบ้าง ส่วนกำหนดการเดินทางกำลังรอการยืนยันกันอยู่ กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานงานกัน คาดว่าน่าจะได้คำตอบเร็วๆ นี้ โดยพยายามจะให้เป็นไปตามกรอบเวลาเดิมคือ ช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ เพราะในปลายเดือนเรามีพระราชพิธีสำคัญ แต่ต้องรอความพร้อมของทางสหรัฐด้วย จึงต้องมาดูเวลากันอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าได้ไปแน่นอน เพราะเขาเองยืนยันว่าคำเชิญนายกรัฐมนตรีไทยไปเยือนสหรัฐยังอยู่ แต่เนื่องจากช่วงนี้ที่สหรัฐมีเรื่องราวต่างๆ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติสมัยสามัญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องภัยน้ำท่วมที่ต้องดูแลแก้ไขกันอยู่ จึงต้องรอให้เขาเคลียร์เรื่องต่างๆ ให้เสร็จสิ้นก่อน

"บิ๊กตู่"ถกมั่นคงรอพบทรัมป์-ป.ป.ช.หวิวก.ม.ลูกจ่อทำตกเก้าอี้

“หมอวรงค์” อัด “แม้ว” อย่าโทษคนอื่น

ความคืบหน้ากรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิตรำลึก 11 ปีถูกรัฐประหารโดย คมช. โดยระบุหวังเหตุการณ์นั้นจะไม่เลือนไปจากหัวใจของคนไทย และยังห่วงความเป็นอยู่ของคนไทยที่ยังให้การสนับสนุนนั้น นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Warong Dechgitvigrom” ถึงเรื่องดังกล่าวว่า คิดว่านายทักษิณน่าที่จะลองศึกษาปรัชญาของศาสนาพุทธ ว่าด้วยหลัก อิทัปปัจจยตา คือ กฎที่กล่าวว่า เพราะมีสิ่งนี้ เป็นเหตุปัจจัย สิ่งนี้จึงมี ถ้าไม่มีเหตุนำมาก่อน ก็จะไม่มีผลตามมา ถ้าไม่มีเหิมเกริมในอำนาจ ทุจริตปล้นชาติ นิรโทษสุดซอย เผด็จการรัฐสภา แบ่งแยกประชาชน มีแก้วสามประการ ให้ร้ายกระบวนการยุติธรรม จาบจ้วง ก็คงไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แม้ไม่มีใครอยากให้เกิดก็ตาม อย่ามัวไปโทษแต่คนอื่น ควรหันกลับมาดูตัวเราด้วย เพราะสิ่งนี้มันเกิดขึ้นซ้ำ ถ้ารู้จักปรับปรุงตัวให้ดี ก็จะไม่มีสิ่งนี้เกิดขึ้น ไม่ยากเลย ถ้ารักและห่วงคนไทยจริงๆ เขาไม่ทำกันแบบนี้

“อนุสรณ์” ซัดกลับเลิกวาทกรรม

      ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวตอบโต้ว่า ความจริงไม่ประสงค์จะขยายความในประเด็นนี้ แต่ไม่อยากให้สาธารณชนเข้าใจผิด ความจริงสิ่งนายทักษิณพูด ก็เป็นข้อความกลางๆ ที่เป็นการแสดงความห่วงใยต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวไทย ไม่คิดว่าจะมีคนออกมาตอบโต้อย่างรุนแรง แต่ดูจากพฤติกรรมในอดีตก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะถึงขนาดปาแฟ้มใส่ประธานรัฐสภาก็ทำได้และทำมาแล้ว ทั้งๆ ที่รัฐสภาเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ ควรระงับยับยั้งอารมณ์ไม่ใช่ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ส่วนที่ นพ.วรงค์บอกนายทักษิณว่าควรหันกลับมาดูตัวเองด้วยนั้น อยากบอกว่า นพ.วรงค์ ควรหันกลับมาดูตัวเองและพรรคพวกด้วยเช่นกันว่า กลุ่มการเมืองที่ใกล้ชิดกับพรรคใดเป่านกหวีดชัตดาวน์ประเทศ สร้างเงื่อนไขเพื่อนำไปสู่การรัฐประหาร เศรษฐกิจเสียหายอย่างหนัก คนกลุ่มใดนอนขวางคูหา ขัดขวางการเลือกตั้ง บอยคอตการเลือกตั้ง 2 ครั้ง จะตั้งรัฐบาลทั้งทีก็ต้องไปตั้งในค่ายทหาร ซึ่งตนไม่อยากรื้อฟื้น อยากให้มองไปที่อนาคตของประเทศ สร้างความหวัง สร้างอนาคตของประเทศให้แก่ลูกหลาน ลดละเลิกวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง ประชาชนเบื่อหน่ายกับความขัดแย้ง เลิกเป็นไก่จิกตีกันในเข่ง ซึ่งจะถูกนำเป็นเครื่องมือของผู้ที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง หันมาคิดนโยบายแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติและประชาชนดีกว่า
‘เอม’ชี้พ่อมีแต่พลังบวก     

