
48 สปท.รุมค้านรายงานปฏิรูปรัฐสภาก่อนเห็นชอบ
48 สปท.รุมค้านรายงานการปฏิรูปงานรัฐสภา หั่นหลักสูตรสถาบันพระปกเกล้า ด้านสปท.การเมืองยืนกรานไม่ปรับปรุงรายงาน ก่อนที่ประชุมลงมติเห็นชอบ
3 ก.ค.60 มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) เพื่อพิจารณารายงาน “การปฏิรูปการปฏิบัติงานในรัฐสภา”ของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองสปท.ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ มีสาระสำคัญอาทิ การเสนอให้ตัดการจัดสรรงบประมาณเดินทางไปดูงานต่างประเทศของส.ส.และส.ว.เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการเดินทางไปท่องเที่ยว ไม่ใช่การดูงาน โดยใช้ภาษีประชาชน การเสนอไม่ให้แจกคอมพิวเตอร์แบบพกพาแก่สมาชิกรัฐสภา การกำหนดมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภาให้มีความชัดเจนและมีบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น การเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคการเมืองเสียงข้างมาก รวมถึงการเสนอให้แก้ไขพ.ร.บ.สถาบันพระปกเกล้า พ.ศ.2541 ให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นหน่วยงานทางวิชาการในการช่วยงานรัฐสภาเป็นสำคัญ อีกทั้งให้จัดหลักสูตรทางวิชาการเฉพาะสมาชิกรัฐสภาและตัวแทนพรรคการเมืองเท่านั้น โดยให้ยกเลิกหลักสูตรอื่นๆที่สร้างคอนเนกชั่นเชื่อมโยงกับนักการเมือง ผู้มีอำนาจ องค์กรอิสระ ที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้ประชาชนที่ต้องวิ่งเต้น ใช้เส้นสายเข้าเรียนหลักสูตรต่างๆ
ทั้งนี้สมาชิกสปท.บางส่วนอภิปรายท้วงติงการตัดงบประมาณดูงานต่างประเทศ โดยเห็นว่า การดูงานต่างประเทศยังมีความจำเป็นอยู่ ไม่ควรตัดทิ้งทั้งหมด ควรพิจารณาเห็นชอบเป็นกรณี ๆไป ขณะที่สมาชิกสปท.หลายคน ท้วงติงเนื้อหารายงานที่เสนอให้สถาบันพระปกเกล้ายกเลิกการจัดหลักสูตรต่างๆของสถาบันฯ
ทั้งนี้นายกษิต ภิรมย์ รองประธานสปท.ด้านการเมือง ชี้แจงว่า การจัดหลักสูตรของสถาบันพระปกเกล้าหลายหลักสูตรที่ระบุว่า เป็นการส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยนั้น ถามว่าไปเทียบกับประเทศใด ถ้าเป็นประเทศเพื่อนบ้านอย่านำไปเปรียบเทียบ เพราะเป็นการชมตัวเอง โดยเฉพาะการคัดเลือกคนที่เข้าไปเรียนหลักสูตรต่างๆไม่ได้เข้าไปเรียน แต่เป็นนักล่าประกาศนียบัตร หรือไปหาคอนเนกชั่น บางคนเรียนเกือบทุกหลักสูตรเวียนอยู่อย่างนั้น คิดว่าเรียนแค่หลักสูตรวปอ.ก็พอแล้วและเมื่อไปอบรมมาไม่เห็นนำใช้ประโยชน์ หรือพัฒนาประชาธิปไตย การเมืองไทยถึงได้เน่าเฟะ ทำให้ต้องมีการปฏิรูปขณะนี้ จึงอยากให้สถาบันพระปกเกล้าพัฒนาตรวจสอบคุณสมบัติว่า จะเข้ามาเรียนเพื่ออะไร อยากให้คนที่มาเรียนสถาบันพระปกเกล้านำความรู้มาพัฒนาส่งเสริมงานของรัฐสภาได้ ไม่ใช่คนเดียวเรียนหลายหลักสูตรเหมือนทุกวันนี้
ในช่วงท้ายการประชุม ก่อนที่จะมีการลงมติ มีสมาชิกสปท. 48 คนที่ลงชื่อท้วงติงรายงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปสถาบันพระปกเกล้า โดยขอให้กมธ.ปรับปรุงรายงานให้เป็นไปตามรายงานสถาบันพระปกเกล้าปี 2554 แต่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานสปท.การเมือง และนายกษิต ภิรมย์ รองประธานสปท.การเมือง ยืนกรานจะไม่ปรับปรุงเนื้อหารายงาน ทำให้บรรยากาศห้องประชุมตึงเครียดขึ้นมา ถึงขั้นที่นายศิริชัย ไม้งาม สมาชิกสปท.เสนอญัตติให้แยกโหวตเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระปกเกล้าออกมาต่างหากจากรายงานฉบับนี้ ทำให้น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธานสปท. ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม พยายามไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย ในที่สุดนายศิริชัยจึงยอมถอนญัตติ ก่อนที่จะมีการลงมติ โดยนายเสรีระบุว่า จะนำเนื้อหาเฉพาะในส่วนที่ดีไปปรับปรุง แต่ส่วนไม่ดีจะไม่หยิบมา ซึ่งที่ประชุมสปท.เห็นชอบรายงานดังกล่าวด้วยคะแนน 88 ต่อ 12 งดออกเสียง 48 ส่งเรื่องให้ครม.รับไปดำเนินการพิจารณาต่อไป



