"สุริยะใส"   จี้สนช.แจงสังคมให้เข้าใจหากเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระ

              นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.)  กล่าวถึงมติสภานิติบัญญัติแห่งชตาติ (สนช.)ที่เซ็ตซีโร่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า เชื่อว่า  การเซ็ตซีโร่ กกต. จะถูกขยายเป็นปมการเมือง โดยอาจถูกมองเป็นประเด็นที่มีวาระซ่อนเร้นได้ ถ้ากรรมาธิการวิสามัญฯ สนช.ไม่ออกแบบให้กระบวนการสรรหากกต.ชุดใหม่ และวิธีทำงานของ กกต.ให้มีธรรมาภิบาลกว่าเดิม อีกทั้งหากการเซตซีโร่ไม่ได้สร้างความหวังความเชื่อมั่นของประชาชนมากขึ้น การเซ็ตซีโร่ก็ไม่มีความหมายอะไร ซ้ำร้ายอาจถูกมองว่าเป็นแค่เกมหรืออคติทางการเมืองเท่านั้น
                นายสุริยะใส กล่าวว่า  ส่วนการเซ็ตซีโร่ กกต.จะถูกนำไปเป็นบรรทัดฐานในการเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งระบบหรือไม่ เรื่องนี้คงคาดเดายากคงขึ้นอยู่กับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่ากำหนดหลักเกณฑ์แต่ละองค์กรแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งแน่นอนมีรายละเอียดต่างกันพอสมควร รวมทั้งอยู่ที่การตัดสินใจของ กมธ.แต่ละชุดว่าจะพิจารณาตัดสินใจอย่างไร อย่างไรก็ตาม กมธ.ต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้สังคมเข้าใจให้ได้เพราะประชาชนอาจเกิดความสับสนได้เช่นกันว่าการเช็ตซีโร่นั้น ตอบโจทย์อะไรและจะนำไปสู่การปฏิรูปองค์กรอิสระหรือไม่หรือแค่เปลี่ยนคนเปลี่ยนกฎหมายแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ทั้งนี้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถือว่ามีอำนาจมากขึ้นกกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และฉบับปี 2550 เช่น ตัด กกต.จังหวัดทิ้งและเพิ่มอำนาจ กกต.กลาง 7 คน หรือการเพิ่มอำนาจเด็ดขาดในการปราบโกงให้ ปปช. หรือการเพิ่มอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาจริยธรรมของนักการเมืองได้   
             " ปัญหาที่ผ่านขององค์กรอิสระมิใช่เพราะองค์กรอิสระขาดอำนาจ หากแต่เป็นเพราะขาดความเป็นอิสระและไม่ยึดโยงกับประชาชนและสังคม ทำตัวเป็นอำนาจที่สี่ จนสุดท้ายถูกการเมืองเข้าไปควบคุมแทรกแซง จนในที่สุดการถ่วงดุลตรวจสอบโดยองค์กรอิสระก็ล้มเหลว   ผมหวังว่า กมธ.ต้องเอาบทเรียนในอดีตมาพิจารณา เมื่อมีบทเรียนมีโอกาสและมีอำนาจในมือก็ต้องสร้างองค์กรอิสระที่มีธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง และไม่ต้องมาผลักภาระให้ประชาชน" นายสุริยะใส กล่าว