    ด้าน น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ หรือเอม บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพทางไอจีส่วนตัว เล่าความรู้สึกถึงนายทักษิณ ในโอกาสครบรอบ 11 ปี การถูกยึดอำนาจ โดยระบุว่า วันนี้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว…เอมเป็นคนแรกในครอบครัวที่ได้เจอพ่อหลังจากปฏิวัติ 19 กันยายน ปี 2549 ตอนนั้นเรียนปริญญาโทอยู่ที่ลอนดอน วันนี้ ปีนี้ เอมก็ได้มาอยู่ที่ลอนดอนกับพ่ออีกครั้ง พร้อมครอบครัวลูก 3 ของเรา… 11 ปีผ่านไป พ่อยังมีพลังงานที่จะคิดเรื่องธุรกิจต่างๆ มีหลายโปรเจกท์ที่เริ่มทำไปแล้วและกำลังจะเริ่มทำ มีพลังงานคิดเรื่องอื่น ไม่ปล่อยให้เรื่องการเมืองมาหยุดทุกอย่าง…ชีวิตก้าวไปข้างหน้า เอมยังจำได้ดี เมื่อ 6 ปีที่แล้วเอมบอกพ่อว่า อยากรอพ่อกลับมาเอมถึงจะแต่งงาน…แต่พ่อและแม่ยืนยันให้เอมดำเนินชีวิตต่อไป อย่าหยุดรอเรื่องการเมือง ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า…จนวันนี้เอมมีลูก 3 คนมาอยู่ตรงหน้าคุณตาแล้ว(ถ้าวันนั้นรอ…คงยังไม่มี) หรือแม้กระทั่งก่อนมาเจอพ่อคราวนี้ เอมเองยังเครียด กังวล เป็นห่วงพ่อ ท้อใจกับเรื่องที่เกิดกับครอบครัวเรา และกับคนที่เรารัก…แต่พอมาเจอพ่อ กลับกลายเป็นสบายใจและมีกำลังใจขึ้นมาก แปลกใจเสมอว่าพ่อเอาพลังบวกมาจากไหนตลอด 11 ปีนี้…พ่อบอกว่า “We live for today and tomorrow, not yesterday” ใช้ชีวิตแบบมองวันนี้และวันข้างหน้า ไม่ใช่อดีต ! พ่อทำให้คนรอบข้างมีรอยยิ้มได้ทุกวันอย่างน่าทึ่ง การมาหาพ่อเพื่อมาให้กำลังใจพ่อ กลับได้กำลังใจกันเองกลับไปทุกที ลูกภูมิใจในความอดทนและพลังบวกของพ่อจริงๆ ค่ะ จะจับมือพ่อเดินแบบนี้ตลอดไปค่ะ

‘มาร์ค’ โพสต์รูปอยู่อังกฤษ

    วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่งข้อความพร้อมรูปภาพผ่านไลน์กับผู้ติดตาม โดยมีข้อความระบุว่า “อยู่สนามบิน London ครับ มาเปลี่ยนเครื่อง ไม่ได้มาพบใคร 555” สำหรับการเย้าหยอกของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้เกิดจากช่วงไม่นานมานี้ นายทักษิณ ก็ได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ เพื่อพบกับครอบครัว โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถูกผู้สื่อข่าวซักถามถึงการเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ประเทศอังกฤษ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีกระแสข่าวว่าอาจได้พบนายทักษิณ ที่เดินทางไปยังกรุงลอนดอน ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ พล.อ.ประวิตรไม่สนใจ ทำสีหน้าเรียบเฉย และไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนชี้แจงว่าเดินทางคนละเวลา ไม่เจอกัน

