ข่าว

ห่วงกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ชัยเกษม" ห่วงกระบวนการยุติธรรม ถูกแทรกแซง หลัง รองอธิบดีดีเอสไอ ถูกย้าย เหตุไม่ทำตามใบสั่ง ดำเนินคดี "โอ๊ค" 

 

          10 ก.ย. 60 - นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการปรากฏเอกสารร้องเรียนของ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) เพื่อร้องทุกข์คำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่สั่งย้าย พ.ต.ท.สมบูรณ์ ไปเป็นผู้ตรวจการพิเศษ โดยระบุถึงสาเหตุในการสั่งย้ายว่า เพราะมีความขัดแย้งกับ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษและที่ปรึกษากรมสอบสวนคดีพิเศษท่านหนึ่ง ที่สั่งการให้พ.ต.ท.สมบูรณ์ แจ้งข้อกล่าวหาฐานร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรกับกลุ่มพยานในคดีพิเศษที่ 36/2550 ซึ่งมีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รวมอยู่ด้วย ว่า ในเรื่องของการร้องเรียนเรื่องการถูกย้ายโดยไม่เป็นธรรมนั้น ตนคงไม่เข้าไปยุ่ง เพราะเป็นเรื่องภายในเพียงแต่ว่าหากเป็นจริงดังที่ว่าตามที่ร้องเรียน ว่าเขาถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ก็จะตรงกับแถลงการณ์ที่เพื่อไทยเพิ่งออกไปคือการไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม หรือการใช้กระบวนการยุติธรรมในทางที่ทำลายล้างฝ่ายตรงกันข้าม หรือในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่ดีอย่างยิ่ง เพราะนี่คือกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น 

          ทั้งนี้มีจุดหนึ่งในคำร้องเรียนของเขาว่า ขอสั่งให้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ซึ่งใครสั่งไม่รู้ เพราะในนั้นเห็นทั้งพ.ต.ท. และ พ.ต.อ.ฯลฯ เข้าไปยุ่งเต็มไปหมด ซึ่งตนไม่รู้รายละเอียดในส่วนนั้น แต่เห็นว่ามีข้อหารับของโจร ซึ่งทางตัวเจ้าของสำนวนออกมาระบุว่ามันขาดอายุความไปแล้ว จะให้เขาแจ้งดำเนินการไม่ได้เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ก็มีคนบอกว่าไม่เป็นไรเพราะเป็นระบบไต่สวน ดังนั้นให้ผู้ต้องหาเขามาแก้ตัวเอาเอง ซึ่งตรงนี้ตนมองว่าหากมองตามข้อกฎหมายแล้วชัดเจนว่าเมื่อคดีขาดอายุความแล้วจะไปทำอะไรเขาไม่ได้ส่วนกรณีฟอกเงิน เขาก็พูดคล้ายๆกับว่ายังไม่มีอะไรที่ชัดเจนรู้สึกว่าที่ประชุมเขาจะมีมติให้ไปหาหลักฐานเพิ่มเติมมา 

          นายชัยเกษม กล่าวว่า หลักในการแจ้งข้อหานั้นมีอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความคดีอาญาอยู่แล้ว ว่าการแจ้งข้อหาจะต้องมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้นั้นจะได้กระทำความผิดตามข้อหานั้น นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้ตามสมควรก่อน และจำเป็นก็ต้องเรียกเขามาสอบสวน ชี้แจง และเมื่อเห็นว่ามีพยานหลักฐานตามสมควรแล้วจึงจะแจ้งข้อกล่าวหาได้ ไม่ใช่ว่ามีใครมากล่าวหาอะไรแล้วไปแจ้งข้อหาได้เลยโดยที่ไม่ได้สอบสวนว่ามีมูลหรือมีความผิดตามกฏหมายหรือไม่ 

          นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าคนที่เขารับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ ไม่ว่าจะกระทำไปด้วยตนเอง หรือจะเอาใจผู้มีอำนาจ หรือถูกสั่งมาก็แล้วแต่ กำลังดำเนินการอย่างไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมตามที่สมควรจะเป็น ซึ่งสุ่มเสี่ยง หากเจ้าตัวไม่ยอมถูกย้ายแล้วไปทำตามที่ถูกให้ทำ เขาก็อาจจะถูกดำเนินคดีได้ เพราะคดีขาดอายุความแล้วไปฝืนแจ้งข้อหาเขา

          อย่างไรก็ตามให้ยุคที่อยู่ใต้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จะเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าในชั้นต้น หรือชั้นสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นดีเอสไอ ฯลฯ ไปถึงชั้นอัยการ ก็มีความรู้สึกว่ามีความไม่ถูกต้องในบางส่วนค่อนข้างเยอะ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่า แม้ว่าต่อไปจะหมดยุคนี้ไปแล้ว แต่คนที่ทำจนเคยชิน หรือทำจนติดนิสัยก็คงจะเบี่ยงเบนการทำงานตามกระบวนการยุติธรรมที่ควรจะทำ แล้วจะแก้ยาก และบ้านเมืองก็จะจมอยู่ในการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามทำนองครองธรรม ตนก็ขอแสดงความเป็นห่วงตรงนี้ซึ่งรวมถึงองค์กรอิสระด้วย.

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