ลุ้น! ยื่นศาลรธน.ตีความกม.กกต.หรือไม่
"สมชัย"เผยไต๋ ยื่นศาลรธน.ตีความกม.กกต.คนเดียวได้ อ้าง พิสูจน์กฎหมายศักดิ์สิทธิจริงหรือไม่ หลัง กรธ.เคยพูด ปชช.ยื่นร้องตรงได้
17ก.ค.60 นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวถึงกรณีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างพ.ร.ป.กกต.ว่า ต้องแล้วแต่มติที่ประชุมกกต.ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ แต่ส่วนตัวไม่ติดใจอะไรแล้ว เพราะได้ทำหน้าที่ในฐานกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายและแถลงข้อโต้แย้งต่อที่ประชุมสนช.ตามมติกกต. ถือว่าเป็นการทำหน้าที่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้วและหมดหน้าที่ในการทำตรงนี้แล้ว
"ส่วนตัวจะได้ไปพักผ่อนหรือทำอะไรที่อยากจะทำ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้ว่าถอดใจ แต่เราต้องดูว่าอะไรเป็นอะไร ที่ประชุมสนช.มีมติยืนยันตามร่างที่ผ่านที่ประชุมสนช. ด้วยคะแนนเสียง 194 เสียง ต่อ 0 เราก็ควรต้องพิจารณาว่าจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนเพียงไร"นายศุภชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากที่ประชุมกกต.ยังมีกรรมการคนอื่นติดใจต้องการให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญในฐานะประธานจะดำเนินการอย่างไร นายศุภชัย กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมกกต.เห็นอย่างไร ตนในฐานะประธานกกต.ก็ต้องดำเนินการไปตามมติจะไปขัดอะไรก็ได้ ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกกต.2 คน เป็นเสียงข้างน้อยไม่เห็นด้วยการการโต้แย้งในประเด็นเซตซีโร่กกต. ก็เข้าใจว่าในการประชุมครั้งนี้กกต.ทั้ง 2 คนก็คงจะยืนตามมติเดิม
ปัดกกต.ชิงลาออกทิ้งบอมประเทศ
นายศุภชัย ยังกล่าวงถึงกระแสข่าวว่า กกต.จะชิงลาออกก่อนว่า เราต้องดูว่าการลาออกเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติหรือไม่ ถ้าลาออกเพื่อประชดประชัน ก็ไม่ควรทำเราเป็นผู้ใหญ่ เขาให้อยู่รักษาการก็ควรทำหน้าที่ต่อไป ยกเว้นเขาไม่อยากให้เราอยู่ สำหรับร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมีข้อโต้แย้งใน 3 ประเด็น ทราบว่าจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายในวันที่ 20 ก.ค.นี้และจะประชุมนัดแรกในวันที่ 25 ก.ค. ซึ่งตนก็พร้อมที่จะทำหน้าที่กรรมาธิการ โดยจะดูว่า 3 ประเด็นดังกล่าวปัญหาไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ที่ทราบจะมีการปรับเปลี่ยนบทบัญญัติที่เกี่ยวกับไพรมารี่โหวตเพื่อให้ปฏิบัติง่ายขึ้น กกต.ในฐานะผู้ปฏิบัติก็ยินดี เพราะตอนที่ยังไม่ตกลงกันว่าจะแก้ไขกกต.ก็ได้ชี้แจงไปแล้วในฐานะผู้ปฏิบัติไม่มีปัญหา สามารถปฏิบัติได้
"สมชัย"ย้ำ 4 ช่องทางยื่นศาลรธน.ตีความกม.กกต.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง แถลงถึงช่องทางในการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า มีทั้งหมด 4 ช่องทาง โดย ช่องทางแรก เป็นการยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะที่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 ( 2) ที่บัญญัติว่า ก่อนนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าหากนายกรัฐมนตรีเห็นว่ามีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญสามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยได้ เพื่อชี้ให้นายกเห็นว่า หากให้ร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ก็จะเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ช่องทางที่สอง กกต.มีมติในฐานะเป็นองค์กรอิสระยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 (1) ที่กำหนดว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยกฎหมายหรือร่างกฎหมายว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ช่องทางที่สาม คือกรรมการแต่ละคนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งก็จะยื่นได้เฉพาะประเด็นเซตซีโร่กกต.