"บิ๊กตู่"ถกมั่นคงรอพบทรัมป์-ป.ป.ช.หวิวก.ม.ลูกจ่อทำตกเก้าอี้

“บิ๊กป้อม”โยนทบ.แจง“เรือเหาะ”

    ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถ.วิภาวดีรังสิต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการยุติใช้เรือเหาะตรวจการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ขอให้ถามกองทัพบกและ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพราะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสั่งให้เลิกใช้ ส่วนกรณีที่มีการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบถึงความคุ้มค่าในการจัดซื้อ และยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้พิจารณาตรวจสอบใหม่อีกครั้งนั้น คิดว่าที่ผ่านมาป.ป.ช.ได้ตรวจสอบตามข้อเท็จจริงไปแล้ว และหากมีหลักฐานใหม่ หรือพบสิ่งใดใหม่ก็ต้องให้เป็นเรื่องของป.ป.ช.

ชี้สรรหากกต.ไม่กระทบโรดแม็พ

      ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการ กกต. กล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้งว่า จะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับมีผลบังคับใช้แล้ว ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน ไม่ใช่เรื่องลำบาก เพราะไม่ว่าจะมีผลเมื่อไร กกต.ก็พร้อมจัดการเลือกตั้ง โดยในอดีตเคยจัดการเลือกตั้งในกรอบเวลา 45 วัน และ 60 วันมาแล้ว ส่วนประเด็นที่มีความเป็นห่วงว่าหากสรรหา กกต.ชุดใหม่ช้าอาจส่งผลกระทบต่อโรดแม็พการเลือกตั้งนั้น เป็นความเข้าใจผิด เพราะแม้จะสรรหาช้า กกต.ชุดปัจจุบันก็อยู่ปฏิบัติหน้าที่จัดการเลือกตั้งต่อไปได้ หรือแม้แต่ กกต.ชุดนี้ลาออกไปก่อนการสรรหาตามรัฐธรรมนูญก็ให้ประธานศาลฎีกาหารือกับประธานศาลปกครองสูงสุด แต่งตั้งบุคคลเข้ามาทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งได้ ดังนั้น สิ่งที่จะมีผลให้การเลือกตั้งต้องขยับออกไปจึงเป็นเรื่องการประกาศใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร หรือเกิดการคว่ำกฎหมายขึ้น ส่วนกรณีที่ยังมีข้อถกเถียงว่าการจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วันนับรวมถึงการประกาศผลเลือกตั้งด้วยหรือไม่นั้น ส่วนตัวหากจะต้องกำหนดวันเลือกตั้ง ในขณะที่ กกต.ชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีความชัดเจนอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ และพร้อมที่จะรับผิดชอบ

 

ชี้ก.ม.ลูกอาจทำให้7กก.ตกเก้าอี้

     วันเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช.ยังกล่าวกรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)กำลังพิจารณายกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฉบับใหม่ ว่า ตามเนื้อหาพ.ร.ป.ดังกล่าวคิดว่าคงไม่มีผลกระทบอะไรกับป.ป.ช.มากนัก เชื่อว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากขึ้น อาทิ การกำหนดให้ป.ป.ช.ใช้ระยะเวลาไต่สวนแต่ละคดีไม่เกิน 2 ปีนั้น เป็นสิ่งที่ป.ป.ช.เคยเสนอต่อกรธ.ถึงแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปแล้ว แต่ป.ป.ช.ห่วงใยว่า บางคดีที่มีพยานหลักฐานมากมาย หรือเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือทางคดีอาญา อาจจะต้องใช้เวลานานมากขึ้น เรื่องการเร่งรัดไต่สวนคดีนั้นป.ป.ช.พยายามปรับปรุงระเบียบการไต่สวน การแสวงหาข้อเท็จจริงมาตลอดให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

     พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวยอมรับว่า ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช. ฉบับใหม่ที่กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการป.ป.ช.อย่างเข้มงวด อาจมีผลทำให้กรรมการป.ป.ช.ชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งถึง 7 คน แต่ผู้ที่จะชี้ขาดจริงๆ ว่า กรรมการป.ป.ช.จะพ้นตำแหน่งกี่คนคือ คณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ จึงต้องรอดูมติของคณะกรรมการสรรหาด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่า หากในที่สุดสนช.เห็นชอบเนื้อหากฎหมายตามที่กรธ.เสนอมา ป.ป.ช.จะขอโต้แย้งเพื่อขอให้ตั้งกมธ.ร่วมหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลตอบว่า ยังไม่สามารถตอบได้ ขอรอดูมติสนช.ก่อนว่าจะให้เหตุผลเช่นใด แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ป.ป.ช.ยินดีรับกติกาฉบับใหม่ ถ้าต้องพ้นจริงๆ ถือว่า ได้พักผ่อน

