กก.ปฏิรูปตำรวจทบทวนแยกงานสอบสวน

 นายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวถึงผลการประชุมกรรมการฯ ว่าขณะนี้ ยังไม่มีข้อยุติต่อประเด็นใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีประเด็นว่าแยกระบบสอบสวนให้ออกเป็นหน่วยงานเฉพาะไม่ขึ้นตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แต่ล่าสุดประเด็นดังกล่าวยังมีผู้ที่โต้แย้ง ที่ประชุมจึงให้อนุกรรมการที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาและศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ เช่นเดียวกับระบบบริการงานด้านบุคคล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ แม้จะมีข้อเสนอจากหลายส่วน เกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติการเลื่อนตำแหน่งที่ต้องยึดโยงกับประสบการณ์ทำงานด้านการสอบสวนคดี ที่ต้องมีจำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบ เช่น ตำแหน่งผู้กำกับ ต้องผ่านคดีที่ตนเองรับผิดชอบ มาไม่น้อยกว่า 80 คดี ก็ยังไม่มีข้อยุติเกี่ยวกับจำนวน แต่ในหลักการได้ข้อสรุปคือ ต้องผ่านประสบการณ์ด้านการสอบสวนหรือไต่สวนคดีมาแล้ว ขณะที่การปฏิรูปตำรวจในภาพรวมนั้นได้วางหลักการสำคัญคือ ประชาชนต้องได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปตำรวจด้วย ไม่ใช่คำนึงเฉพาะว่าตำรวจจะได้ประโยชน์อะไร ทั้งนี้ภาพรวมของการปฏิรูปตำรวจนั้น ภายในเดือนก.ย. นี้น่าจะมีความชัดเจน โดยเฉพาะระบบการแต่งตั้งตำรวจ ที่รัฐธรรมนูญ กำหนดให้ต้องทำแนวทางให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนธ.ค. 60  นี้ ขณะที่แนวทางปฏิรูปทั้งหมดต้องเสร็จภายในเดือน เม.ย. 61
                นายมานิจ ฐานะรองประธานอนุกรรมการด้านการรับฟังความคิดเห็น กล่าวด้วยว่าการศึกษาแนวทางการปฏิรูปตำรวจนอกจากให้อนุกรรมการฯ ด้านต่างๆ ไปพิจารณาและรวบรวมเป็นแนวทางแล้ว ในระหว่างวันที่ 24 ส.ค. ถึงวันที่ 22 ก.ย. จะเปิดเวทีเพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใน 4 พื้นที่ได้แก่ วันที่ 24 ส.ค. เปิดรับฟังความเห็นประชาชนในเวทีภาคกลาง ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ, วันที่ 4 ก.ย. เปิดรับฟังความเห็นพื้นที่ภาคใต้ ที่จ.นครศรีธรรมราช, วันที่ 7 ก.ย. จัดเวทีภาคเหนือ ที่จ.เชียงใหม่ และวันที่ 22 ก.ย. รับฟังความเห็นพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จ.ขอนแก่น เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 200 คน แต่เวทีตามภูภาคจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมด้วย.