ส่วนช่องทางที่สี่ เป็นกรณีที่ร่างพ.ร.ป.กกต.ประกาศใช้บังคับแล้วกกต.ก็สามารถยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 231 ต่อผู้การแผ่นดินให้เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ซึ่งช่องทางทั้งหมดจะมีการนำเข้าหารือในที่ประชุมกกต.ในวันพรุ่งนี้ ( 18 ก.ค.) เพื่อมีมติ ซึ่งต้องรอดูมติที่ประชุมกกต.ในวันพรุ่งนี้ว่าจะเลือกช่องทางใด ซึ่งอาจจะเลือกดำเนินการมากว่า 1 ช่องทางก็ได้ หรืออาจจะไม่ยื่นเลยก็ได้
ชี้รธน.เปิดทางกกต.เพียงคนเดียวยื่นศาลรธน.ตีความได้
อย่างไรก็ตามมติกกต.ในวันพรุ่งนี้จะไม่ผูกพันการยื่นตีความของกกต.แต่ละคน ซึ่งตนเห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้มีข้อดี ที่ทำให้ประชาชนมีสิทธิ มีเสียงที่แท้จริง เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายสามารถช่วยตรวจสอบกฎหมายให้มีรอบครอบสมบูรณ์ ไม่ใช่การเอาชนะซึ่งกันและกัน เพราะที่ผ่านมากกต.ได้ส่งความเห็นแย้งไปแล้วว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวหากนำไปสู่การปฏิบัติจะมีปัญหาเรื่องของการตีความ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากที่ประชุมกกต.มีมติไม่ยื่นตีความ ส่วนตัวจะยื่นต่อรัฐธรรมนูญเองหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ตนยังไม่คิดอะไร และถึงตนจะยื่นก็ไม่ได้ยื่นเพื่อให้ตัวเองอยู่ต่อ แต่เป็นการยื่นเพื่อให้รู้ว่ารัฐธรรมนูญมีความศักดิ์สิทธิ ทำให้ประชาชนเพียงคนเดียวรู้ว่าสามารถยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
ย้ำคำกรธ. เคยบอก ปชช.ยื่นร้องศาลรธน.ได้
"เมื่อรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว กรธ.ก็บอกเองว่าประชาชนมีสิทธิยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ นี่ก็เป็นตัวอย่างถือเป็นการทดลอง อาจจะเป็นครั้งแรกของประเทสไทย ที่ประชาชนคนไทยจะสามารถใช้สิทธิเพื่อพิสูจน์ความศักดิสิทธิ์ของกฎหมาย หากศาลบอกว่าไม่สามารถยื่นคำร้องได้ ก็จะได้รู้ว่าสิทธิของประชาชนที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญนั้นอาจจะไม่เป็นจริง"นายสมชัย กล่าว
อย่างไรก็ตามมมีรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาของกกต.ที่มีนายสุรินทร์ นาควิเชียร เป็นประธาน เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมาทางสำนักกฎหมายของสำนักงานกกต.ได้ขอความเห็นต่อที่ประชุมคณะที่ปรึกษาว่า หากกกต จะมีหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 ( 2) ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความจะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาฯเห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้นายกฯมีหน้าที่รับหรือผ่านคำร้องให้ฝ่ายใด รวมทั้งต้องพิจารณาว่าประเด็นหลักที่ต้องการจะยื่นนั้น เป็นประโยชน์ส่วนตน หรือประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งใน 6 ประเด็นที่กกต.เห็นแย้งนั้นก่อนหน้านี้คณะกรรมการที่ปรึกษาฯ เห็นว่ามีเพียงประเด็นเดียวที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญคือกรณีที่รัฐธรรมนูญมาตรา 224 วรรคสอง บัญญัติให้กกต.คนเดียวมีอำนาจสั่งระงับยับยั้งการเลือกตั้งของหน่วยหรือเขตเลือกตั้งได้ แต่มาตรา 26 ของร่างพ.ร.ป.กกต.กลับบัญญัติให้ต้องรายงานต่อที่ประชุมกกต.เพื่อมีมติ ซึ่งประเด็นข้อโต้แย้งทั้งหมดก็ได้มีพิจารณาในที่ประชุมสนช. และคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายไปแล้ว ดังนั้นจีงเห็นว่าไม่มีประเด็นอะไรที่จะต้องมีการยื่นตีความอีก