"บิ๊กตู่"ถกมั่นคงรอพบทรัมป์-ป.ป.ช.หวิวก.ม.ลูกจ่อทำตกเก้าอี้

มท.ฮึ่ม!เอกชนคืนสภาพป่าห้วยเม็ก

    เกี่ยวกับการขอคืนพื้นที่สาธารณะป่าชุมชนห้วยเม็ก อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ของบริษัทกระทิงแดงนั้น วันเดียวกัน นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการตรวจสอบพื้นที่หลังบริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(กระทิงแดง) ขอยกเลิกการใช้ที่ดินสาธารณะป่าชุมชนห้วยเม็ก อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องการทำประชาคมว่า ขณะนี้ผู้เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปแล้ว 5 วัน แต่ยังไม่มีรายงานกลับเข้ามาที่กระทรวงมหาดไทย เพราะยังมีเวลาในการตรวจสอบอีกระยะ ตามกรอบที่กำหนดไว้ 30 วัน โดยทางกระทรวงได้ย้ำว่าจะต้องตรวจสอบเหตุผลว่า ทำไมทางอำเภอและจังหวัดจึงไม่ได้รายงานข้อเท็จจริงที่มีประชาชนส่วนหนึ่งคัดค้านการเช่าพื้นที่ของเอกชน และไม่มีรายงานไว้ในการทำประชาคมหมู่บ้าน

    นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่เอกชนได้ขอยกเลิกสัญญาการเช่าพื้นที่ หลังมีเหตุคัดค้านจากชาวบ้านในพื้นที่นั้น แม้ทางฝ่ายเอกชนจะเป็นผู้บอกเลิกสัญญาเอง แต่อำนาจในการให้ยกเลิกสัญญาหรือเพิกถอน จะเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดตามกฎหมายที่ดิน ซึ่งจากรายงานล่าสุด พบว่า ทางจังหวัดได้ยืนยันยกเลิกสัญญาแล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบว่าหลังบอกเลิกสัญญาแล้วสภาพพื้นที่เป็นอย่างไร มีความแตกต่างจากก่อนที่ทำสัญญาเช่าหรือไม่ โดยจะต้องกลับไปดูรายละเอียดของสัญญาที่ลงนามไว้ในตอนแรก

“อีสานโพล”เชื่อ‘หญิงหน่อย’นำพท.

    วันเดียวกัน นายสุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ของศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “คนอีสานกับโรดแม็พการเลือกตั้ง” ที่สำรวจระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน 2560 จากกลุ่มตัวอย่าง เขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด อายุ 18 ปีขึ้นไปที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า จำนวน 1,068 คน ถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าว่าจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2561 ตามที่กกต.วางแผนไว้หรือไม่ พบว่าอันดับ 1 ร้อยละ 43.2 เห็นว่าอาจจะช้ากว่ากำหนด รองลงมา ร้อยละ 37.7 เห็นว่า เลือกตั้งสิงหาคม 2561 และร้อยละ 19.1 เห็นว่าอาจจะเร็วกว่ากำหนด ส่วนช่วงใดถือว่าเหมาะสมที่สุด พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 71.5 เห็นว่า เลือกตั้งภายในเดือนสิงหาคม 2561 เหมาะสมที่สุด ถึงร้อยละ 39.0 ขณะที่ช่วงกลางปี 2562 หรือนานกว่านั้น มีเพียงร้อยละ 7.4

   เมื่อถามถึงการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พบว่าอันดับหนึ่ง ร้อยละ 45.3 เห็นด้วย รองลงมา ร้อยละ 28.2 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 26.4 เห็นว่ายังไงก็ได้ ขณะเดียวกันเมื่อสอบถามว่าใครเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปมากที่สุด พบว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 39.3 เห็นว่าผู้นำพรรคเพื่อไทยเหมาะสมที่สุด รองลงมาร้อยละ 22.4 เป็นคนนอกวงการที่ทุกฝ่ายยอมรับ ขณะที่ร้อยละ 14.1 เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. และร้อยละ 7.7 เห็นว่าผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ชาวอีสานร้อยละ 68.4 เห็นว่าอันดับหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ขณะที่ร้อยละ 56.1 เห็นว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง ตามมาด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ร้อยละ 52.6 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 34.2 นายวีรพงษ์ รามางกูร ร้อยละ 30.4 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 29.0 นายวัฒนา เมืองสุข ร้อยละ 28.2 นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ร้อยละ 27.3 นายโภคิน พลกุล ร้อยละ 25.2 และนายชัยเกษม นิติสิริ ร้อยละ 23.8

ตั้งคณะอนุ กก.ปมบิ๊กสื่อ

ความคืบหน้ากรณีที่กระแสข่าวตามสังคมสื่อออนไลน์พาดพิงถึงผู้บริหารองค์กรสื่อมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศนั้น วันเดียวกัน สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์ ระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีกระแสข่าวตามสังคมสื่อออนไลน์พาดพิงถึงผู้บริหารองค์กรสื่อมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ รวมทั้งความเคลื่อนไหวเข้าชื่อเรียกร้องให้องค์กรสื่อมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากกลุ่มนักข่าวภาคสนามที่ปรากฏเป็นจดหมายเปิดผนึกเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ อันเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ต้องมีความตระหนักด้วยมิติแห่งเพศ และกระแสสังคม และยังเกี่ยวพันถึงความน่าเชื่อถือในแวดวงสื่อสารมวลชนโดยรวม ตามที่มีหนังสือข่าวอ้างถึงผลการหารือนอกรอบ เมื่อ 10 กันยายน 2560 ที่ผ่านมานั้น ทั้งนี้ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมนักข่าวฯ ได้พยายามทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิ และเป็นที่น่าเชื่อถือตามกรอบที่ได้หารือกันไว้ ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังคงเผยแพร่ต่อเนื่องอย่างสับสนเป็นระยะๆ ซึ่งทำให้การทาบทามเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดผู้ได้รับการทาบทามได้ตอบรับมาในจำนวนที่เพียงพอที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงจากกระแสข่าวต่างๆ ได้แล้ว

คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวฯ จึงอาศัยอำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2543 (แก้ไขเพิ่มเติม 5 มิถุนายน พ.ศ.2557) หมวด 2 วัตถุประสงค์ ข้อ 5 หมวด 4 หน้าที่และสิทธิของสมาชิก ข้อ 7 และหมวด 6 การบริหารสมาคม ข้อ 16 ก. และ ค. ประกอบกับแนวทางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พุทธศักราช 2558 ว่าด้วยมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน อีกทั้งสอดรับกับกระบวนการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบกันเองของสื่อมวลชนโดยการให้ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกเข้ามามีส่วนร่วม ด้วยกระบวนการที่โปร่งใส จึงมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีกระแสข่าวพาดพิงถึงผู้บริหารองค์กรสื่อ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่างในความเป็นมาเป็นไปของกระแสข่าว รวมทั้งเกิดความชัดเจนในข้อเท็จจริงของประเด็นที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล องค์กร ตลอดจนแวดวงสื่อสารมวลชนโดยรวม

    คณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ ชุดนี้ประกอบด้วย 1.รศ.ดร.จุรี วิจิตรวาทการ เลขาธิการมูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย 2.รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการทางกฎหมาย 3.ผศ.ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ อดีตผู้อำนวยการโครงการศึกษาและเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม 4.น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง คณะอนุกรรมการด้านสิทธิและความเสมอภาคทางเพศ ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 5.นายนคร ศรีสุโข นักจิตวิทยาคลินิกชำนาญการพิเศษ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา 6.นายทัศนัย ไชยแขวง อุปนายกฝ่ายประชาสัมพันธ์ และอุปนายกฝ่ายต่างประเทศ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวฯ ยังได้มอบหมายให้นายมงคล บางประภา อุปนายก ฝ่ายบริหาร และเลขาธิการ เป็นเลขานุการ และ น.ส.สุมนชยา จึงเจริญศิลป์ กรรมการฝ่ายต่างประเทศ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ประสานงานด้านธุรการ การจัดทำรายงาน โดยไม่มีอำนาจร่วมตัดสินใจ หรือแสดงความคิดเห็นในกระบวนการทำงานของคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ ชุดนี้

(ข่าวหน้า1 นสพ.คมชัดลึก)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